ร้านซาลาเปาสกุลจู
“ท่านพ่อ”
“อือ” จูเกอขานรับโดยไม่ได้หันไปมอง
“ข้าต้องเอาซาลาเปาไปส่งให้แม่นางว่านก่อนหมดยามเซิน ข้าไปตอนนี้เลยได้ไหม”
“รีบไป”
“เจ้าค่ะ”
“อาซิน” จูเกอกวาดสายตามองไปทั่ว “แม่เจ้ากลับมาหรือยัง”
“ยังเจ้าค่ะ”
“แบมือ”
หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่าย แต่พอเห็นเงินที่วางอยู่บนฝ่ามือก็ตกใจจนแทบจะโยนทิ้ง ทำเหมือนมันเป็นถ่านร้อนที่จะลวกมือ
“ท่านพ่อให้ข้าทำไม”
“เอาไปซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ ดี ๆ สักชุด ถุงหอมสักชิ้น รองเท้าสักคู่ ซื้อแป้งซื้อชาดมาใช้ด้วย”
“สิ้นเปลืองเปล่า ๆ ท่านเก็บเงินนี้ไว้เถิด” ยื่นมือค้างอยู่อย่างนั้น และนึกแปลกใจว่าทำไมบิดาถึงใจดีกับนาง
“ข้าบอกให้ซื้อก็ซื้อไป อย่าเรื่องมาก” พูดเสียงห้วนและชักสีหน้าใส่นาง “รีบเก็บเงินไปก่อนที่แม่เจ้าจะเห็น”
หญิงสาวรีบเอาเงินใส่เข้าไปในผ้าคาดเอว “ขอบคุณท่านพ่อที่เมตตา”
“ไปทำงานของเจ้าไป”
“เจ้าค่ะ” เตรียมของเสร็จแล้วจึงเดินไปที่หน้าร้าน เจออากังกำลังทำความสะอาดอยู่จึงทักทาย “ข้าไปส่งของให้พี่ว่านก่อนนะพี่กัง”
“เดี๋ยวก่อน” หม่ากังรีบเดินเข้าไปหานาง ยื่นเงินให้หญิงสาวที่ให้ความเอ็นดูเหมือนน้องสาว “เอาไปซื้อซานจาเชื่อมที่เจ้าอยากกิน”
หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้าง “ท่านเก็บเงินไว้เถิด เมื่อวานข้าแอบไปซื้อกินมาแล้ว” แล้วรีบหิ้วตะกร้าเดินจากไป เพราะกลัวเขาจะเห็นน้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจของนาง
“โกหก!” หม่ากังได้แต่พูดตามหลังเบา ๆ เมื่อวานนางไม่ได้ออกไปไหน ทำงานอยู่กับเขาตั้งแต่ร้านเปิดยันร้านปิด เสร็จแล้วยังต้องไปนวดแป้งหมักแป้งต่อจนค่ำมืด ซานจาร้านไหนจะยังขายอยู่อีก
“นางมาแล้วนายท่าน” เฟิงเมี่ยนรีบส่งสัญญาณให้เจ้านายที่เอนหลังอยู่กับต้นไม้ใหญ่ มองดูม้าตัวโปรดเล็มกินหญ้า
เติ้งอี้เทียนลุกขึ้นอย่างใจเย็น ใช้ผ้าปิดหน้าและสวมหมวกอำพรางอีกที แล้วเดินออกจากที่ซ่อนไปที่ถนน
เฟิงเมี่ยนเอาถ่านป้ายตามเนื้อตัวให้ดูมอมแมม
“เดินระวังหน่อยสิ!!”
ยังไม่ทันจะเดินออกจากที่ซ่อนก็ได้ยินเสียงตวาดของสตรีนางหนึ่งดังขึ้น..ใจของเขาแทบบินออกจากอก เมื่อเห็นเจ้านายลงไปนั่งกองอยู่บนพื้น
แต่เท้าที่เริ่มก้าวออกไปก็ชะงักในทันที เมื่อเห็นเจ้านายส่งสัญญาณห้าม จึงรีบหมุนตัวกลับไปยังที่ซ่อนแล้วแอบสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ
เติ้งอี้เทียนมองหญิงสาวที่ยืนเท้าเอว ใบหน้าบอกบุญไม่รับ เขาขยับหมวกบนศีรษะให้เข้าที่แล้วหยิบไม้เท้า ทำท่าพยายามจะลุกด้วยความยากลำบาก
“แม่นาง ช่วยพยุงข้าหน่อยได้ไหม”
“ทำไมข้าต้องช่วยเจ้าด้วย”
“แม่นางเป็นคนชนข้าล้ม” เขาเตือนสตินางเบา ๆ
“ใครชนเจ้า เจ้าเป็นคนเดินมาชนข้าแล้วก็ล้มลงไปเอง อย่ามาโยนความผิดให้ข้า หน้าด้าน ไร้ยางอาย”
“แต่ขาข้าไม่ดี ยามปกติจะลุกจะนั่งก็ยังลำบาก ได้โปรดช่วยข้าหน่อยเถิดแม่นาง”
“ล้มเองได้ก็ลุกเองเถิด!”
“แต่ข้าลุกไม่ไหว”
“ลุกไม่ได้ก็นั่งขอทานไปเถิด ข้าไม่ช่วยให้มือข้าเปื้อนความสกปรกหรอก”
เสียงต่อว่ารุนแรงที่แสนคุ้นหู เรียกความสนใจจากไป๋ซินซินจนต้องหยุดดู
“อย่า!!” ภาพที่เห็นทำให้นางตกใจจนเผลอตะโกนออกไป รีบวิ่งไปที่จุดเกิดเหตุและช่วยพยุงบุรุษที่ถูกผลักจนล้มให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เพราะเขาตัวใหญ่กว่านางมาก ซ้ำยังขาเจ็บอีก
จูอ้ายเหม่ยแสยะยิ้ม เห็นพี่สาวต่างบิดาช่วยเขาจนลุกขึ้นยืนได้ก็ยิ่งรู้สึกสมเพช
“ดู ๆ แล้วก็เหมาะสมกันดีนะ ชายพิการกับหญิงไร้ค่า”
ซินซินไม่ได้โกรธที่ถูกต่อว่า แต่โกรธที่จูอ้ายเหม่ยจิตใจหยาบกระด้าง ไร้ความเมตตาต่อผู้อื่น
“รู้ว่าเขาพิการก็ยังผลักเขาจนล้ม ไม่ละอายแก่ใจบ้างหรืออ้ายเหม่ย”
“ช่วยไม่ได้ ก็เขาอยากมาดึงแขนเสื้อข้าก่อนทำไม”
“แต่แม่นางชนข้า ข้าแค่กลัวตัวเองล้มจึงเผลอดึงแขนเจ้าไว้”
“ใครชนเจ้า ไหนใครเห็นบ้าง มีพยานไหม” อ้ายเหม่ยหันไปถามคนอื่นเสียงดังอย่างไม่ละอายแก่ใจ เมื่อไม่มีใครกล้าเป็นพยายจึงหันไปยิ้มเยาะใส่เขา
“ขะ ข้า ข้า ข้าเห็น”
เสียงตะกุกตะกักเสียงหนึ่งเรียกสายตาของชาวบ้านหลายคนให้หันไปมอง
เฟิงเมี่ยนในคราบมอมแมมโกโรโกโส ใบหน้าถูกทาไว้จนดำเพื่ออำพราง ยกมือค้างอยู่กลางอากาศ แผนการที่วางไว้กับเจ้านายพังไม่เป็นท่าเพราะสตรีชั่วร้ายผู้นี้
อ้ายเหม่ยเดินตีหน้ายักษ์เข้าไปหาเฟิงเมี่ยน ผลักอกเขาอย่างหาเรื่อง
“เห็นอะไร เจ้าเห็นอะไร”
“ข้าเห็นแม่นางเดินชนเขาจนล้ม พอเขาขอความช่วยเหลือแม่นางก็ไม่ช่วย เขาแค่จับชายเสื้อเพื่อขอเป็นหลักยืนแม่นางก็ผลักเขาล้มซ้ำอีก”
ฉาด!
“ตบข้าทำไม!” เฟิ่งเมี่ยนอยากจะหักนิ้วทั้งห้าของนางทิ้งเสียเดี๋ยวนี้ แต่ก็ต้องข่มใจทำตัวขี้ขลาดเอาไว้
“เป็นแค่ขอทานอย่าสู่รู้ให้มาก ถ้าอยากได้เงินนักก็เอาไป แล้วไสหัวไปให้ไกล”
เฟิงเมี่ยนมองเงินหนึ่งอีแปะที่นางโยนให้ “ข้าไม่อยากได้เงิน ข้าแค่พูดตามที่เห็น แล้วข้าก็ไม่ใช่ขอทานด้วย”
“เจ้า!!!”
“อย่า!” ซินซินร้องห้ามและเอาตัวเข้าไปขวางอ้ายเหม่ย
ฉาด!
เฟิงเมี่ยนส่งสายตาไปหาเจ้านายทันทีที่เห็นไป๋ซินซินถูกทำร้ายแทนตัวเขา แม้จะขัดใจเมื่อถูกสั่งห้ามแต่ก็ต้องอดทนเอาไว้
อ้ายเหม่ยจิ้มนิ้วใส่หน้าผากของพี่สาวต่างบิดา มองด้วยสายตาเกลียดชัง
“เสนอไม่เข้าเรื่อง ถ้าไม่สั่งสอนก็คงไม่เจียมตัว” แล้วชี้นิ้วใส่ชาวบ้านที่เริ่มซุบซิบการกระทำของนาง “ไม่ใช่เรื่องของพวกเจ้า ไม่ต้องมาสอด ไปให้พ้น!”
“เจ้ารีบกลับบ้านไปก่อนจะดีกว่านะ” ไป๋ซินซินเตือนน้องสาว
“อย่ามาสั่งข้า เงาหัวจะไม่มีอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก”
“ข้าก็แค่เตือนเจ้าดี ๆ ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูพ่อเจ้าเดือดร้อนแน่” ซินซินพยายามพูดให้เบาที่สุด