การทำงานดูราบรื่นขึ้นเมื่ออารมณ์และความรู้สึกในยามนี้ช่างสดใสเสียเหลือเกิน ติรณาไม่ได้สังเกตเลยว่าการเปลี่ยนแปลงของเธอเป็นที่สังเกตของเพื่อนร่วมงาน ต่างพากันสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวผู้เงียบขรึม วันๆ หมกตัวอยู่แต่กับงาน ไม่พูดไม่จากับใคร ดูจะอารมณ์ดีขึ้นเป็นพิเศษ
จากเมื่อก่อนที่ไม่เคยยิ้มให้ใครก็ยิ้มเก่งมากขึ้น เริ่มพูดคุยทักทายในตอนเช้า และกล่าวลาเมื่อเลิกงาน ซึ่งในสังคมบริษัทนั้น เรื่องนี้ย่อมเรื่องที่น่าสงสัย จากที่เคยพากันซุบซิบนินทาหญิงสาวอยู่แล้ว ก็ดูเหมือนจะมีหัวข้อให้ปริภาษกันมากขึ้น
แต่ด้วยความไม่สนใจใครเป็นทุนเดิม ทำให้ติรณาไม่ได้ใส่ใจสิ่งรอบข้าง เธอยังคิดว่าตัวเองเป็นปกติทุกอย่าง เพียงแต่รู้สึกอยากเป็นมิตรกับเพื่อนร่วมงานมากขึ้นก็เท่านั้น เพราะไม่อยากให้ภวัตเป็นกังวล เรื่องที่เธอชอบทำตัวแปลกแยก
“สงสัยมีผัว” เสียงกระซิบกระซาบของพนักงานในแผนกที่จับกลุ่มยืนคุยกันอยู่ตรงโต๊ะทำงานของเพื่อนคนหนึ่ง
“ก็ว่างั้นแหละ...แต่สภาพแบบนี้ใครจะเอานอกจากพวกกุ๊ยขาแว้น” อีกคนเสริมขึ้น พลางแบะปากอย่างดูแคลน สายตาก็เหลือบไปมองติรณาที่กำลังง่วนอยู่กับกองเอกสารของตัวเอง
“ใครก็ไม่รู้ แค่คงไม่ใช่คนในบริษัทเราแน่ล่ะ มั่นใจได้ ต่อให้พวกผู้ชายมันหิวโซแค่ไหนนะ แต่ละคนก็อยากมีแฟนสวยๆ โปรไฟล์ดีๆ ไว้เป็นหน้าเป็นตากันทั้งนั้น ขืนคบกับแม่นี่มีหวังโดนแซวยับ น่าอายจะตายไป”
“ไม่มีงานทำกับเหรอครับสาวๆ คุยอะไรกันอยู่หืม” พิชิต หัวหน้าแผนกกำลังเดินเข้ามาแล้วเห็นว่าหญิงสาวกำลังจับกลุ่มเมาท์มอยกันอีกแล้ว เผลอเป็นไม่ได้เชียว จึงต้องออกปากปรามเสียหน่อย
“เปล่านี่คะหัวหน้า กำลังคุยกันว่าเย็นนี้จะไปกินอะไรที่ไหนกันดี” เจ้าของโต๊ะกล่าว พอหัวหน้ามา ต่างก็แยกย้ายกันไปประจำที่ของตัวเอง แล้วก็เร่งทำงานกันอย่างแข็งขัน
“จ้าคุณเธอ...วันๆ นอกจากเรื่องกินกับลดความอ้วนแล้ว งานการก็ทำกันบ้างนะครับ แผนงานใหม่ที่ให้แก้เสร็จหรือยังจีจ้า ผู้จัดการจะแหกผมอยู่แล้วนะ” พิชิตนั่งลงตรงโต๊ะของตัวเอง แล้วกล่าวทีเล่นทีจริง
“จะเสร็จแล้ว รอทบทวนอีกรอบเดียวจีส่งเมลไปให้ค่ะหัวหน้า” จันทราบอก แล้วก็มุ่งมั่นอยู่กับงานตัวเองที่หน้าจเอคอมพิวเตอร์
ติรณายิ้มบางๆ รู้สึกขบขันกับการหยอกเย้าของหัวหน้ากับคนอื่นๆ ส่วนตัวเธอไม่เคยมีโมเมนต์นั้นหรอก ส่วนมากก็ทักทายกันธรรมดา และคุยแค่เรื่องงาน แต่หลังจากเปิดใจให้เพื่อนๆ ในแผนก ก็ทำให้รู้สึกว่าบรรยากาศที่ทำงานน่าอยู่กว่าเก่ามากเลยทีเดียว
พอถึงเวลาพัก...พนักงานเกือบทุกคนยกเว้นติรณาจะลงไปรับประทานอาหารที่โรงอาหาร หรือไม่ก็ร้านค้าใกล้ๆ บริษัท ในขณะที่หญิงสาวจะมีข้าวกล่องติดตัวมาด้วย กินเสร็จก็ทำงานต่อ เธอไม่เคยเสียเงินสักบาทเพื่อจะได้มีของดีๆ ตกถึงท้อง
ที่ห้องพักพนักงานมีเครื่องอำนวยความสะดวกจำพวกตู้เย็น ไมโคเวฟ เครื่องดื่มต่างๆ ไว้บริการ พอถึงเวลาเที่ยง หญิงสาวก็จะมาประจำอยู่ที่นี่ การได้อยู่คนเดียวในช่วงเวลาสั้น ทำให้รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ตอนนี้จะได้เริ่มพูดคุยกับเพื่อนในแผนกบ้างแล้ว แต่ด้วยความเป็นคนเก็บตัวและแปลกแยกมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอก็ยังรู้สึกอึดอัดอยู่ดี ในยามที่ต้องทำงานร่วมกับคนหมู่มาก
“อิ่มหรือยัง...”
