CHAPTER 9 START EMPATHY
ฉันท้องเสียเพราะกับข้าวที่ไรเฟิลสั่งมา คือมันก็อร่อยดีฉันเลย
กินเยอะไปหน่อย อีกอย่างคือเสียดายด้วยแหละ ก็ไรเฟิลน่ะสั่งมาเยอะเกิน แต่พอท้องเสียก็ได้แต่บ่นว่าไม่น่ากินเยอะเลย ฉันวิ่งเข้าห้องน้ำจนเหนื่อย และตอนนี้ก็เหมือนกัน
“ไรเฟิล”
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าไรเฟิลหลับอยู่ตรงหน้าฉัน เราหันหน้าเข้าหากัน ฉันว่าฉันงีบไปแปบเดียวเองนะทำไมตื่นมาอีกทีเกือบเจ็ดโมงเช้าแล้ว ให้ตายสิ วันนี้ต้องไปเรียนนะไม่อยากขาดเรียนแล้ว ฉันลอบมองหน้าไรเฟิลจนลืมปวดอึไปเลย ไรเฟิลเป็นผู้ชายที่หน้านิ่งที่สุดในโลก ตอนตื่นกับตอนหลับก็หน้าเหมือนกันนั่นแหละ ตอนสงบปากสงบคำแบบนี้ค่อยใช้ได้หน่อย
ถ้าเรารู้จักกันในทางที่ดีกว่านี้ ฉันต้องตกหลุมรักไรเฟิลแน่ๆ หล่อ รวย เพอร์เฟ็ค แต่ติดที่ไรเฟิลดันจับฉันมาข่มขืนนี่ไง บางทีฉันอยู่กับเขาฉันก็ลืมไปว่าเขาทำอะไรกับฉันไว้บ้าง หลังๆมานี่ไรเฟิลทำตัวแปลกๆ จะดีกับฉันก็ดีขึ้นมาซะอย่างงั้น ไม่พอใจก็ด่าแต่ด่าแปบเดียวก็กลับมาดี ไม่เห็นจะเอาปืนจี้ฉันเหมือนตอนนั้นเลย
“จะจ้องจนท้องเลยไหม?”
“เห้ย!!”
ฉันสะดุ้งโหยงอึแทบราด อยู่ดีๆไรเฟิลก็ลืมตาขึ้นมาแถมยังพูดเหมือนรู้อีกว่าฉันมองเขามาได้สักพัก มันมีตาที่รูขุมขนหรือไงนะ ทำเป็นมาหยั่งรู้ ฉันไม่อยากจะสนใจเขาหรอกเลยลุกไปเข้าห้องน้ำแทน พออึเสร็จฉันก็อาบน้ำและใส่ชุดคลุมอาบน้ำออกมา ก็ฉันต้องหาชุดใส่กลับบ้านหนิ ต้องกลับบ้านไปเอาชุดนักศึกษาเพื่อไปเรียน พอเดินออกมาก็เห็นไรเฟิลนอนลืมตาแล้วมองมาทางฉันพอดี
“ไรเฟิล ขอยืมเสื้อผ้านายใส่กลับบ้านได้ไหม?”
“กลับทำไม”
“ก็ฉันต้องไปเอาชุดนักศึกษาไปเรียนไง วันนี้มีเรียน ควรกลับตั้งแต่เมื่อคืนแล้วด้วยซ้ำ”
“เดินมานี่ดิ”
“ห้ะ?”
ฉันกำลังงุนงงอยู่ว่าไรเฟิลเรียกทำไมเลยไม่ได้ก้าวขาเดินออกไป ก้มมองสำรวจตัวเองก็ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ที่ผิดปกติน่ะคือไรเฟิล ที่เรียกฉันพร้อมกับเอามือตีที่เตียงสองสามทีเป็นการเชื้อเชิญ
“หูตึง?”
อะไรของเขาแค่นี้ก็ต้องหงุดหงิดด้วย ไม่พอยังมาทำหน้าดุใส่ฉันอีก ฉันเลยเดินไปหยุดที่ปลายเตียง ก็แล้วจะให้ฉันคลานขึ้นเตียงไปยังตำแหน่งที่เขาเชื้อเชิญเมื่อกี้ก็ไม่ใช่เรื่องใช่ไหมล่ะ
พรึ่บ
“ว้ายย”
ร่างฉันถูกดึงขึ้นเตียงด้วยความเร็วแสงเพราะไรเฟิลลุกขึ้นแล้วดึงฉันน่ะสิ ฉันก็เสียหลักล้มไปทับตัวไรเฟิลอยู่เนี่ย หน้าฉันซุกอยู่ที่หน้าอกไรเฟิลพอดี ฉันพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากพันธนาการของเขา แต่ไรเฟิลกลับกอดเอวฉันไว้แน่น
“อย่าดิ้น”
“ปล่อยไรเฟิล ฉันรีบกลับบ้าน ต้องให้บอกกี่ทีว่าฉันต้องไปเรียน”
“ขออยู่แบบนี้แปบนึง...นะ”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
หัวใจของฉันเต้นแรงจนรู้สึกได้ มันเต้นแรงกว่าครั้งก่อนตอนที่ฉันกำลังจะมีอะไรกับไรเฟิล ความรู้สึกมันต่างกันแบบที่ฉันก็บอกไม่ถูก และมีอีกอย่างที่ฉันสัมผัสได้คือเสียงหัวใจของไรเฟิลก็เต้นแรงและดัง
และมัน...เป็นจังหวะเดียวกับหัวใจฉัน
“เธอ”
ฉันงีบหลับอีกแล้ว!! นี่ฉันหลับต่อหน้าคนที่ไม่สนิทกันได้ยังไง หลับต่อหน้าไรเฟิลกี่ครั้งแล้ว สักวันเถอะฉันจะโดนไรเฟิลจับไปฝังแบบไม่รู้ตัว ยิ่งโหดๆอยู่ ประเด็นคือฉันดันหลับคาอกไรเฟิลไง นี่ถ้าเงยหน้าขึ้นมามันจะเอาปืนจ่อฉันไหมเนี่ย ข้อหานอนทับตัวเขาแล้วหลับไปอะไรแบบนั้นน่ะ
“ลุกได้แล้ว! ตะคริวแดกไปหมดแล้วเนี่ย!!”
นั่นไง..คิดไว้แล้วว่าต้องโดนอะไรสักอย่าง โดนบ่นก็ดีกว่าโดนยิงตายล่ะวะ
ฉันขยับตัวลุกแล้วลงจากตัวเขามานั่งบิดขี้เกียดบนเตียงแทน ส่วนไรเฟิลก็หยัดตัวนั่งพิงกับหัวเตียงด้วยสีหน้าหงุดหงิดคิ้วขมวดกันเป็นเงื่อนตาย คือจะหงุดหงิดอะไรนักหนา เป็นคนดึงฉันขึ้นไปนอนทับเองไม่ใช่? บ้าจริงๆ
“นายไม่ทำงานหรอวันนี้”
“ทำสิ แต่เสือกตื่นสาย เออ ชุดเธอแขวนอยู่ห้องแต่งตัวนะ ปิดให้มันดีๆดิชุดคลุมน่ะ นมโผล่แบบนี้จะอ่อยฉันใช่ไหม?”
แล้วไรเฟิลก็ลุกไปอาบน้ำเลย ทิ้งฉันให้จมกับความอับอายอยู่ที่เดิม นี่ฉันปล่อยเนื้อปล่อยตัวแบบนี้ได้ยังไงกัน ขนาดตอนถ่ายแบบฉันเซฟตัวเองตลอด ไม่เคยพลาด ฉันเดินไปยังห้องแต่งตัวก็พบชุดนักศึกษาแขวนอยู่ เสื้อนักศึกษาพอดีตัว กระโปรงนักศึกษาสีดำยาวถึงตาตุ่มแต่ด้านหลังแหวกมาถึงข้อพับ ตุ้งติ้ง กระดุม และเข็มขัดที่เป็นสัญลักษณ์ของมหาลัยฉันเอง นี่เขาเอามันมาได้ยังไง?ของใหม่ทั้งหมดด้วย ฉันตะลึงอยู่ได้ไม่นานก็ต้องรีบใส่มันเพราะต้องรีบไปเรียน เรื่องเครื่องเขียนและชีทเรียนฉันค่อยไปซื้อใหม่ได้
แต่ว่า...รองเท้าฉันล่ะ
“ไรเฟิล!! รองเท้าฉันล่ะ ฉันไม่มีรองเท้าใส่”
“เชิญทางนี้ครับคุณผู้หญิง”
“คะ?”
คนที่ฉันเรียกไม่ได้หันมาสนใจฉัน ยังคงหาอะไรสักอย่างอยู่ที่ตู้เอกสาร แต่ลูกน้องเขากลับหันมาหาฉันแล้วเชื้อเชิญให้ไปอีกมุมหนึ่งของห้องทำงาน ซึ่งฉันเห็นกล่องอะไรไม่รู้หลายสิบกล่องวางซ้อนกันอยู่
“เรียกฉันมีอะไรคะ?”
“อ่อ เรียกให้มาลองรองเท้าน่ะครับ”
“ไรเฟิลสั่งมาหรอคะ?”
“ครับ นายเล็กสั่งมา”
ทำไมนะทำไม ทำไมหน้าฉันมันร้อนผ่าวขึ้นมาแบบนี้...
ฉันเลือกรองเท้าผ้าใบสีขาว ที่จริงมีหลากหลายให้เลือกเลยล่ะ ทั้งส้นสูง คัทชู และผ้าใบ ฉันเบื่อส้นสูง ไม่ชอบใส่ไปไหนมาไหนมันเดินลำบาก จะใส่เฉพาะตอนทำงานแค่นั้น ว่าแต่ว่าฉันควรขอบคุณไรเฟิลนะ ที่จัดหาเครื่องแต่งกายมาให้ ไม่งั้นวันนี้คงไม่ได้ไปเรียนแน่
“ไรเฟิลจ๋า ขอบคุณนะคะ สำหรับทุกอย่างวันนี้”
ไรเฟิลนั่งพิงพนักเก้าอี้อยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา ฉันจึงเดินไปแล้วคล้องคอไรเฟิลจากด้านหลังก่อนจะโน้มหน้าลงไปกระซิบข้างหู
“อย่ามาใกล้!! รีบไปได้แล้วไป เหม็นขี้หน้า!! เดี๋ยวให้คนขับรถไปส่ง”
ดูสิดู ดูปากของไรเฟิล อ้าปากทีนี่หมาออกมาทั้งฝูง เคยคิดจะพูดจาดีๆใส่ฉันบ้างไหม? คนอุตส่าห์มาขอบคุณดีๆ ที่ขอบคุณเนี่ยเพราะฉันรู้สึกขอบคุณจริงๆนะ
คนที่ให้ฉันลองรองเท้านั่นเองเป็นคนขับรถมาส่งฉันที่มหา’ลัย เห็นว่าชื่อริค เพราะเราแนะนำตัวกันเรียบร้อยแล้ว ริคมีหน้าตาคมเข้ม สุภาพ เป็นลูกน้องคนสนิทของไรเฟิลนั่นแหละ
“จอดตรงนี้ใช่ไหมครับคุณผู้หญิง”
“บอกให้เรียกกี้ไงคะ”
“อ่อ นี่ครับ นายเล็กฝากมาให้ แล้วเลิกเรียนนายเล็กสั่งให้คุณผู้หญิงกลับไปที่บ่อนนะครับ”
“ไปทำไมอีกล่ะคะ”
“นายเล็กมีเรื่องจะคุยน่ะครับ เห็นว่าเรื่องสำคัญมาก คุณผู้หญิงเลิกเรียนแล้วลงมาจะเจอผมรออยู่ตรงนี้นะครับ กรุณาอย่าหนีกลับบ้าน ไม่งั้นนายเล็กได้ตามไปแหกอกคุณถึงบ้านแน่”
“นายเล็กของนายเป็นโรคจิตหรือเปล่า? ชอบบังคับนั่นบังคับนี่ฉันสารพัด อะไรก็ได้ไปหมดแล้วจะเอาอะไรกับฉันอีก”
“คุณคิดว่าคนอย่างนายเล็กจะสนใจอะไรด้วยหรอครับนอกจากตัวเอง เว้นแต่ว่า..จะชอบหรือไม่ก็...”
“พูดอะไรของคุณน่ะ ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาจะสนใจอะไรหรือไม่สนใจอะไร ช่างเถอะ ขอบใจมากนะริคที่มาส่งฉัน ตอนเย็นเจอกันนะ”
ฉันลงมาจากรถด้วยอาการแบบไหนก็บอกไม่ถูก ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะว่าที่ไรเฟิลทำให้ฉันคือสนใจฉันน่ะ พอนึกแล้วก็ปวดหนึบที่หน้าอกข้างซ้ายเพราะหัวใจมันเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ ในหัวฉันก็มีแต่ภาพไรเฟิลเต็มไปหมด
พอตั้งสติได้ฉันก็ก้มลงมองของในมือที่ริคบอกว่าไรเฟิลฝากมาให้ฉัน มันคือกระดาษรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีแดงสามใบ
“ให้เงินมาสามร้อยเนี่ยนะ!!! ไอ้บ้าไรเฟิลเอ้ยยย”
ฉันต้องซื้อชีทเรียน ต้องซื้อเครื่องเขียน ต้องกินข้าวด้วยนะ สามร้อยนี่ยังไม่รู้เลยว่าจะพอค่าชีทหรือเปล่า!
___________________________________________________________