บทที่ 3 ตอนที่ 2

2121 Words
ติรณาอุ้มประคองลังกระดาษที่ใช้ใส่สัมภาระอันน้อยนิดของตัวเองกลับมาบ้านก่อนเวลา ทำให้เพียงพิมพ์ถามด้วยความแปลกใจ แต่เธอไม่ได้ตอบ ไม่ได้แยแสต่อสิ่งใดทั้งนั้น เมื่อนำของไปเก็บก็หยิบหมอนและผ้านวมออกมาปูนอน พยายามข่มตาแม้จะหลับไม่ลง เพราะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป หนี้สิน ค่าเช่า ค่าครองชีพจิปาถะของเดือนนี้จะหาจากไหนได้ ลำพังแค่ค่าแรงจากร้านอาหารก็คงพอประทังชีวิต แต่หนี้ที่ต้องจ่ายให้กับคิมหันต์ล่ะ? จะเอามาจากไหน หากมันเป็นแบบนี้แล้ว...ต้องทำยังไงถึงจะรอดพ้นจากผู้ชายใจหมาคนนั้นได้สักที “พี่ดาวหลับแล้ว หงส์ก็คงอยากพักใช่ไหมลูก ถ้าอย่างนั้นน้ากลับห้องก่อนนะ” เพียงพิมพ์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ข้างเตียงของดวงดาว แล้วถอนหายใจใหญ่ นางไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน “ขอบคุณค่ะน้าพิมพ์...หงส์ของีบสักพัก เดี๋ยวก็จะออกไปร้านป้าศรแล้วค่ะ” เธอบอกกับเพียงพิมพ์โดยไม่ได้หันไปมอง พลางตลบผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง ไม่ได้จะหลับ...แต่กำลังร้องไห้ ร้องไห้ให้กับชีวิตที่แสนบัดซบสิ้นดี “พักผ่อนบ้างเถอะ...ไม่ไปสักวันในรอบสิบปี เจ้ศรเขาไม่ว่าหรอก” เพียงพิมพ์พูดทิ้งท้าย เหมือนรู้ว่าตอนนี้หลานสาวนอกสายเลือดกำลังทุกข์ใจและแสนเหน็ดเหนื่อยเต็มทีแล้ว “...” ติรณาไม่ได้ตอบ เธออ่อนเพลียไปทั้งหัวใจ กว่าจะแบกเอาร่างพังๆ กลับมาถึงบ้านได้ ก็เหมือนกับว่าเป็นเรื่องที่แสนจะยากเย็นเข็ญใจ โชคดีตอนที่อยู่บริษัทเธอเป็นลม พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ห้องพยาบาลแล้ว และแม่บ้านก็ช่วยเก็บของมาให้เรียบร้อย จึงได้ออกมาจากที่นั่นเงียบๆ โดยไม่ต้องเป็นเป้าสายตาของใคร การกลับมาที่ห้องพัก แม้จะทั้งเล็กทั้งแคบ แต่ก็ยังมีแม่...ที่สุดท้าย ไม่ว่าจะอย่างไร แม่ก็เป็นคนเดียวที่รักเธอด้วยความบริสุทธิ์ใจ... อยากให้แม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมจังเลย... หากวันนี้ท่านยังมีสัมปชัญญะดีอยู่ เธอคงได้อยู่ในอ้อมกอดอันแสนจะอบอุ่น ได้รับกำลังใจดีๆ และคำปลอบโยน คนคนเดียวที่ไม่มีวันหันหลังให้ ไม่ว่าเธอจะเป็นคนดีหรือทำเลวอะไรมา หญิงสาวน้ำตาร่วงผล็อยอาบแก้ม เพราะความรู้สึกส่วนลึกบอกว่าให้มันเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว แม่จะได้ไม่ต้องมาเจ็บปวดใจเพราะเธออีกคน แค่สิ่งที่เกิดขึ้นกับท่านมันก็มากเกินกว่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะรับไหวอยู่แล้ว พอเถอะ... แทนที่อยากจะให้แม่มาปกป้อง เธอต่างหากที่ต้องคอยปกป้องตัวเองและแม่จงเข้มแข็งให้มากกว่านี้ติรณา... แม้เพียงพิมพ์จะบอกให้ขอลาหยุดสักวัน เพราะสภาพของเธอวันนี้เปลี่ยนไปราวกับคนละคน เหมือนผีดิบ...เหมือนคนไร้จิตวิญญาณ แต่หญิงสาวก็ยังรั้นจะไปทำงานที่ร้านของมารศรี เพื่อเงิน...เธอจะเอาเรื่องส่วนตัวมาบั่นทอนให้ทุกอย่างมันแย่ไปมากกว่านี้ไม่ได้ หญิงสาววางแผนเอาไว้ว่า พรุ่งนี้เธอจะต้องไปหางานใหม่ เพราะทำผิดกฎร้ายแรงของบริษัททำให้ถูกไล่ออก จึงไม่ได้รับเงินค่าชดเชย ซึ่งเธอเองก็คงไม่มีหน้ากลับไปที่นั่นเพื่อทวงสิทธิ์ใดๆ ของตัวเอง สองมือซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุมตัวโคร่ง เพื่อบรรเทาความเย็นยะเยือกของค่ำคืน ในช่วงเวลาเกือบตีสอง วันนี้เธอพักมาทั้งวัน จึงจัดการทำความสะอาดร้านให้มารศรีทั้งร้าน ไม่ใช่แค่ในครัวเหมือนทุกๆ วัน ทุกอย่างก็เพื่อทำให้ตัวเองมีเวลาว่างน้อยที่สุด ทำงานให้เหนื่อยและจะได้กลับไปนอน... “สวัสดีที่รัก...” เสียงทุ้มยียวนดังขึ้น พร้อมๆ กับร่างใหญ่ที่กำลังสูบบุหรี่อย่างสบายใจเดินออกมาจากต้นไม้ที่อยู่ตรงปากซอยห้องเช่า แล้วขวางหน้าเธอเอาไว้ “ถอยไป วันนี้อารมณ์ไม่ดี” “โอ...แล้ววันไหนบ้างที่น้องหงส์อารมณ์ดีเวลาเห็นหน้าพี่” “ชาติหน้า...แต่ถ้าชาติหน้ามีจริงก็ขออย่าได้เจอกันอีกเลยดีกว่านะ” เธอตอบทันควัน “เอาล่ะถึงหงส์กระฟัดกระเฟียดพี่ก็ยกโทษให้นะคะ เพราะวันนี้พี่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ที่ได้ข่าวว่าหนูโดนไล่ออกจากงานแล้ว” พูดจบก็ดีดก้นบุหรี่ทิ้ง แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากพลางแสยะยิ้ม “รู้ทุกเรื่อง...จมูกดีเหมือนหมา” “แต่รู้เรื่องหงส์คนเดียวนะ เรื่องคนอื่นพี่ไม่เสือกหรอก” เขายักไหล่ไม่ยี่หระกับคำด่า ชิวๆ... “ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินหรอก ยังไงก็จะหามาให้จนได้” เธอพูดพลางถอนหายใจ แล้วหันหน้ามองไปทางห้องเช่า “แล้วนั่น...หน้าไปโดนอะไรมา” แสงจากไฟตรงเสาไฟฟ้า สว่างมากพอที่จะทำให้เขาเห็นรอยช้ำสีม่วงตรงใบหน้าเธอ แต่ก็ไม่มั่นใจว่าเปื้อนอะไรมาหรือเปล่า ชายหนุ่มปรี่เข้าไปใช้สองนิ้วจับปลายคางมนเอาไว้ แล้วเพ่งมอง มือเล็กปัดออกทันที แล้วถอยหลังให้ห่างกับเขา “ผลประกอบการของพี่ไง...มันเป็นฝีมือของพี่ใช่ไหม ที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นไปอาละวาดจนเกิดเรื่อง” เธอยกนิ้วชี้ขึ้นตรงหน้าสั่นด้วยความโกรธ ใช่...ไม่มีใครทำเรื่องเลวๆ ได้ดีเท่าเขาหรอก “เจ็บไหมเนี่ย เวรเอ๊ย! นังผู้หญิงคนนั้นมันทำร้ายหงส์ด้วยเหรอ” เขาแทบจะไม่สนใจสิ่งที่หญิงสาวถาม ทั้งด่าทั้งสาปแช่งผู้ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดรอยฟกช้ำบนใบหน้าสวยๆ นี้ “ฉันว่าแล้วเชียว...เป็นพี่จริงๆ จะจองล้างจองผลาญกันให้ถึงตายเลยใช่ไหม!” เธอตะโกนใส่หน้า ดวงตาแดงก่ำ กัดฟันเข้าหากันจนริมฝีปากสั่นระริก “แล้วไปยุ่งกับมันทำไมเล่า ไอ้ผู้ชายเฮงซวยนั่น มันมีเมียอยู่แล้ว มันจะหลอกหงส์” เขาถอนหายใจ ยกมือขึ้นกุมขมับ เครียดที่เธอถูกอรอินทร์ทำร้าย โกรธที่เธอต้องโกรธขนาดนี้เพราะเขาไม่ผิด “มันเรื่องของฉัน! ชีวิตฉัน พี่มันก็แค่เจ้าหนี้ สิ้นเดือนก็มารับเงิน! จ่ายครบเราก็หย่ากัน มันยากมากเหรอถ้าจะหยุดก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวฉันทุกเรื่อง!” “เออเว้ย! คนอุตส่าห์ช่วย อยากเป็นเมียน้อยไอ้หน้าอ่อนนั่นจนตัวสั่นเลยว่างั้น” คราวนี้ถึงคราวที่เขาจะฟิวส์ขาดบ้างแล้ว ชายหนุ่มจ้องหน้าติรณานิ่ง ต่างคนต่างมองไม่ลดราวาศอก เพียะ! “ฉันไม่ได้เป็นเมียน้อยใคร...อื้อ!” ทันทีตบ ไม่ทันได้เอ่ยคำปรามาส สองมือของเขาก็จับแก้มเธอแล้วตะปมเข้าจูบด้วยความกักขฬะ นัวเนียขบเม้มราวจะกัดกินเสียให้สิ้นทั้งตัว “...” สุดท้ายเขาก็ถูกแรงทั้งหมดที่หญิงสาวมีผลักออก คิมหันต์ก้าวถอยออกมาด้วยอาการหอบเหมือนเหนื่อยหนัก ก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมลวกๆ เพราะรู้ว่าตัวเองทำเรื่องเลวร้ายอีกแล้ว แต่พออยู่ใกล้เธอ...มันก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่สักที ติรณาปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลพรากเป็นทาง แล้วหันหลังให้เขาวิ่งกลับไปยังที่พักของตัวเอง โดยคิมหันต์ยืนมองอยู่อย่างนั้นจนหญิงสาวเปิดประตูแล้วหายลับไปพร้อมๆ กับดวงไฟหน้าห้องที่ดับมืดลง... “สารเลว...กล้าดียังไงมาทำหงส์ เดี๋ยวเจอกู” วันนี้เขากระวนกระวายทั้งวัน...ติดต่อติรณาก็ไม่ได้ เธอไม่รับสาย และเขาก็ไม่สามารถตามไปหาถึงที่พักได้ เพราะกำลังถูกทัณฑ์บนของบริษัท หากมีปัญหาขึ้นมาอีก คราวนี้คงถูกไล่ออกสถานเดียว แค่เอาชีวิตรอดจนมาถึงที่ทำงานได้ ก็ต้องตื่นมาทะเลาะกับเมียตั้งแต่ตีห้า... พอมาถึงทีทำงานก็โดนสอบสวนทั้งวัน บทสรุปคือเขาถูกลดเงินเดือนสามเดือน และลงทัณฑ์บนเอาไว้ หากมีเรื่องทำให้บริษัทเสื่อมเสียแบบนี้อีก ต้องโดนไล่ออกสถานเดียว “หงส์...ผมขอโทษ รับสายผมเถอะคนดี” ชายหนุ่มจอดรถข้างริมฟุตบาทในซอยเปลี่ยวระหว่างทางกลับบ้าน เขากดสายโทร.หาติรณาเป็นร้อยๆ สายเธอกดสายทิ้งบ้าง ไม่รับสายบ้าง บางครั้งก็ปิดเครื่องไปเลย ทำให้ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นเขากับเธอก็ยังไม่ได้คุยกันอีกเลย “เฮ้! มาทำอะไรแถวนี้วะพวก” เจ้าของเสียงเดินเข้ามาเคาะกระจกฝั่งคนขับ แล้วเรียกคนที่อยู่ข้างใน “...” ภวัตละสายตาจากหน้าจอสมาร์ตโฟนอย่างงงๆ แสงสว่างจากหลอดไฟข้างทางทำให้มองเห็นชายผู้นั้นอย่างชัดเจน สูงใหญ่...ร่างกายกำยำ ผมหยักศกยาวระต้นคอ เสื้อยืดกับกางเกงยีนยิ่งทำให้บุคลิกดูเซอร์ “ช่วยอะไรหน่อยสิ เปิดประตูหน่อยได้ไหม” เขาว่า ยังก้มลงมาใกล้กระจก แววตานั้นดูมีเล่ห์เหลี่ยมพิกล “ขอโทษนะ พอดีผมต้องรีบไปแล้ว...” ภวัตบอก ใครจะกล้าเปิดประตูให้คนไม่รู้จัก ท่าทางก็ดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด เขาทำท่าจะสตาร์ทรถในทันที “เสียใจด้วย แต่แกไปไม่ได้ว่ะ” เขาว่า...