“คุณภาม” หญิงสาวรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยทัก ขณะที่กำลังนั่งรับประทานอาหารและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
“ผมซื้อนี่มาให้ ข้าวกล่องนิดเดียวจะไปอิ่มได้ยังไง” ชายหนุ่มยื่นถุงกระดาษส่งให้ ด้านในมีกล่องผัดไทยกุ้งและเครื่องดื่มจากคาเฟ่ที่อยู่ใกล้บริษัท
“หงส์อิ่มแล้วค่ะ คุณภามไม่น่าลำบากเลย” เธอว่า พลางรับเอาของฝากมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วยิ้มให้เขาเป็นการขอบคุณ
“คราวหลังอยากกินอะไรก็บอกผมนะ ไม่ต้องเอาข้าวกล่องมาหรอก” เขาว่าแล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะคนตัวเล็กกว่าเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“คุณภาม...เดี๋ยวคนอื่นกลับมาเขาจะเห็นเอานะคะ คุณกลับไปห้องทำงานของคุณเถอะ”
“ไม่มีใครมาหรอก มีเวลาพักตั้งหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็เพิ่งลงกันไปไม่ถึงยี่สิบนาทีด้วยซ้ำ” ภวัตยิ้มอย่างไม่ยี่หระ
“ยังไงก็ไม่เหมาะอยู่ดีค่ะ” ติรณากล่าวอ้อมแอ้ม พลางยกน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะวางเอาไว้ที่เดิม ความสัมพันธ์ลับๆ แบบนี้สำหรับเธอมันยังดีเสียกว่าให้ใครๆ มารับรู้ เพราะมันคงส่งผลกระทบต่อหน้าตาทางสังคมของภวัตไม่น้อย
เขาเป็นถึงผู้บริหาร...มันไม่เหมาะเลยที่จะมาคบหากับพนักงานทั่วไปในแผนกอย่างเธอ ขอแค่รู้ว่ามีเขาอยู่ใกล้ๆ ก็เพียงพอที่จะเยียวยาทุกรอยแผลอันเจ็บปวดได้แล้ว ไม่ได้คิดอยากเรียกร้องอะไรมากไปกว่านี้
“ผมเป็นห่วงหงส์นะ เราเป็นแฟนกันแล้วก็ให้ผมดูแลบ้างเถอะ ไม่อย่างนั้นหงส์จะมีแฟนไว้เพื่ออะไร” มือใหญ่ของเขายังคงไล่เลื้อยอยู่กับปอยลมดำขลับของเธอ ใช้นิ้วม้วนพันเล่นอยู่อย่างนั้น
“หงส์...” เธอทำท่าจะพูด แต่เขาก็เอานิ่วมาแตะไว้ที่ปากเสีย ก่อนจะขยับมานั่งยองๆ ตรงหน้าเธอ
หญิงสาวกะพริบตามองด้วยความงุนงงปนเขิน
“ใครจะรู้ก็ให้เขารู้ไปเถอะ ผมไม่ได้สนใจ” ภวัตจับมือเล็กๆ ของเธอเอาไว้ แล้วก้มลงแนบริมฝีปากบนหลังมืออย่างแผ่วเบา ดวงตาพลางเหลือบขึ้นมองเธอซึ่งกำลังเขินอายจนหน้าแดง แลน่าเอ็นดูพิลึก
ติรณารู้สึกวาบหวิวเป็นอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงออกอย่างใกล้ชิดกับเธอ ได้แต่มองชายหนุ่มที่วางมือเธอลงบนตักเช่นเดิม แล้วลุกขึ้นยืนช้าๆ จนตอนนี้ต้องเป็นฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองเขาเสียเอง
สองตาสบมองกัน ในแววตาที่กำลังระยิบระยับเหมือนดวงดาวยามค่ำคืนนั้น ต่างก็แฝงความรู้สึกในใจเอาไว้เต็มเปี่ยม โดยไม่จำเป็นต้องท่องกล่าวด้วยวาจา
ใบหน้าคมเข้มค่อยๆ โน้มลงเหมือนกำลังถูกแรงดึงดูดมหาศาลจากหญิงสาว เขาค่อยๆ ทาบริมฝีปากลงบนกลีบปากบอบบางของเธอ สองมือยกประคองใบหน้าหวานเอาไว้พลางลูบเบาๆ รับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นสั่นเพราะสัมผัสจากเขา
“จะรีบขึ้นมาทำไมเนี่ยจีจ้า โอ้ย! ขอไปเติมหน้าหน่อยไม่ได้เหรอ” เสียงพูดคุยดังมากจากข้างนอก
สองหนุ่มสาวจำต้องผละออกจากกัน ภวัตยืนขึ้นตัวตรงแล้วถอนหายใจยาว เขายิ้ม...พร้อมกับใช้นิ้วเกลี่ยริมฝีปากของตัวเอง ระลึกถึงรสจูบเมื่อสักครู่โดยที่สายตายังไม่ยอมละห่างจากเธอ
ด้านนอก...สองสาวยังคงพูดคุยกันเรื่องงานที่ต้องรับผิดชอบ และดูเหมือนจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเรียบร้อย ติรณาจึงรีบผลักให้ชายหนุ่มออกจากห้องพักเบรกสำหรับพนักงาน เพื่อไม่ให้ใครสงสัยได้
“วันนี้จะยอมให้วันหนึ่งนะ...แต่คืนนี้หงส์ต้องให้ผมไปรับรู้ไหม ไม่งั้นต่อไปผมจะประกาศให้รู้กันทั้งบริษัทเลยว่าเรากำลังคบกันอยู่” ชายหนุ่มพูดพลางอมยิ้ม ทำราวกับเป็นเรื่องขำขันไม่ได้มีผลกระทบใดๆ
“ค่ะๆ คุณรีบออกไปก่อนเถอะ” ติรณาตอบรับส่งๆ ตื่นเต้นจนตัวเย็นวาบไปหมด หากมีใครรู้เรื่องระหว่างเธอกับเขาเข้า ต้องเกิดปัญหาไม่จบไม่สิ้นเป็นแน่
“แล้วคืนนี้เจอกันครับ” ไม่พูดเปล่า เขาฉวยจังหวะเผลอรวบเธอมากอดแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่ ก่อนจะผละห่างออกไปจากห้องนั้นทันทีด้วยความว่องไว
ปล่อยให้ติรณายืนถอนหายใจหอบแรงอยู่ตรงนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย...
หลังจากวันนั้น ภวัตก็มาหาเธอที่ร้านอาหารในตอนดึก และรับกลับบ้านทุกวัน เขามักบ่นว่าอยากให้เธอหยุดพักบ้าง และยอมตกลงปลงใจแต่งงานกันเสียที ไม่อยากให้เธอต้องทำงานที่ร้านอาหารอีกแล้ว หรือจะออกจากบริษัทด้วยก็ได้ เรื่องค่าใช้จ่ายเขาจะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด ส่วนเธอก็ให้เป็นแม่บ้านอย่างเต็มตัว จะได้มีเวลาดูแลเขาและแม่ซึ่งป่วยติดเตียงอย่างเต็มที่
แต่ติรณาก็รู้สึกว่ามันดูจะเป็นการเอาเปรียบกันมากเกินไป เขามีพร้อมทุกอย่าง...ในขณะที่เธอไม่มีอะไรเลยนอกจากภาระกับหนี้สิน ยิ่งเขาทำดีคิดดีกับด้วยเท่าไหร่ ก็ยิ่งน่าละอายเท่านั้น
“ทีหลังคุณภามไม่ต้องซื้อของพวกนี้มาให้หงส์อีกนะคะ” หญิงสาวบอกเขา ขณะที่ชายหนุ่มขับรถมาส่งหน้าปากซอยห้องแถวที่เธออยู่ ดวงตาปนเศร้าผลุบต่ำ มองถุงในมือซึ่งมีข้าวของที่ใช้ในชีวิตประจำวันหลายอย่าง ก็รู้สึกเกรงใจเหลือเกิน แม้แต่ของเล็กๆ น้อยๆ อย่างผ้าอ้อมผู้ใหญ่สำหรับแม่ เขาก็ยังไม่ละเลย
“มันไม่ได้เยอะแยะมากมายเลยนะหงส์...ผมก็แค่อยากแบ่งเบาคุณบ้าง ถือว่าเป็นของขวัญนะ”
“ขอบคุณนะคะ แต่ฉันยังยืนยันคำเดิมว่าดูแลตัวเองกับแม่ได้ คุณอย่าเป็นห่วงเลย”
“ครับ...” เขายิ้มรับอย่างว่าง่าย ด้วยไม่อยากให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดใจ เขารู้ว่าเธอเข้าสังคมยาก ไม่ชอบให้ใครก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว การที่เขาได้มาใกล้ชิดด้วยขนาดนี้ก็ถือว่าเธอยอมรับเขาในระดับหนึ่งแล้ว
“ขอบคุณนะคะที่คุณดีกับหงส์...” หญิงสาวยิ้มให้เขาด้วยความซาบซึ้ง ทำท่าจะหันไปเปิดประตูรถ แต่ก็ถูกคว้าตัวเอาไว้เสียก่อน
ชายหนุ่มเอื้อมตัวไปกอดร่างเล็กของเธอเอาไว้ เมื่อติรณาหันมาด้วยความฉงนเขาก็ฉกจูบไปที่ริมฝีปากบางเฉียบนั้นอย่างอ่อนโยน แล้วจึงค่อยๆ ปล่อย...
สองสายตาประสานกันเหม่อลอย หยาดเยิ้ม เปิดเผยความรู้สึกข้างในโดยไม่ต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด
“ดูแลตัวเองนะครับ” เขายิ้มแล้วกล่าวลา หญิงสาวพยักหน้าเงอะงะเพราะยังเขินอายกับการกระทำเมื่อครู่ ก้มหน้างุดแล้วเปิดประตูเดินออกไป พอหยุดยืนอยู่หน้าประตูรั้วห้องแถว มิวายยังแอบหันมามองเขา ซึ่งก็ยังยิ้มให้อยู่อย่างนั้น ก่อนจะโบกมือลากัน และชายหนุ่มมองจนหญิงสาวเดินเข้าไปด้านในลับตา ก่อนจะขับรถออกไปจากบริเวณนั้น
โดยไม่ได้รู้เลยว่า...ได้ถูกสายตาของใครบางคน จับจ้องมองดูราวกับจะกินเลือดกินเนื้อทั้งสองเสียให้สิ้นซาก
“แม่งจูบกันด้วยว่ะพี่...อย่างงี้ไม่ไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วเหรอ”
“กูมีตา มึงไม่ต้องบรรยายกูก็เห็น” คิมหันต์กัดฟันกรอด มือใหญ่กำเข้าหากันแน่นยันไว้กับต้นไม้ โกรธจนเส้นเลือดขึ้นหน้า
แม่คนนี้กล้าดียังไงให้คนอื่นมาแตะต้อง ทั้งที่ตัวเองก็มีพันธสัญญาอยู่กับเขา...
มันจะมากไปแล้ว
“ใจเย็นๆ นะพี่ พรุ่งนี้ผมจะรีบให้เด็กมันตามข้อมูลให้”
“หลายวันแล้วมึงยังไม่ได้เรื่องอะไรอีกเหรอวะต้อม” เขาทุบต้นไม้ไปแรงๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากมุมนั้นออกมาเผยตัวตนภายใต้แสงไฟจากหลอดนีออนตรงเสาไฟฟ้า สองมือล้วงกระเป๋า แหงนเงยขึ้นมองท้องฟ้า ลมเย็นๆ ที่พัดกระทบใบหน้าไม่ได้ช่วยบรรเทาหัวใจที่ร้อนรุ่ม แต่ก็พยายามระงับสติ
เขาจะรอ...หาทางทำให้ติรณาเจ็บปวดกับเรื่องนี้ จนไม่กล้าให้ผู้ชายคนไหนแตะต้องเธออีกนอกจากเขา
“ใจเย็นสิวะครับพี่คูณ รับรองว่าเด็ด” เมตไตรตบบ่าลูกพี่ แล้วยิ้มพลางยักคิ้วอย่างมีเลศนัย โดยไม่สนเลยว่าบัดนี้คิมหันต์กำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดไหน
“มึงรู้อะไรมาก็รีบบอกกู...จะรอห่าอะไร” ชายหนุ่มกล่าวอย่างอารมณ์เสีย จ้องเมตไตรที่เดินอยู่ข้างๆ เขม็ง อีกฝ่ายก็ทำทีผิวปาก แล้วเดินนำหน้าไป
“โธ่ลูกพี่ รออีกไม่นานหรอก ถ้าได้ข้อมูลครบถ้วนกระบวนความเมื่อไหร่ ผมรับรองว่าลูกพี่ต้องปลื้มผลงานชิ้นนี้ของผม”
“งั้นมึงก็บอกมาเลย” มือใหญ่ดึงคอเสื้ออีกฝ่ายจากด้านหลัง จนเมตไตรเซเกือบล้ม แต่ก็ทรงตัวได้เสียก่อน
“พี่...ใจเย็นสิ ขอผมเช็กก่อนว่าเรื่องมันจริงไม่จริงแค่ไหน ตอนนี้กำลังได้หลักฐานมายืนยันข้อมูล ยังไงพี่ก็ต้องรู้เร็วๆ นี้แหละ” เมตไตรยืนยัน ใช้มือจับหลังคอที่เกือบเคล็ดเพราะถูกกระชากในขณะที่ยังไม่ทันตั้งตัว พลางบ่นฮึมฮัม
“เล่นแรงชะมัดเลย...ไม่เคยเปลี่ยนเลยให้ตายเถอะ”
“บ่นเหี้ยอะไรของมึง...” มิวายยังตบหลังแรงๆ ไปอีกที จนเมตไตรคะมำไปข้างหน้าเกือบล้ม
“เปล่าๆ นี่พี่คูณ โกรธไอ้หงส์ก็ไปตีมันสิ ทำไมต้องมาลงกับผมตลอดด้วยเนี่ย บอกให้จับมาทำเมียซะให้รู้แล้วรู้รอดก็ไม่เชื่อ เจ้าคิดเจ้าแค้นเจ้าแผนการ แล้วเป็นไงล่ะ...หมาจะคาบไปแดกแล้วนั่น”
“...” คราวนี้คิมหันต์ไม่ได้ต่อปากต่อคำด้วย เขาเพียงซุกมือทั้งสองข้างไว้ในกระเป๋ากางเกง แล้วก็เดินกลับไปบ้านของตัวเองเหมือนอย่างทุกๆ คืน
ซึ่งเขาก็ทำอยู่เช่นนี้ มาเป็นเวลานานมากแล้ว...
เมื่อใจเป็นสุข...ไม่ว่าอะไรก็สวยงามไปเสียทุกอย่าง ติรณารู้สึกว่าช่วงนี้โลกของเธอเป็นสีชมพูไปหมด จนเพื่อนร่วมงานพากันมองด้วยสายตาสงสัยตามๆ กัน แต่เธอก็ไม่แคร์ ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน ความมีชีวิตชีวาเป็นอย่างไร หญิงสาวเพิ่งจะได้สัมผัสมันเป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอ...
ยิ่งหลังๆ มานี้คิมหันต์ไม่ได้มาป้วนเปี้ยนก่อกวนด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้โลกน่าอยู่มากขึ้นเป็นกอง แม้จะอดแปลกใจไม่ได้ว่าชายหนุ่มหายหน้าหายตาไปไหน แต่ไม่ใช่เพราะความคิดถึงห่วงหา มันคือความหวาดระแวงต่างหาก เพราะรู้จักนิสัยชั่วๆ ของเขาเป็นอย่างดี วันไหนมาหาเธอ นั่นคือวันที่นรกถามหาอย่างแท้จริง
คนแบบนั้น...เมื่อไหร่จะตายๆ ไปเสียที...
“หงส์...” เสียงทุ้มลึกของสตรีซึ่งไม่คุ้นเคยเรียกชื่อเล่นของติรณา ทำให้ทุกคนในแผนกหันมองเป็นตาเดียวกัน พลางขมวดคิ้วสงสัยในตัวผู้มาเยือน
“คะ...สวัสดีค่ะ คุณ...มาหาใครคะ” ติรณาชี้นิ้วเข้าหาตัวเองด้วยความงุนงง ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของเธอมองมาด้วยสายตาดุดัน จ้องนิ่งไม่กะพริบอย่างน่ากลัว
“เธอจริงๆ ด้วย หน้าตาก็ธรรมดาเหมือนในรูปเลยนะ” หญิงสาวปริศนาเอ่ยขึ้น เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มแต่งจับจีบที่อกอย่างมีไสตล์ ส่วนกางเกงขายาวห้าส่วนเป็นสีดำ และรองเท้าปลายส้นสูงปลายแหลมสีดำเรียบๆ ถือกระเป๋าสะพายข้างยี่ห้อดัง ผมสีน้ำตาลเข้มของเธอปล่อยยาวสลวย รับกับใบหน้ารูปไข่ แต่งหน้าด้วยโทนอ่อนๆ ทุกอย่างดูสง่าลงตัว...
“เอิร์น!” ภวัตลุกลี้ลุกลนออกมาจากห้องทำงาน ซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม สามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวของลูกน้องในแผนกได้ ท่าทางของเขาเลิ่กลั่กอย่างผิดวิสัย ทั้งยังหายใจหอบแรง มองสองสาวสลับกันแล้วพยายามทำตัวให้สงบ
“คุณภาม...” ติรณามองภวัติด้วยความงงงวย เธอสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาต้องดูตกอกตกใจขนาดนั้น แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร...ไยจึงรู้จักชื่อเธอ
ในขณะที่หญิงสาวกำลังงุนงง แต่ดูเหมือนคนอื่นๆ จะเข้าใจสถานการณ์กันหมดแล้ว ต่างก็พากันมามุงพูดคุยกระซิบกันอย่างอยากรู้อยากเห็น
เพียะ! สาวเจ้าไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอมองภวัตแล้วหันไปง้างมือตบติรณาซึ่งยืนตรงหน้าฉาดใหญ่ ก่อนจะหยิบรูปที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมาโยนใส่ซ้ำ รูปภาพเหล่านั้นปลิวว่อน และหล่นลงพื้นกระจัดกระจาย
หลายคนต่างก็กรูกันเข้ามาเก็บขึ้นไปดู...
“เห้ย...นี่อย่าบอกนะว่าหงส์แอบคบกับคุณภาม” เสียงนินทาประณามดังขึ้นแซ็งแซ่
ทางด้านภวัตนั้นรีบเข้ามาจับตัวหญิงสาวผู้มาเยือนเอาไว้ทันที
“พอแล้วเอิร์น กลับบ้าน...มีอะไรค่อยกลับไปคุยกัน”
“คุยตรงนี้แหละ...ให้มันรู้กันให้ทั่วไปเลยว่าคุณกับมันเล่นชู้กัน!”
“เอิร์น!” ชายหนุ่มพยายามรั้งอรอินทร์ แล้วลากพาออกไปจากแผนก เพราะคนทั้งบริษัทตอนนี้กำลังทยอยกันเข้ามามุงดูเหตุการณ์ราวกับกำลังมีมโหรสพใหญ่ ในขณะที่เธอก็ขัดขืนเต็มที่ เอาแต่จะโผเข้าหาติรณาเพื่อทำร้ายร่างกายด้วยความแค้น
“ชู้...เหรอคะ...” ติรณาน้ำตาหยดแหมะลงอาบแก้ม ในหัวอื้ออึงไปหมดกำลังติฉินต่างๆ นานา ภาพผู้ชายที่เธอทั้งรักทั้งบูชาสุดหัวใจ กำลังฉุดรั้งผู้หญิงคนตรงหน้า มันทำให้เธอเข้าใจทุกอย่างได้ในทันที...
“นี่เอิร์น...คนมองใหญ่แล้ว รู้จักอายบ้างสิ”
“อาย...หึ อีตอนไปเอากันไม่อายฟ้าอายดิน อีแค่คนมองเกิดหน้าบางอะไรขึ้นมาล่ะ หน้าไม่อายทั้งคู่ คนหนึ่งก็มีลูกมีเมียอยู่ทนโท่ อีกคนก็ทำงานทั้งนั่งโต๊ะทั้งนอนอ้าให้ผัวคนอื่นบนเตียง”
“พอแล้วเอิร์น...ไปเถอะ หยุดพูดซะที” ภวัตแทบจะเอาหน้ามุดพื้นหนี ด้วยไม่คิดว่าจู่ๆ ภรรยาที่ไม่เคยมาหาเขาที่นี่เลย จะมารู้เรื่องสำคัญได้...
“เกิดอะไรขึ้น เอะอะอะไรกัน”
“คุณครอง...” ภวัตมองเจ้าของเสียงแล้วก็ก้มหน้าให้เป็นการทำความเคารพ พลางกลืนน้ำลายคงคอด้วยความเหนียวฝืด เพราะเขาคนนั้นคือรองประธานบริษัท ซึ่งมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองสามคน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
“ดิฉันเป็นภรรยาคุณภาม ฉันมาจับชู้ค่ะ เพราะสามีดิฉันกับเด็กพนักงานคนนั้นแอบคบหากัน นั่นไงคะ หลักฐาน...และฉันก็ยังรู้รายละเอียดอะไรอีกเยอะแยะไปหมด ถ้าคุณเป็นฉันคุณจะยังอยู่เฉยได้เหรอคะ” อรอินทร์ซึ่งไม่รู้ว่าชายวัยกลางคนผู้นั้นคือใคร แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าต้องเป็นระดับผู้บริหารแถวหน้าก็รีบรายงาน เพราะรู้ว่าเรื่องเล่นชู้กับสามีหรือภรรยาคนอื่นนั้นเป็นกรณีต้องห้ามเด็ดขาดในทุกสถานที่ทำงาน
เพราะมันจะก่อเกิดความเสื่อมเสีย ทำลายสถาบันครอบครัว...นำมาซึ่งความวุ่นวายภายในองค์กร เพราะเป็นสิ่งที่สังคมส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ
“ที่นี่ไม่ใช่โรงละคร...พวกคุณมีปัญหาอะไรก็ไปคุยกันที่อื่น” ครองธรรม รองประธานบริษัทกำมือที่ไขว้กันไว้ด้านอยู่ด้านหลังแน่น สีหน้าขึงขัง จากนั้นก็พยักหน้าส่งสัญญาณให้ รปภ นำตัวผู้ก่อเรื่องออกไปด้านนอก
“คุณภาม คุณพาภรรยาคุณไปสงบสติอารมณ์แล้วพรุ่งนี้เรามีเรื่องต้องคุยกัน ส่วนคุณ...เพิ่งได้เลื่อนเป็นพนักงานประจำใช่ไหม ไม่ต้องมาทำงานที่นี่อีกแล้วนะ” เขาชี้นิ้วลงบนพื้นซ้ำๆ ด้วยความโกรธ จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป โดยไม่คิดจะรับฟังที่ไปที่มาของเรื่องราวที่เกิดขึ้น ว่ามาจากสาเหตุอันใด
ทุกสายตา ทุกการจับจ้องเหมือนแรงกดดันมหาศาลที่กำลังกดให้เธอแตกสลาย ติรณาก้มหน้าก้มตารับกรรม เธอเป็นแค่พนักงานทั่วไป เมื่อก่อเรื่องเสื่อมเสียถึงขนาดนี้ แน่นอนว่าไม่มีนายจ้างคนไหนต้องการเก็บเอาไว้ ผิดกับภวัต ที่เขาเป็นถึงผู้จัดการ มีความรู้ความสามารถ และสร้างผลงานให้บริษัทมานับไม่ถ้วน ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางถูกไล่ออกอยู่แล้ว อย่างมากก็แค่ได้รับบทลงโทษทางวินัย
“เชิญครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำตัวทั้ง ภวัตและภรรยาออกไปด้านนอก สายตาของชายหนุ่มยังคงหันมองติรณาด้วยความรู้สึกเป็นห่วงอาวรณ์ แต่เธอไม่ได้สนใจเขาแล้ว...
ตอนนี้เจ็บปวดไปหมด...ทุกอย่างล่มสลายไม่เหลือชิ้นดีในชั่วพริบตา โลกใบน้อยๆ ที่เคยปลอดภัยและอบอุ่นสำหรับเธอ เป็นเพียงภาพลวงเท่านั้น
“ว้าย! หงส์” เสียงหวีดร้องของพนักงานดังแซ็งแซ่ เมื่อร่างเล็กของติรณาเสียการควบคุมและหมดสติ ล้มลงกับพื้น
“เฮ้ย! ช่วยกันเร็วเข้า หงส์เป็นลมไปแล้ว!” พนักงานผู้ชายบางคนจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ อุ้มเธอพาไปห้องพยาบาล
นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ติรณารับรู้ ก่อนทุกอย่างจะดับมืดสนิท พร้อมๆ กับความสุขอันน้อยนิดของเธอ
“นี่เงิน...ฉันจัดการคนของฉันเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือเธอก็ต้องระวังคนของเธอไว้ด้วย อย่าให้มายุ่งกับคุณภามอีก ไม่อย่างนั้นฉันเอาถึงตายแน่” หลังจากถูกสามีพาตัวกลับบ้าน และทะเลาะกันยกใหญ่จนเขาออกไปบ้านแม่ เธอก็นัดพบกับผู้ที่ส่งข้อมูลทุกอย่างให้
หญิงสาวไม่เคยคิดว่าสามีจะทำเรื่องบัดสีกับเด็กในที่ทำงานได้ลงคอ แม้จะเคยมีประวัติความเจ้าชู้ประตูดิน แต่นั่นมันก็นานมาก ตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งงานกัน
เรื่องแบบนี้ไม่มีภรรยาคนไหนรับได้...มันทั้งเสียศักดิ์ศรีและเจ็บปวดใจที่สุด แม้ภวัตจะยืนยันว่าไม่เคยมีอะไรลึกซึ้งกับติรณา แต่เธอจะเชื่อได้อย่างไร ในเมื่อเขาโกหกตั้งแต่เริ่มปล่อยให้เด็กสาวคนนั้นเข้ามาในชีวิตแล้ว
“ผมไม่ต้องการเงิน...ที่นัดมาก็เรื่องนี้เหรอ” ชายหนุ่มเสยผมที่ยาวระต้นคอ และรวบผูกหลวมๆ เอาไว้ด้านหลังแล้วมองอรอินทร์อย่างไม่แยแสนัก โดยมีเมตไตรนั่งรออยู่ในรถ
อันที่จริงไม่ได้อยากออกมา...แต่อีกฝ่ายบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะบอก ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ เพราะมันไม่จำเป็นสำหรับเขาเลย ผลงานของเธอมันราคาแพงกว่าตั้งเยอะ “ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะหยุดแค่นี้ อยากขอความร่วมมือกับพวกเธอ อย่าเพิ่งเลิกติดตามความเคลื่อนไหวทั้งสองคน โดยเฉพาะสามีของฉัน...แล้วจะจ่ายให้เป็นพิเศษ” ข้อเสนอถูกยื่นให้กับอีกฝ่าย แต่ท่าทีของเขาไม่ยี่หระเท่าไหร่ ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญ
แต่หากเป็นเช่นนั้นทำไมต้องพยายามให้เธอรู้ว่ากำลังถูกสามีนอกใจ...
“ผมไม่ร่วมมืออะไรทั้งนั้น คุณก็ดูแลคนของคุณ ผมจะจัดการคนของผมเอง” เขาว่าแล้วทำท่าจะหันหลังกลับไปขึ้นรถ
“เดี๋ยว! นี่...เธอกับเด็กคนนั้นเป็นอะไรกัน หรือว่าแอบชอบเขาก็เลยหาทางจะเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวไปปลอบใจ”
“แอบชอบเหรอ หึ...” ชายหนุ่มชะงัก พลางแสยะยิ้มแต่ไม่ได้หันกลับไปมองอรอินทร์ ช่างคิดเนอะว่าเขาจะแอบชอบยายคนนั้นได้
“ถ้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน เธอจะทำไปเพื่ออะไร”
“นี่คุณผู้หญิง ผมจะบอกอะไรให้นะ...เป็นบุญแล้วที่ได้รู้เรื่องผัวเหี้ยๆ ของคุณจากผม ฉะนั้นอย่ามาพยายามอยากรู้อยากเห็นอะไรอีก เอาผัวตัวเองให้อยู่ก่อนเถอะ เรื่องชาวบ้านเบาได้ก็เบานะ” พูดจบ ชายหนุ่มก็เดินต่อ เขาเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งด้านใน จากนั้นรถก็ออกตัวอย่างแรง จนล้อบดกับพื้นถนนควันขึ้นโขมง
อรอินทร์ยังคงยืนอึ้งที่ถูกด่า เพราะไม่เคยมีใครแสดงความหยาบคายแบบนี้กับเธอมาก่อน เพราะภวัตแท้ๆ เลย...เพราะเขาใฝ่ต่ำถึงได้ชักพาให้เธอต้องมาพบกับพวกคนพวกนี้
หญิงสาวกำมือแน่น...เมื่อนึกถึงหน้าติรณา ชู้รักของสามี ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเทียบกับเธอได้เลยแม้แต่ปลายเส้นผม แต่ภวัตก็ยังนอกใจไปให้ความสำคัญ ในเมื่อผู้ที่ให้ข้อมูลเรื่องบัดสีกับเธอมาไม่ยอมร่วมมือ เธอก็จะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ใครที่ทำให้อรอินทร์เจ็บปวดจนต้องเสียน้ำตา อย่าหวังว่าผู้นั้นจะอยู่ดีมีสุขได้...