บทที่ 2 เรื่องยามเช้า 1

1289 Words
เวลาหกโมงเช้า มณีธารา เดินลงมาจากชั้นสอง ในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าปล่อยชายสบาย ๆ กับกางเกงยีนส์ส่งให้รูปร่างดูปราดเปรียวคล่องแคล่ว ผมดกดำขลับเงางามสลวยถูกมัดรวบไว้หลวม ๆ เปิดใบหน้าเรียวรูปไข่รับกับคิ้วเรียวโค้งได้รูป และดวงตาแจ่มใสงดงาม ริมฝีปากอวบอิ่มอมชมพูเมื่อคลี่ยิ้มแล้วทำให้โลกนั้นดูสดชื่นขึ้นเป็นกอง เธอคือหญิงสาวในวัยยี่สิบห้าปีที่มีดีกรีนักเรียนนอก เพิ่งทำงานเป็นสถาปนิกได้สองปีที่บริษัทออกแบบแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ทว่าในความสดใสร่าเริงนั้นก็มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ด้วยความเป็นลูกคนเล็กของบ้านมีแต่คนตามใจยิ่งทำให้เธอค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองอยู่บ้างตามประสา “มอนิ่งค่ะคุณแม่” มณีธาราเดินเข้าไปกอดเอวศศิธรผู้เป็นมารดาจากทางด้านหลังเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำอาหารเช้าให้ทุกคนในบ้าน โดยมีใบเตยคอยเป็นลูกมือช่วยอยู่ข้าง ๆ “อ้าว...น้ำ วันนี้ตื่นเช้าเชียว หิวไหมลูก นี่ข้าวต้มใกล้จะเสร็จแล้ว รอเดี๋ยวเดียวนะลูกนะ” ศศิธรหอมแก้มลูกสาวฟอดใหญ่ด้วยความรักระคนแปลกใจที่วันนี้มณีธาราตื่นเช้ากว่าทุกวัน “ยังไม่หิวค่ะคุณแม่ น้ำรอกินพร้อมคุณพ่อและพี่ตะวันได้ค่ะ” “จ้ะ” “ถ้าอย่างนั้นน้ำไปนั่งดูทีวีรอนะคะ” พูดจบเธอก็เดินไปที่ห้องรับแขกเปิดทีวีย้ายช่องไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าอยากดูเรื่องอะไรเป็นพิเศษ จนกระทั่งได้ยินเสียงทัก “เอ๊ะ! วันนี้ฝนท่าจะตก หรือไม่พายุก็น่าจะเข้า ยัยน้ำตื่นแต่เช้า ปกติเห็นตื่นสายนี่นา” เอกตะวันเดินเข้ามาใกล้ ๆ น้องสาวคนเดียวพร้อมกับขยี้ผมเหมือนเมื่อยังเป็นเด็กเล็ก ๆ “พี่ตะวัน ผมน้ำเสียทรงหมดแล้ว” แทนที่เอกตะวันจะขอโทษกลับขยี้หนักขึ้นกว่าเดิม นั่นยิ่งทำให้เจ้าตัวหน้างอเพราะเจอพี่ชายแกล้งแต่เช้า แต่ครั้นจะเอาคืนบ้างก็ต้องยอมแพ้เพราะสู้ไม่ได้ด้วยส่วนสูงที่เสียเปรียบกว่ามาก สำหรับเอกตะวันแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนบริหารกิจการของครอบครัวที่ขึ้นชื่อเรื่องความเก่งจนยากจะหาใครเทียบได้ ลูกน้องของเขาแต่ละคนต่างรู้ดีว่าเอกตะวันนั้นทั้งเนี้ยบ ละเอียด และจริงจังเรื่องการทำงานมากขนาดไหน อะไรที่คนอื่นมองว่ามันยาก ทำไม่ได้ แต่ถ้าเอกตะวันจะทำเสียอย่าง เขาก็จะต้องหาทางจนกว่าจะสำเร็จให้ได้นั่นล่ะ แต่มีอยู่เรื่องเดียวที่เขาไม่เคยเอาชนะได้เลยก็คือมณีธาราน้องสาวคนเดียวของเขา ตั้งแต่เด็กจนโตก็มีกันแค่ 2 คนพี่น้อง ถึงแม้ว่าเขาจะชอบแกล้งน้องสาวอยู่บ่อย ๆ แต่ถ้าเมื่อไรก็ตามที่หญิงสาวออดอ้อนหรือมีน้ำตามาหาเขาละก็ ไม่ว่าน้องคนนี้จะขออะไรเขาก็มักจะตามใจทุกครั้งไป ถึงแม้ว่าเขาจะคอยบอกตัวเองอยู่บ่อยครั้งว่า น้องสาวโตแล้วไม่ควรที่จะตามใจมากก็ตาม แต่เขาก็ไม่เคยทำสำเร็จเลยสักครั้งเดียว “แกล้งน้องแต่เช้าไม่ดีนะเจ้าตะวัน” เสียงของผู้เป็นพ่อดังมา ทำให้มณีธารารีบวิ่งไปหาสุริยะพร้อมกับกอดอย่างออดอ้อนแกมฟ้อง “คุณพ่อดูสิคะ พี่ตะวันแกล้งน้ำแต่เช้าเลย คุณพ่อต้องจัดการให้น้ำนะคะ” “...” ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรเสียงของศศิธรก็ดังแทรกขึ้นมา “อาหารเช้าพร้อมแล้วจ้าทุกคน มาทานกันได้แล้ว” เหมือนเป็นคำสั่งประกาศิตจากผู้เป็นนายใหญ่ตัวจริงของบ้านขนาดที่สุริยะยังต้องเกรงใจ ทุกคนก็ทำตามอย่างว่าง่าย เดินเข้าไปนั่งประจำที่บนโต๊ะอาหาร โดยมีผู้เป็นพ่อนั่งหัวโต๊ะ “คุณแม่คะ ดูสิคะเมื่อกี้พี่ตะวันขยี้หัวน้ำ ผมเสียทรงหมดเลย” “ตะวันก็แกล้งน้องเป็นเด็ก ๆ ไปได้ เดี๋ยวน้องต้องไปทำงานอีกดูสิเนี่ย ผมยุ่งหมด” ปากก็บ่นลูกชายส่วนมือก็สาละวนช่วยจัดแต่งทรงผมให้ลูกสาวสุดที่รักจนทำให้เอกตะวันเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ ป้าเล็กและใบเตยช่วยกันยกข้าวต้มเสิร์ฟทุกคนบนโต๊ะอาหาร บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ “คุณแม่คะ น้ำว่าคุณแม่ไม่เห็นจะต้องลงมือทำอาหารเช้าเองเลยให้ป้าเล็กทำก็ได้ คุณแม่จะตื่นเช้ามาทำกับข้าวให้เหนื่อยทำไมกันคะ” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะต้องพูดเรื่องนี้กับมารดาอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง “ผมก็เห็นด้วยนะครับ” เอกตะวันเห็นด้วยกับน้องสาวเพราะเขาเองก็ไม่อยากเห็นผู้เป็นมารดาต้องเหนื่อยและตื่นเช้า “ลูกทั้งสองจะให้แม่เขาอยู่เฉย ๆ พ่อว่าเห็นทีจะยากนะ ความสุขของแม่เขาอย่าไปห้ามเลย จริงไหมแม่” สุริยะหันไปพยักเพยิดกับภรรยาอย่างรู้ใจ “แน่นอนสิคะ ก็ความสุขของแม่คือการได้ทำอาหารให้ทุกคนกินพร้อมหน้าพร้อมตากันนี่นา ถ้าลูกไม่อยากให้แม่เหนื่อยก็กินเยอะๆ เท่านี้แม่ก็หายเหนื่อยแล้ว” มณีธาราฟังแล้วหันไปยิ้มให้กับมารดา รับรู้ถึงความรักที่ทั้งพ่อและแม่มีให้อย่างล้นเหลือ สุริยะและศศิธรแต่งงานกันตั้งแต่ครอบครัวยังไม่มีอะไร ทั้งสองช่วยกันทำมาหากินแบบปากกันตีนถีบ ตั้งแต่ช่วยกันขายข้าวแกงข้างถนน จนมาเปิดร้านข้าวแกงเล็ก ๆ จนกระทั่งเริ่มก่อตั้งธุรกิจเกี่ยวกับอาหารและพัฒนามาเป็นอาหารแช่แข็งที่สามารถส่งขายได้ทั่วประเทศ และล่าสุดจากฝีมือของคนรุ่นใหม่อย่างเอกตะวันที่เข้ามาช่วยบริหารธุรกิจของครอบครัวจนกระทั่งสามารถนำอาหารไทยแช่แข็งออกไปตีตลาดที่ต่างประเทศจนเป็นผลสำเร็จ สุริยะจึงให้ภรรยาเกษียณตัวเองออกมาพักผ่อนอยู่บ้านส่วนตนนั้นคอยเป็นที่ปรึกษาให้ลูกชาย เขาเข้าบริษัทไม่บ่อยเหมือนที่ผ่านมา ตั้งใจไว้ว่าอีกสักระยะถ้าบริษัทเข้าที่เข้าทางก็จะให้เอกตะวันบริหารงานเต็มตัว ส่วนตัวเองก็จะได้มีเวลาพาภรรยาสุดที่รักไปเที่ยวพักผ่อนยามเกษียณ “งั้นน้ำไม่เกรงใจแล้วนะคะ เพื่อความสุขของแม่ จะกินให้หมดหม้อเลยคอยดู” “ยัยตระกละเอ๊ย...นี่ว่าแต่เราเถอะยัยน้ำ ทำไมวันนี้ตื่นมาแต่เช้า ปกติเห็นตื่นสาย บางทีพี่จะออกไปทำงานยังไม่เห็นตื่นเลย” พี่ชายอดที่จะถามไม่ได้ คำถามนั้นทำให้มณีธาราหน้ามุ่ยถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกถึงต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องตื่นแต่เช้า “ก็เมื่อคืนน้ำฝันร้ายน่ะสิพี่ตะวัน พอตื่นขึ้นมาแล้วก็นอนไม่หลับ น้ำเลยลุกมาดีกว่า” “ห๊ะ! ฝันร้ายนี่นะ ฝันว่าอะไรล่ะ พี่จะได้เอาไปตีหวย” คนเป็นพี่ล้อพร้อมหัวเราะลั่นกับทีท่ากระฟัดกระเฟียดของน้องสาว “ฮึ ทำมาเป็นหัวเราะเยาะน้อง รู้อย่างนี้ไม่น่าบอกเลยก็ดี” “ฝันว่าอะไรหรือลูก?” ศศิธรถามด้วยความเป็นห่วง เพราะร้อยวันพันปีก็ไม่เคยเห็นลูกสาวจะมีอะไรให้กังวลใจจนทำให้ต้องตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพราะนอนหลับต่อไม่ได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD