“รู้ว่าเสียเงินเสียทองไปไม่น้อยแล้วจะเนรคุณไม่กลับไร่ใช้ได้ที่ไหน งานที่ไร่เยอะแยะยังกับอะไร”
พุดแก้วหน้าชา ฟังเสียงกรุ่นๆ เจืออารมณ์โมโหของเขาอย่างไม่เข้าใจ โรมรันโกรธอะไร ในเมื่ออยากให้เธอมาจากไร่เองแท้ๆ
“คุณเข้มพูดแรงไปหรือเปล่าคะ พุดยังไม่ว่าจะเนรคุณเสียหน่อย” สาวน้อยเชิดหน้าโต้ตอบ
“การที่เธอไม่กลับไปทำงานให้ฉันแบบนี้ ควรจะบัญญัติศัพท์ใหม่อะไรดีล่ะ ไหนลองบอกซิ ถ้าไม่ใช่คำว่าเนรคุณนั่น”
“พุดว่าคุณเข้มกำลังพาลมากกว่านะคะ ถ้าโกรธอะไรมาจากไหนไว้ค่อยคุยกันวันหลังก็ได้ แต่พุดยืนยันค่ะ พุดจะทำงานที่นี่ ขอเวลาพุดเก็บเงินสักพักแล้วจะทยอยใช้คืนให้ ถ้าคุณเข้มไม่ว่า”
“ว่าสิ ฉันต้องว่าอยู่แล้ว กี่ปีที่เธอจะใช้คืนฉันได้หมด มาอยู่ไกลแบบนี้ เผื่อวันดีคืนดีหนีหายเข้ากลีบเมฆ ฉันหาเธอไม่เจอทำไง”
โอ๊ย!! จะบ้าตาย ไอ้บ้าเอ๊ย นี่มึงไม่ได้มาเพื่อทวงเงินจากพุดแก้วนะ มึงมาเพื่อเอาตัวเธอกลับไร่
โรมรันก่นด่าตัวเองในใจ แม้ใบหน้าจะยังนิ่งเรียบเต็มไปด้วยความดุดันและชาเฉย ถ้ามีรางวัลตีบทแตก เขาได้มันชัวร์ๆ
พุดแก้วชักโมโหบ้าง โรมรันจะเอาไงแน่ ก่อนหน้าทำเป็นไล่ให้มาเรียน มาอยู่ที่นี่ แล้วตอนนี้กลับตามมาต่อว่าอีก
“พุดไม่เคยมีนิสัยแบบนั้น ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ คุณเข้มทำรายการมาเลย กี่บาทกี่สตางค์ ต่อให้ต้องใช้ทั้งชีวิต พุดก็จะหามาคืนให้ครบ”
คนฟังขบกราม มองจ้องสาวน้อยที่ปีกกล้าขาแข็ง ร้องปาวๆ จะหาเงินมาคืน ต่อมความโกรธมันแทบระเบิด เส้นเลือดที่ขมับกระตุกตุ้บๆ ชายหนุ่มลุกยืนช้าๆ ยัดมือใส่กระเป๋ากางเกงยีน พยายามนับหนึ่งถึงร้อย...ถึงพัน
เมื่อก่อนเขาเคยควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี ทำไมวันนี้จะมาหลุดฟอร์มเสียได้ ไม่มีทาง
“อ้อ... เก่ง”
พุดแก้วเชิดหน้า น้ำเสียงแค่นเค้นออกมาแบบนั้น ไม่ได้ชมเธอแน่ แต่ไม่ว่าโรมรันจะอ้างเหตุผลอะไร เธอไม่มีวันกลับไปไร่พฤกษ์พนา กลับไปให้เขาดูถูกต่อว่าอีกน่ะเหรอ เธอไม่ไปแน่นอน
กายแกร่งเคลื่อนช้า ขณะที่ตาคมมองรอบห้องไปเรื่อย ชักนึกสนุกขึ้นกับความดื้อรั้นของสาวน้อย
“ยังไงก็จะใช้ทั้งชีวิต ก็ไปใช้ด้วยกันที่โน่นเลยซิ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาคอยจับตาดูกันให้วุ่นวาย”
“ไม่ค่ะ คุณเข้มเคยอยากให้พุดมาอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอคะ พุดก็มาแล้วไง”
“ฉันให้เธอมา เพื่อให้เธอได้เห็นโลกกว้าง ได้เรียนรู้การช่วยเหลือตัวเอง ให้เธอ...เติบโต... แต่บอกตรงๆ ตอนนี้ฉัน...ชักไม่ชอบ”
ร่างสูงผึ่งผายหยุดตรงหน้าคนตัวเล็กที่บางสิ่งไม่เล็กเลยให้ตายดิ้น หน้าคมเข้มดุดันหันมาเผชิญกัน พุดแก้วเผลอถอยหลังจนหลังติดประตูตู้ มองท่าทีของผู้ปกครองหนุ่มอย่างระแวดระวัง ท่าทางเขาเต็มไปด้วยอาการคุกคามอย่างไรไม่รู้
“พุดก็ช่วยเหลือตัวเองได้ เรียนจบแล้ว โตแล้ว มีงานทำแล้วด้วย”
“ฉันชอบที่เธอเติบโต” โดยเฉพาะเจ้าสองพุ่มบัวแฝดนั่น... “แต่ไม่ชอบ ความปีกกล้าขาแข็งที่เธอกำลังแสดงออกตอนนี้”
“พุดเปล่าเป็นแบบนั้น แค่ไม่อยากเป็นภาระของคุณเข้มอีกแล้ว”
“ฉันพูดเมื่อไหร่ว่าเธอเป็นภาระ ใครใช้ให้คิดให้พูดแทน พรุ่งนี้เธอต้องกลับไร่พฤกษ์พนากับฉัน นั่นเป็นสิ่งที่เธอควรทำ” โรมรันสรุป หมุนตัวหันหลังให้ ก่อนจะเผลอกระโจนเข้าใส่ตามเสียงเรียกร้องก้องในใจ
ชายหนุ่มสะกิดกระดุมเพื่อถอดเสื้อแขนยาวสีดำ รู้สึกว่าชักจะร้อนจนเหงื่อตก ทำงานในไร่ยังไม่ร้อนเท่ายืนในห้องนี้ ความร้อนที่บอกไม่ได้ว่ามาจากอากาศหรือคนตัวเล็กที่ยืนเถียงฉอดๆ แต่ยังถอดเสื้อไม่เสร็จเสียงเล็กๆ สุดดื้อดึงก็พาลพาให้อารมณ์ฉุนเฉียวพุ่งสูง
“ไม่ค่ะพุดไม่กลับ ทำไมต้องบังคับด้วย พุดไม่ใช่เด็กแล้วนะ บรรลุนิติภาวะแล้ว คุณเข้มไม่มีสิทธิ์บังคับพุด”
เวลาอยากให้มาก็ไล่ พออยากให้กลับไปก็สั่ง คนบ้า ดีแต่สั่งๆ ไม่คิดถึงจิตใจคนอื่นบ้างเลย พุดแก้วกัดปากถลึงตามองหน้าเข้มนั่นอย่างเจ็บใจ
โรมรันกระชากเสื้อเชิ้ตตัวนั้นออกจากตัวอย่างไม่ปรานีปราศรัย เกี่ยวแว่นตาโยนตามเสื้อไปบนเตียง หน้าขรึมเครียดดุ
“รู้มั้ย ไอ้คำว่าบรรลุนิติภาวะ มันมีผลอะไรบ้าง” ชายหนุ่มพูดลอดไรฟัน หันมาจับจ้องดวงหน้าเชิดน้อยๆ กลีบปากอิ่มที่เขาเคยลิ้มรสความหอมหวานเมื่อนานมาแล้ว
“คุณเข้มจะบังคับพุดไม่ได้” นั่นคือสิ่งเดียวที่เธอต้องการ พุดแก้วสบตาคมด้วยความถือดี เธอโตแล้ว ไม่ใช่เด็กสาวไร้สติอย่างเมื่อก่อน
ชายหนุ่มหรี่ตา ก้าวเนิบช้าเข้าหาร่างเล็ก
“มันก็ทำให้เธอมีผัวได้โดยที่ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์ไงล่ะ”
สิ้นเสียงกร้าว พุดแก้วหวีดอุทานอย่างตกใจ กายหนาใหญ่พรวดพราดถึงตัวเธอ โรมรันดันร่างบางกระแทกประตูตู้ดังกึก เธอผลัก เขาจับข้อมือทั้งสองยกสูง แล้วกดติดบานประตูไม้ไว้เหนือหัว
“คุณเข้ม! จะทำอะไร”
“ทำให้ฉันมีสิทธิ์เอาตัวเธอกลับไร่ ทำในสิ่งที่เธอเคยเรียกร้องอยากจะได้ไงล่ะพุดแก้ว...”
หา! เขาเป็นบ้าอะไร!
พุดแก้วเบิกตาค้าง สะอึกอึ้ง... ตะลึงมองหน้าดุดัน อะไรเข้าสิงโรมรัน เมื่อก่อนสนใจเธอที่ไหน ตอนนี้ทำเหมือนจะขย้ำฉีกทึ้งเธอออกเป็นชิ้นๆ
เสียงหวานกรีดตะโกนลั่น ชนิดไม่กลัวคนข้างห้องจะได้ยิน
“ฉันไม่อยากได้!”