แล้วจับแท่งเหล็กยาวเกือบเมตรที่เมตไตรส่งให้ ฟาดไปที่ประตูเต็มแรงซ้ำๆ จนกระจกแตกยับ คนข้างในก็เอียงตัวหลบอัตโนมัติ ในขณะที่เขาล้วงมือเข้าไปปลดล็อกประตู แล้วลากร่างด้านในออกมา “เฮ้ย! บ้าอะไรเนี่ย พวกแกเป็นใคร” ชายหนุ่มที่ถูกปทุษร้ายโดยไม่ตั้งตัวตะโกนก้อง เขาไม่รู้จักคนสองคนนี้ด้วยซ้ำ และไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใครด้วย หรือจะมีเรื่องเข้าใจผิด “อยากซัดมึงมานานนักหนาแล้วไอ้หน้าอ่อน...” “ใจเย็นๆ นะพี่ อย่าให้ถึงตายล่ะ เดี๋ยวจะซวย” เมตไตรถึงกับทำหน้าแหย เมื่อเห็นลูกพี่ตัวเองกำลังลากคอเสื้อของอีกฝ่ายถูไปกับพื้น แล้วเหวี่ยงจนร่างใหญ่นั้นขมำกลิ้งไปบนพื้นถนน “เหี้ยเฮ้ย...พวกมึงเป็น อ๊ะ!!” ไม่ทันได้พูดจบ ก็ต้องหน้าหันจนคอเคล็ดเพราะถูกเตะเข้าอย่างแรง “มึงกล้าดียังไงปล่อยให้เมียมึงมาทำร้ายหงส์ กูยังไม่เคยทำของกูเลย” อย่างน้อยๆ ก็ไม่เคยทำร้ายร่างกายแหละนะ... “หงส์...นี่แก แกเป็นอะไรกับหงส์” เสียงกระท่อนกระแท่นเอ่ยถามทั้งที่เลือดท่วมปาก “เป็นเทวดาประจำตัวมั้ง ไม่ใช่เรื่องที่มึงต้องรู้นี่ มีเมียแล้วยังเลือกมาหลอกผู้หญิงคนอื่นอีก มึงนี่มันน่าตายนัก” ยิ่งเห็นหน้า ก็ยิ่งเดือด ให้ตายเถอะ ติรณาหลงรักไอ้บ้านี่ได้ยังไง หน้าตาก็งั้นๆ หล่อไม่ได้สักครึ่งของเขาด้วยซ้ำ “ฉัน...ฉันชอบหงส์จริงๆ ฉันไม่ได้คิดจะหลอกเขา” “หืม ยังจะพูดอีกนะมึง” ว่าแล้วก็ซัดไปที่หน้าอีกหมัด ก่อนจะสะบัดมือวุ่นเพราะชกแรงเกินไปตัวเองก็เจ็บเหมือนกัน “พอเถอะพี่...เดี๋ยวมันก็ตายหรอก” เมตไตรพยายามเข้ามาห้าม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสะบักสะบอมไปหมดแล้ว น่าจะน็อกไปตั้งแต่โดนแตะครั้งแรก จะได้จบๆ ไม่ต้องยืดเยื้อ “เออ...ไม่เอาถึงตายหรอกรอบนี้ แต่ถ้ามึงยังไปยุ่งกับหงส์อีก ครั้งหน้ามึงเหลือแต่ชื่อแน่ จำไว้ด้วย!” เขาว่าก่อนจะสั่งลาด้วยหมัดลุ่นๆ ใส่เต็มรักไปอีกดอก ก่อนจะยืนขึ้นแล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปาก พยายามระงับอารมณ์ตัวเองเต็มที่ เพราะถ้าขืนยังปล่อยให้ตัวเองทำตามอารมณ์...มีหวังเขาคงได้กลายเป็นฆาตกรจริงๆ ก็คราวนี้แหละ ซึ่งก็ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แค่ยังมีห่วงเท่านั้นเอง เกิดติดคุกขึ้นมาแล้วจะระรานติรณาได้ยังไง... “ไปๆ พี่...” “ถุ้ย! ผู้ชายเหี้ยอะไรทำจิตใจร้ายผู้หญิง” “...” เมตไตรถึงกับขมวดคิ้ว มองลูกพี่เดินผ่านหน้าแล้วตามหลังไปต้อยๆ นึกไม่ออกว่าที่คิมหันต์พูดนั้นหมายถึงใคร? เพราะตัวคิมหันต์เองก็ทำช่วยกับติรณาไว้ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD