ตำรวจมาเต็มไปหมด...ทำให้แม่ของเธอตกใจจนตัวสั่น เพราะไม่ค่อยได้เจอคนแปลกหน้า หรืออยู่ในที่มีคนมากๆ ยิ่งภรรยาของภวัตมาเอะอะโวยวาย ก็ยิ่งทำให้ท่านลนลาน
“มันแค้นที่โดนจับได้ว่าเป็นชู้กับสามีฉันค่ะคุณตำรวจ ก็เลยให้คนไปดักทำร้าย”
“ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย นี่พวกคุณออกไปให้หมดเลยนะ เห็นไหมว่าแม่ฉันกลัวขนาดไหน” ติรณากอดแม่เอาไว้แน่น ในขณะที่ตำรวจพากันเข้ามาค้นห้องของเธอ แต่ก็ไม่พบอะไร
แน่ล่ะ...ห้องเล็กเท่ารังหนู มันจะซุกซ่อนอะไรได้
“สกปรก...ไม่คิดเลยว่าคุณภามจะใฝ่ต่ำมาคว้าผู้หญิงสลัมข้างกองขยะอย่างเธอได้” อรอินทร์แบะปาก เธอยืนอยู่หน้าห้องแถวไม่ได้เข้ามา ด้วยกลัวความสกปรกของสถานที่อันไม่คุ้นเคย
หากไม่ใช่เพราะเรื่องสามี ก็ไม่ได้อยากมาเหยียบในที่แทบนี้หรอก สภาพไม่ได้น่าเฉียดเข้ามาใกล้เลย แต่มันจำเป็น เพราะภวัตถูกทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาล รถก็พัง ด้วย เรื่องนี้จึงต้องมีผู้รับผิดชอบ และคนนั้นก็ต้องเป็นติรณา!
และเธอก็อยากมาเห็นผู้หญิงหน้าไม่อายคนนี้ด้วยว่าวิเศษวิโสมาจากไหน ถึงทำให้ภวัตนกล้านอกใจเธอ...
“ขอโทษด้วยนะครับคุณ พวกเราต้องทำตามหน้าที่ ยังไงเรียนเชิญคุณไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจด้วยนะครับ เพราะมีผู้พาดพิงว่าคุณอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” นายตำรวจคนหนึ่งหันไปยิ้มกับติรณา
“ฉันไปโรงพักได้ค่ะ แต่คงให้ข้อมูลอะไรได้ไม่มาก เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณก็เห็นสภาพแล้ว ดูสิ...คุณคิดว่าฉันเอาปัญญาที่ไหนไปทำร้ายคนระดับนั้นได้” เธอผายมือให้ทางตำรวจดูสิ่งแวดล้อมรอบตัวเธอ แม้มันจะไม่ได้สกปรกอย่างที่อรอินทร์ปรามาส แต่มันก็เป็นเพียงห้องเล็กๆ มีข้าวของเครื่องใช้จำเป็นไม่กี่อย่าง และส่วนมากก็เป็นของแม่
“ฉันไม่เชื่อเธอหรอก คอยดูเถอะ จะลากคอเข้าคุกให้ได้เลย” พูดจบหญิงสาวก็กระทืบเท้าเดินออกไปจากตรงนั้น เพราะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธอรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก สะอิดสะเอียนเต็มที
หลังจากตำรวจกลับไปแล้ว ติรณาก็ต้องคอยอยู่ข้างๆ กอดปลอบขวัญแม่ไม่ได้ห่าง ท่านยังคงอยู่ในอาการหวาดระแวงตลอดเวลา ไม่สามารถนอนหลับได้ กินก็ไม่ยอมกิน
“แม่คะ...กินข้าวหน่อย ได้เวลาต้องกินยาแล้ว แม่อย่าดื้อนะ” หญิงสาวพยายามตักข้าวกับแกงจืดหมูสับที่ได้มาจากร้านอาหารเมื่อคืนป้อนให้แม่ อาหารถูกหลักอนามัยแม้จะไม่ได้ทำสดใหม่ แต่เธอเก็บแช่ช่องแข็งในตู้เย็นอย่างดี ก่อนจะนำมาอุ่นจนร้อนจัด แล้วพักไว้ครู่หนึ่งก่อนจะนำมาให้แม่รับประทาน
แต่วันนี้แม่ของเธอกลับหัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย กระวนกระวาย ไม่กินและไม่นอนด้วย คนเป็นลูกที่ได้แต่มองแม่มีอาการหวาดผวาอยู่ตลอดเหมือนเด็กน้อย ก็อดเป็นกังวลไม่ได้
“พวกนั้นมันจะทำแม่...หงส์ช่วยแม่ด้วยนะ หงส์ช่วยแม่ด้วย”
“หนูบอกแม่แล้วว่าพวกเขาเป็นตำรวจไงจ๊ะ ไม่มีใครทำอันตรายแม่ได้ทั้งนั้น หงส์อยู่ตรงนี้ แม่ไม่ต้องกลัวนะ” ว่าแล้วก็ถอนหายใจและนำถาดใส่อาหารไปวางไว้บนโต๊ะด้านในสุดของห้อง ใช้ฝาชีครอบแล้วเดินไปหยิบนมกล่องในตู้เย็นมาให้มารดาแทน
“ไม่กินข้าวก็ได้ แต่แม่ต้องกินนมนะ...จะได้กินยา” เธอใช้หลอดเจาะแล้วยื่นไปที่ปากของท่านที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง ใช้อีกมือหนึ่งลูบแผ่นหลังเล็กค่อม แม่มองเธออย่างลังเล แต่หญิงสาวก็ยิ้มให้แล้วพยักหน้าเชิงบอกว่าไม่เป็นไร แล้วในที่สุดคนป่วยแสนดื้อก็ยอมดื่มนมกล่องนั้นโดยดี
มิวาย...สายตายังมองลูกปริบๆ อย่างไม่ยอมละไปทางอื่น
“หมดแล้ว” ท่านว่าพลางแค่นยิ้มเล็กน้อยเหมือนตัวเองได้ทำในสิ่งยิ่งใหญ่สำเร็จผล
“แม่เก่งมากๆ เลย ง่วงนอนหรือยัง...เดี๋ยวอีกสองชั่วโมงค่อยกินยานะคะ”
“ไม่ง่วง...หงส์อย่าไปไหนนะ อยู่กับแม่นะ แม่กลัว” ดวงดาวจับมือลูก แววตาเศร้าคลอหน่วยออดอ้อน ซึ่งติรณาก็รีบกอดแม่ไว้ทันที
“หงส์จะนอนกับแม่ จะอยู่กับแม่ไม่ไปไหนทั้งนั้น” เธอว่าก่อนจะประคองให้ท่านค่อยๆ นอนลง จากนั้นตัวเองก็ปีนขึ้นไปบนที่นอน นอนลงข้างๆ แล้วตลบผ้าคลุมห่มด้วยกัน แม่รีบจับมือเธอกุมไว้อย่างเดิม เสมือนเป็นที่พึ่งเดียวของจิตใจ
“แม่รักหงส์นะ...” พูดพลางก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วลูบมือลูกไปมา ประหนึ่งลืมไปแล้วถึงความกลัวที่เคยมี
“หงส์ก็รักแม่ที่สุด รักมากๆ เลยค่ะ” ติรณาหอมแก้มแม่ ก่อนจะซุกเข้าหาแล้วหนุนแขนท่านพลางหลับตาลง
ตอนเด็กๆ เธอจะนอนกับแม่ตลอด ตัวติดกันแจนไม่เคยห่าง ตอนนี้แม่ป่วยและอายุก็มากขึ้น แต่ความรักความอบอุ่นที่ได้รับ ไม่เคยลดน้อยลงเลย...
ติรณาต้องหยุดงานที่ร้านอาหารสามวัน เพราะต้องดูแลแม่ และยังต้องไปโรงพักเพื่อให้ปากคำในคดีที่ภวัตถูกทำร้ายร่างกาย ลึกๆ แล้วเธอก็พอจะรู้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่ก็บอกตำรวจไปว่าไม่รู้ไม่เห็น และเธอไม่ได้มีญาติพี่น้องเพื่อนฝูงที่ไหน ต่อให้มีปัญหากับภวัตจริง แต่ก็ไม่มีปัญญาไปทำอะไรเขาได้หรอก และเมื่อไม่มีพยานหลักฐาน ตำรวจก็ให้เธอกลับบ้านได้
ทางด้านคดีก็ต้องมีการนำสืบกันต่อไป เพราะอรอินทร์ ภรรยาของผู้บาดเจ็บไม่ยอมความ ไม่ว่าอย่างไรก็จะหาตัวผู้ก่อเหตุมาให้ได้
ทั้งยังปักใจเชื่อว่าติรณาคือผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด...
และคิมหันต์กับเมตไตรก็หายหัวไปเลย ปล่อยให้เธอต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่พวกเขาทำอยู่ตามลำพัง แน่ล่ะ...ความฉิบหายของเธอคือความสุขของคิมหันต์เสมออยู่แล้ว
“แน่ใจเหรอหงส์ ว่าพาไปคนเดียวได้ น้าก็ว่างนะ ให้น้าไปเป็นเพื่อนไหม”
“ไม่เป็นหรอกจ้ะน้าพิมพ์ แค่สวนสาธารณะใกล้ๆ นี่เอง หงส์อยากให้แม่ออกสู่โลกภายนอกบ้าง นอกจากโรงพยาบาลแล้วหงส์ก็พาไปแค่สวนสุขภาพใกล้ๆ บ้าน สงสารแม่จ้ะ...” ติรณาเตรียมผ้าห่มและของใช้จำเป็นติดตัวไปด้วย เพื่อจะพาแม่ไปเที่ยวในวันนี้
ไม่ใช่เฉพาะมารดา...ตัวเองก็อยากผ่อนคลายจิตใจเหมือนกัน หลายวันมานี้มีแต่เรื่อง และไหนๆ ก็ไม่ได้ไปทำงานตอนกลางวันแล้ว จึงอยากใช้โอกาสนี้ไปเปิดหูเปิดตากับเขาบ้าง หญิงสาวเลือกใช้บริการแท็กซี่เพื่อความสะดวก วันนี้เธอพาแม่ไปเที่ยวเหมือนวันวานที่แม่เคยพาเธอไปตอนยังเป็นเด็ก....
หวังว่าจะทำให้ท่านมีความสุขบ้าง สักเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี
“งั้นมีอะไรก็โทร.มาบอกนะ เดินทางกันดีๆ ล่ะ” เพียงพิมพ์กล่าว เมื่อเห็นแท็กซี่ขับมาจอดรออยู่ตรงหน้าประตูรั้วของห้องแถว ในขณะที่ติรณาก็กำลังเข็นรถเข็นรถของดวงดาวออกไป
“จ้า...เดี๋ยวซื้อขนมมาฝากนะ”
“หงส์จะพาแม่ไปไหน” ผู้เป็นแม่ถาม ทั้งๆ ที่ได้รับคำตอบมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ตั้งแต่ตอนลูกสาวอาบน้ำแต่งตัวให้ แต่นางก็หาได้จดจำ ทุกสิ่งผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเหมือนสายลม
“ไปเที่ยว ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะกันค่ะแม่” ติรณาไม่ได้นึกรำคาญที่ต้องตอบบ่อยๆ เธอรู้ว่าแม่เป็นกังวลเมื่อต้องออกจากห้องพักที่คุ้นเคย