มือเรียวยกขึ้นวางบนหน้าท้องที่ยังแบนราบเป็นปกติไม่เหมือนกำลังมีชีวิตเล็ก ๆ เติบโตอยู่ในนั้น พูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เรายังไม่พร้อมที่จะเป็นแม่ใคร” สายตาเหม่อมองออกไปไกล “ขอโทษนะที่แม่ต้องทำแบบนี้”
พูดไปได้สักพักน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมากบดวงตา ทางข้างหน้าที่เห็นความสว่างไสวกลับมืดหม่นเหมือนชีวิตเธอตอนนี้ ริมฝีปากบางสั่นระริก นี่ขนาดเขายังเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตเล็กจ้อยเท่าเมล็ดถั่วเธอยังมีความผูกพันได้ขนาดนี้ คงต้องรีบตัดสินใจก่อนที่สายใยบาง ๆ จะเหนียวแน่นเกี่ยวพันกันจนไม่อาจตัดทิ้งได้ สิ่งที่เกิดขึ้นเธอไม่โทษใครนอกจากตัวเองที่เขาพูดมันก็ถูกต้องแล้วเพราะเธอเองที่ไม่ป้องกันเมื่อปัญหาเกิดขึ้นเธอก็ต้องจัดการด้วยตัวเอง
ขณะที่จมอยู่ในห้วงความคิดเงินก้อนหนึ่งก็ถูกโอนเข้ามาในบัญชีผ่านแอปพลิเคชันในโทรศัพท์หญิงสาวเปิดดูก็เห็นว่ามีเงินจำนวนสองแสนบาท ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ ก็มีสายโทร. เข้ามา
{เงินเนี่ยถือเป็นค่าเสียเวลา เก็บไว้ใช้ยามมีเรื่องเดือดร้อนจำเป็น ต่อจากนี้ให้เราจบกันจริง ๆ}
“ค่ะ จบก็จบ แต่ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย”
{อะไร}
“ที่ผ่านมา พี่ไม่เคยมีความรู้สึกดี ๆ กับว่านจริง ๆ เหรอ”
{รู้สึกดี ๆ น่ะมี แต่รู้สึกจริงจัง...ไม่มี ขอให้เธอเจอคนที่ดีกว่าพี่นะว่าน}
ทั้งคู่ต่างเงียบกันไป ก่อนที่วารีรินจะได้ยินเสียงสัญญาณโทรศัพท์ที่ขาดหาย เหมือนเธอกับเขาที่ตัดขาดกันตลอดกาล
สำหรับลาภิศร์ วารีรินเป็นแค่สิ่งแปลกใหม่ที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอยากได้ เธอไม่ได้จีบง่ายเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของนักล่าตัวฉกาจอย่างเขา และเมื่อได้มาแล้วก็เบื่อหน่ายตามระยะเวลาใช้สอย นี่ก็ถือว่านานกว่าคนอื่น ๆ มาก เพราะเธอช่วยเขาทั้งเรื่องเรียนและเรื่องบนเตียงด้วย คุ้มสองต่อ เรื่องที่เธอจะท้องจริงหรือไม่จริงเขาไม่ได้ใส่ใจ
เย็นวันต่อมาวารีรินเดินไปหยุดที่หน้าคลินิกแห่งหนึ่ง หญิงสาวเดินวนไปวนมายังคิดไม่ตก พอเอาเข้าจริง ๆ ก็เกิดความกลัวเพราะหากได้ลงมือทำไปแล้วจะย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ มันคือการสูญเสียตลอดกาล แต่ถ้าหากไม่ทำวันข้างหน้าก็ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ลำพังตัวเธอคนเดียวก็คงหาทางรอดได้ แต่ถ้ามีอีกคนเธอกลัวว่าพาเขามาลำบาก ชาตินี้เธอเกิดมาต้นทุนชีวิตต่ำเตี้ยไม่สามารถดูแลอีกชีวิตที่กำลังจะเกิดมาในขณะนี้ได้ หากต้องทนดูเขาต้องเติบโตอย่างลำบากยากแค้น สู้ให้เขาอย่าเพิ่งเกิดมาจะดีกว่า
ขณะที่เท้าเรียวกำลังจะก้าวเข้าไปในคลินิกเสียงเรียกจากข้างหลังก็ดังขึ้น
“ว่าน มาทำอะไรแถวนี้”
“พี่นนท์”
หญิงสาวหันกลับไปมองตามเสียงนั้น ก็เห็นชายหนุ่มสวมแจ็กเก็ตสีเขียวของพนักงานส่งของบริษัทหนึ่งเดินยิ้มเข้ามาหา เขาพูดขึ้นอีกว่า
“ไม่สบายเหรอว่านหน้าซีดเชียว มาหาหมอใช่ไหม”
“เอ่อ...ค่ะ แล้วพี่นนท์มาทำอะไรแถวนี้คะ”
“มาส่งออร์เดอร์ให้ลูกค้าไง พี่ทำงานส่งอาหารเป็นงานพาร์ตไทม์ งั้นก็เข้าไปสิพี่เข้าไปเป็นเพื่อน”ชายหนุ่มยิ้มให้อย่างจริงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ว่านเปลี่ยนใจ กำลังจะกลับพอดี”
“อ้าวทำไมล่ะ ไม่สบายต้องให้หมอตรวจดูหน่อยนะเดี๋ยวเป็นหนักขึ้นมาจะแย่เอา”
“คือว่านไม่ได้เป็นอะไรมากจริง ๆ ค่ะ แค่นอนพักก็พอ เขาบอกว่ากินยามาก ๆ ไม่ดี” เธอรีบหาข้ออ้าง ดวงตากลมโตที่เคยสดใสเป็นประกายมีชีวิตชีวาหลุบลงเพื่อซ่อนพิรุธ แต่ก็ไม่พ้น
“มีอะไรหรือเปล่า แล้วทำไมไอ้ลอสไม่มาด้วยล่ะ”
วารีรินเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าที่มีน้ำใจกับเธอเสมอ นัยน์ตาหมอง
“เราเลิกกันแล้วค่ะ”
“เลิกแล้ว? เมื่อไหร่”
“เมื่อวาน”
วารีรินก้มหน้าตอบ นนท์ หรืออินทนนท์ดูตกใจเมื่อได้ฟังคำบอกนั้น เขาได้ยินลาภิศร์เปรยให้ฟังว่าเรียนจบก็จะเลิกกับหญิงสาวคนนี้แล้วไปเรียนต่อต่างประเทศอยู่เหมือนกัน แต่ไม่นึกว่าจะเร็วขนาดนี้
“แล้วว่านโอเคมั้ย”
“...ค่ะ โอเค ไม่เป็นไรค่ะ”
“แล้วที่มาหาหมอ เป็นอะไรมากรึเปล่า”
“ไม่มากค่ะ แค่ปวดหัวนิดหน่อย ว่านจะกลับแล้ว”
เธอไม่อยากพูดอะไรมาก จึงหมุนตัวคิดจะเดินหนี แต่อินทนนท์ก็เดินมาขวางทางไว้ บอกว่า
“พี่ไปส่งที่หอ นั่งมอไซค์ไปกับพี่ก็ได้”
วารีรินที่เหมือนจะมีน้ำตาเอ่อคลอเงยหน้ามอง ชายหนุ่มจึงพยักหน้าให้
^
^
^
***โปรดติดตามตอนต่อไปนะค้า ขอกำลังใจให้น้องว่านมาเยอะๆ ด้วยน้า จะได้มีแรงอัป
ebook สนใจเรื่องไหน กดอ่านเลยค่า ที่ meb