2 ความลับของพระเพื่อน

1642 Words
"กลับมาทั้งที ไม่พักเลยเหรอ ที่ทำงานพี่โหดจัง" ฉันเอ่ยทักพี่สาว ที่กำลังแต่งตัวออกไปทำงานแต่เช้า เพิ่งกลับมาได้ 2 วัน ทำบุญบ้านใหม่เมื่อวาน พี่พะเพื่อนก็ต้องออกไปทำงานแล้ว ขยันจริงๆ ที่ทำงานก็โหดมาก "ขยันเข้าไว้ หากพี่ได้โบนัสมาอีก พี่จะออกรถให้แพงอีกคัน" "โอ๊ย! ไม่ต้องพี่เพื่อน แพงสะดวกใช้รถสาธารณะมากกว่า ไปไหนก็สะดวกดีออก" "แล้วนี่พายไปไหน" "ยังไม่ตื่นอะ เมื่อวานกลับดึก" พี่พะเพื่อนพยักหน้า หยิบกระเป๋าสะพายและเอ่ยลาฉัน "พี่ไปนะ" "ไม่ทานอะไรก่อนเหรอ" "ไม่ละ เดี๋ยวสาย!" "ขับรถดีๆ นะ" "อื้ม" เมื่อพี่พะเพื่อนออกไปแล้ว ฉันก็รีบขึ้นไปเรียกพะพายให้ตื่นไปเรียน ส่วนตัวฉันเองฉันเรียนปีสุดท้ายแล้ว เหลือเพียงแค่ฝึกงานก็จบ "พาย! พี่ไปแล้วนะ กับข้าวในตู้เย็น!" "อืม" เสียงน้องชายแว่วออกจากห้องเป็นการตอบรับ ฉันก็รีบแต่งตัวนั่งพี่วินมอเตอร์ไซค์ไปเรียนทันที ทิ้งรถมอเตอร์ไซค์ไว้ให้พะพาย ••••• "ไงยะแก..หายไปสามวัน เลิกคลั่งพี่สาวตัวเองยัง" คะนิ้งยืนกอดอกเข้ามาคุยกับฉันเมื่อเห็นฉันเข้ามาที่แผนกที่ฉันกำลังฝึกงานอยู่ ซึ่งคะนิ้งเป็นพนักงานประจำของที่นี่แล้ว ใช่..ฉันเรียนจบช้ากว่าเพื่อนไปหนึ่งปี ตอนนี้เพื่อนร่วมรุ่นต่างทำงานกันหมดแล้ว เหลือเพียงฉันและเพื่อนไม่กี่คนที่ยังไม่จบ ด้วยสภาพคล่องทางการเงินและเวลาของฉัน รวมถึงสติปัญญาที่ไม่ได้ฉลาดล้ำจึงทำให้ฉันจบช้ากว่าคนอื่น "แพง!!" "อะไรแกเรียกซะดัง" "แกมีฝาแฝดเหรอ" "ไม่มี..แกก็รู้ฉันมีพี่สาวกับน้องชายเพียงแค่..นะ..นั้น" ฉันทำหน้าเอ๋อทันที ที่เห็นพี่สาวตัวเอง กำลังเดินตามผู้บริหารคนหนึ่งในบอร์ดบริษัทมือจดเป็นระวิงเมื่อเขาคนนั้นกำลังพูด "พี่สาวแก?" "อืม ใช่" "อย่างเป๊ะ! แต่พอดูนานๆ ก็ไม่เหมือนขนาดนั้นนะ แต่ถ้ามองผิวเผินก็คงจะทักผิดกันบ้างละ" "เหมือนเหรอ..ไม่นะ พี่สาวฉันออกจะสวยกว่าฉันมาก" "นี่แกกำลังชมตัวเองอยู่ใช่ไหมแพง" ฉันยักไหล่ถือเอกสารกองโตเดินตรงไปยังเครื่องถ่ายเอกสารตรงหน้าโดยทิ้งเพื่อนสาวยื่นมองไปทางพี่สาวฉันที่เดินตามผู้บริหารจนลับตาไป ไม่ยักจะรู้ว่ามาฝึกทำงานที่เดียวกันกับที่ทำงานของพี่พะเพื่อนด้วย ฉันไม่มีโอกาสได้ตามหาพี่สาวในที่ทำงานมากนัก เพราะการเป็นนักศึกษาฝึกงานก็เหมือนเบ้ดีๆ นี่เอง ทำงานทั้งหมด วิ่งไปแผนกนู่นนี่นั่นไม่หยุดหย่อน "ปะ! แกกลับ" "เดี๋ยวแป๊บ..เก็บกระเป๋าก่อน" ฉันรีบเก็บของใส่กระเป๋าผ้าของตัวเอง และรีบเดินตามคะนิ้งออกไป เพราะฉันต้องไปเก็บของที่เหลือที่หอเดิม "แก..นั่นพี่สาวแกนิ" ระหว่างที่เดินไปป้ายรถเมล์ฉันเห็นพี่เพื่อนก้าวขึ้นรถตู้คันสีดำ กระจกรอบคันก็ดำสนิทมองผ่านทะลุเข้าไปข้างในไม่เห็นเลย ฉันเก็บความสงสัยนั้นไว้ เพราะถึงยังไงกลับถึงบ้านค่อยถามไถ่พี่สาวตัวเองก็ยังได้ "ขอบใจนะแก เข้าบ้านก่อนไหม" "ไม่อะ..นัดกับพี่อาร์ตไว้ ไปช้าเดี๋ยวงอนฉันอีก" คะนิ้งวางกล่องของใช้ฉันลงหน้าประตูบ้านและโบกมือลา ฉันยิ้มส่งเพื่อนที่นั่งแท็กซี่กลับออกไป มือล้วงหากุญแจบ้านในกระเป๋าแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ สงสัยลืมอีกแน่เลยฉัน! ฉันรีบกดโทรหาน้องชายตัวเองทันที พะพายคงเข้าบ้านก่อนพี่พะเพื่อนแน่ๆ "พาย..พี่ลืมกุญแจบ้านอะ" (พายติดเรียนอะ..อีกชั่วโมงได้ปะ) "อืมๆ" พอวางสายไปไม่กี่นาที รถอีโคคาร์คันเล็กของพี่สาวฉันขับแล่นเข้ามา "อ้าว..ทำไมยังไม่เข้าบ้านละแพง" "ลืมกุญแจอะ แหะๆ" พี่พะเพื่อนส่ายหาไปมาแล้วยื่นกุญแจให้ฉันผ่านประตูรถและดึงมือกลับไป ฉันยังพอเห็นข้อมือของพี่พะเพื่อนช้ำบริเวณรอบข้อมือทันแต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก Rrrrrr.... แต่ก่อนที่พี่พะเพื่อนจะขับรถเข้ามาเก็บในบ้าน เสียงโทรศัพท์ของพี่สาวฉันก็ดังขัดขึ้นมาก่อน พี่เพื่อนรับสายเป็นภาษาอังกฤษด้วยน้ำเสียงนอบน้อม สีหน้าเปลี่ยนไป แต่พอรู้ตัวว่าฉันยืนมองอยู่พี่พะเพื่อนก็ปรับสีหน้าเป็นปกติและวางสายไป "เย็นนี้พี่อาจไม่กลับนะ...ล็อกบ้านดีๆละ" "อ้าว..จะไปไหนละ" พี่สาวฉันไม่ตอบ ปิดกระจกรถและเหยียบรถออกไปเลย ทิ้งฉันยืนเอ๋ออยู่หน้าบ้านคนเดียว ด้วยความที่สงสัยฉันรีบวางของรีบปิดประตูบ้าน เรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่บังเอิญขี่รถผ่านมาพอดี บอกให้พี่เขาซิ่งตามรถของพี่สาวฉันไปด้วยความเป็นห่วง "ขอบใจมากพี่ชาย" ฉันจ่ายเงินค่ารถถอดหมวกกันน็อกส่งคืน มองรถพี่สาวตัวเองที่จอดอยู่ไกลๆ พี่พะเพื่อนจอดรถและเดินลัดเข้าไปข้างในข้างอาคารขนาดเล็กที่มีป้ายเก่าๆ บ่งบอกว่าสถานที่นี้เคยเป็น อาบ อบ นวด ฉันตามพี่สาวด้วยฝีเท้าที่เบาที่สุด แต่ก็คลาดสายตาไป แต่พอจะหันหลังกลับเท่านั้นแหละ กลุ่มชายชุดดำก็เดินเข้ามาอีกทาง ทั้งกลุ่มมีอาวุธครบมือเดินเข้ามาในที่โล่งตรงหน้าพอดี ฉันรีบพาตัวเองหลบอยู่มุมอับที่มีกล่องไม้เรียงกันยาว "ไดมอนด์มันไม่กล้ามารับของเองหรือไง ถึงได้ส่งสุนัขรับใช้อย่างมึงมาแทน" ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าสุดเอ่ยขึ้นมาตามองไปทางข้างหน้า ซึ่งฉันไม่เห็นใครเลยสักคน อุบ! อยู่ๆ ก็มีฝ่ามือสอดมาทางข้างหลังฉันละปิดปากฉันไว้ แถมยังมีของแข็งดันอยู่ข้างหลังซึ่งฉันพอจะรู้ว่ามันคืออะไร..เขาบังคับให้ฉันยืนขึ้นและดันหลังฉันออกไป "อ้าว! เดี๋ยวนี้พวกมึงใช้นางนกต่อแล้วเหรอวะ" "อื้อ!!!" ฉันใช้แรงทั้งหมดที่มีดีดดิ้นจนหลุดจากคนที่รัดฉันไว้ แต่พอจะออกตัววิ่งเท่านั้นแหละ กระบอกสีดำนับสิบมันเล็งมาที่ฉันทันที "ปะ..ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น" ฉันยกสองมือขึ้นพร้อมกันทั้งสองข้าง ไม่กล้าขยับตัว ไม่กล้าแม้แต่ที่จะมองไปรอบๆ ปัง! "กรี๊ด!!" เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ฉันกรีดร้องออกมาด้วยความกลัวและทรุดตัวลงกับพื้น ปืนอีกแล้ว!! ทำไมชีวิตฉันต้องมีแต่ปืนด้วยเนี่ย! "กรี๊ด!!" ฉันกรีดร้องอีกครั้งเมื่อมีมือใครไม่รู้มากระชากฉันออกตัววิ่ง ด้วยความที่หลับหูหลับตาวิ่งตามคนตรงหน้าไม่ได้มองด้วยซ้ำว่าไปทางไหนยังไงอะไรบ้าง "คุณไหวไหม" เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อเสียงปืนหยุดลง ฉันรีบลืมตามองคนตรงหน้า โคตรหล่อ...แถมยังดูดีไปอีก "คุณ! ช็อกไปแล้วมั่ง" "คะ!?...ละ..แล้วพี่สาวฉันล่ะ!" ฉันมองไปรอบๆ พบว่าตัวเองยืนอยู่ตรงลานจอดรถเก่าที่รถของพี่พะเพื่อนจอดอยู่แต่รถมันหายไปแล้ว ฉันกลับมามองคนตรงหน้าที่เพิ่งช่วยชีวิตฉันไว้ เขายืนพิงรถมือยังถือปืนปากคาบบุหรี่อย่างชิว "สารวัตรครับ! ข้างในเคลียร์หมดแล้ว..ของกลางหายไป" "ศาลาวัด?!" เขาเพียงยิ้มให้ฉันจับหัวฉันโยกไปมาแล้วพาฉันขึ้นรถทันที เหตุการณ์ไปไวมาก! มากซะจนฉันงง แล้วพี่เพื่อนมาทำอะไรที่นี่ แล้วพี่สาวฉันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือเปล่านะ!? "นี่ตัวเล็ก! แล้วอย่าไปเดินเตร่แถวนั้นอีกละ" ศาลาวัด เอ๊ย! คุณสารวัตรรูปหล่อหันหน้ามาคุยกับฉัน ในระหว่างที่ขับรถมาส่งหลังจากที่สอบสวนฉันเสร็จ "ค่ะ..อย่าเรียกแบบนั้นได้ไหมคะ เอ่อ..ฉันไม่ใช่เด็ก" "แน่ใจนะว่าไม่ได้มีอะไรกับพวกนั้น" เขาไม่ตอบเพียงแค่ยิ้มละมุนด้วยใบหน้าที่หล่อเหลานั้นส่งมาให้ "ค่ะ..แค่โดนแกล้งให้ไปตึกสยองนั้นเฉยๆ" ฉันตอบแบบเดิมเหมือนที่ตอบเขาตลอดการสืบสวนซึ่งดูจากท่าทางเขาแล้ว เขาคงไม่เชื่อแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ "เข้าบ้านซะ! อะ! นามบัตร มีอะไรไม่ชอบมาพากลก็ติดต่อพี่ได้นะเข้าใจ๊" "ค่ะ ขอบคุณค่ะ" ฉันยกมือไหว้รีบเปิดประตูรถวิ่งเข้าบ้านทันที "พี่เพื่อนละ พาย" น้องชายฉันนอนเล่นเกมอย่างสบายกายสบายใจบนโซฟาที่เราเพิ่งจะแกะพลาสติกคลุมมันออกเมื่อวาน พะพายไม่สนใจฉันแต่ก็ยังเอ่ยปากตอบคำถาม "มาถึงก็ขอตัวอาบน้ำนอนแล้ว..แล้วพี่ละไปไหนมา" "หางานพิเศษ" ฉันโกหกน้องชายตัวเองเดินตรงขึ้นบันได เดินผ่านหน้าห้องนอนพี่สาวตัวเองที่เงียบไร้เสียงเล็ดลอดออกมา ฉันยกมือขึ้นหวังจะเคาะประตูเรียกแต่ก็ไม่กล้า ลดมือลงและเดินเข้าห้องตัวเองไปด้วยความสงสัยและความเป็นห่วง เราคงไม่ได้สนิทกันเหมือนเมื่อก่อนแล้วซินะ..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD