ในวันต่อมาวารีรินยังมาส่งใบงานสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยตามกำหนดที่อาจารย์สั่งไว้ก่อนตัดเกรดพร้อมกับเพื่อนในกลุ่มของเธอ เสร็จแล้วหญิงสาวก็แยกย้ายกับเพื่อน สีหน้าของเธอดูหม่นหมองไม่สดชื่นสดใสเพราะมีเรื่องหนักหนาในชีวิตให้ต้องขบคิด จากนี้ไปจะทำอย่างไรต่อ ตัวคนเดียว ไม่มีที่พึ่งพิง ญาติพี่น้องก็แทบไม่มีใครที่ให้นึกถึง เธออาศัยอยู่กับยายมาตั้งแต่เด็กได้ทุนเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำของประเทศก็นับว่าเป็นต้นทุนทางการศึกษาในระดับหนึ่ง ผลการเรียนของเธออยู่ในเกณฑ์ดีมากแต่ต้องมาสะดุดเพราะ...
“ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”
เสียงทุ้มติดห้วนดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ร่างบางในชุดนักศึกษาชะงักไปครู่ โดยที่ยังไม่หันไปมองโสตประสาทของเธอก็จำได้ว่าเป็นเสียงใครรวมถึงกลิ่นตัวที่ลมพัดพามาก็ยังติดตรึงในความรู้สึก
คนที่เอ่ยเรียกทนไม่ไหวต้องเป็นฝ่ายเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของเธอแทน วารีรินเหลือบตามองผู้ชายหน้าบึ้งด้วยแววตาเฉยชาไม่ต่างกัน
เมื่อตัดแล้วก็ต้องตัดให้ขาด
“มีอะไร”
ยังไม่ทันได้ตอบ มือหนาก็ฉวยข้อมือเล็ก ตาสบตา ก่อนจะลากแขนเธอไปคุยในที่ที่ไม่มีใครเห็น นั่นก็คือ ในรถบีเอ็มดับเบิลยูของเขา ทั้งคู่นั่งเงียบปล่อยให้บรรยากาศอึมครึมน่าอึดอัดห่มคลุมก่อนชายหนุ่มจะหันมามองใบหน้าด้านข้างของเธอแล้วเอ่ยขึ้น
“เรื่องท้อง เธอโกหกจริง ๆ ใช่มั้ยว่าน”
เขาถามย้ำ เหมือนจะแน่ใจแต่ลึก ๆ กลับยังลังเล
วารีรินหันมามองเขาด้วยแววตาว่างเปล่า ก่อนจะเหยียดยิ้มออกมา
“พี่สบายใจได้ค่ะ”
ลาภิศร์มองหน้าเธอด้วยสายตาเอาเรื่อง
“พี่สบายใจแน่ ถ้ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“ถ้ามันเกิดขึ้นจริงพี่จะทำยังไงล่ะ”
“จะให้ทำยังไง อนาคตทั้งพี่และเธอก็จบไงถามมาได้”
เขาตะคอกเสียงใส่หน้าเธอ อย่างที่ไม่อยากรับความจริงหากมันเกิดขึ้นแล้ว เขาในตอนนี้คิดสภาพตัวเองเป็นพ่อเด็กคนหนึ่งไม่ออกหรอกนะว่ามันต้องทำอย่างไร
วารีรินทร์มองเข้าไปในดวงตาที่แข็งกระด้างคู่นั้นที่ฉายแววรังเกียจเธอมาก ก่อนจะพยักหน้ายอมรับเรื่องทั้งหมดไว้กับตัวเอง
‘อนาคตพี่ไม่จบหรอกค่ะ ให้อนาคตว่านจบคนเดียวก็พอ ว่านผิดที่ปล่อยให้เรื่องมันเกิดขึ้น ว่านขอรับผิดชอบคนเดียว’
“ว่านก็บอกให้พี่สบายใจได้อยู่นี่ไงคะ ต่อไปนี้พี่จะไปคบใครก็แล้วแต่พี่เลย”
สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นดูแคลน เขาไม่ได้แคร์อะไรเธอ ต่อให้ยังคบกัน เขาจะมีคนใหม่ก็แค่บอกเลิก ไม่เห็นจะมีอะไรยาก
“มันแน่อยู่แล้ว เรื่องจะคบหรือจะจบกับใครมันก็แล้วแต่พี่ ถึงเธอจะท้องจริงพี่ก็จะบอกให้ว่าเด็กคนเดียวไม่สามารถทำให้พี่หยุดอยู่กับเธอได้หรอก”
หญิงสาวกล้ำกลืนความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามา มันทั้งเจ็บปวด เสียใจ และผิดหวัง พลางเอ่ยเสียงต่ำ “งั้นก็คงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้วมั้ง”
“ดี งั้นก็ตามนี้ จากนี้ไปเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก แล้วอย่าคิดจะมาเรียกร้องเอาอะไรทีหลัง เพราะพี่ไม่มีวันรับของอะไรที่ไม่ต้องการ”
“กลัวขนาดนั้นเลยเหรอคะ ย้ำหลายรอบมาก”
วารีรินยิ้มยั่ว
“งั้นก็ไปตรวจให้แน่ใจเลยไป จะได้จบ ๆ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ว่านบอกไม่ได้ท้องก็ไม่ได้ท้องสิ”
“ก็เธอออาจโกหก”
“ไม่โกหกหรอก ว่านเห็นสันดานของพี่แล้วว่านไม่ได้อยากได้พี่เป็นพ่อของลูกว่าน ไม่อยากได้พี่เป็นสามี ไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับคนอย่างพี่อีก”
“ว่าน” เขาปราม
“มีอะไรจะคุยอีกมั้ย ถ้าไม่มีก็จบแค่นี้”
“พี่ไม่ได้อยากคุยอะไรกับเธออีกนอกจากเรื่องนี้”
“ก็เคลียร์แล้วไง”
“เออ เคลียร์”
“จบ!”
เธอหันไปจ้องตากับเขา สายตาจับจ้องอวัยวะทุกส่วนบนใบหน้า เพื่อจดจำเอาไว้ว่าไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนี้แหละที่มันเลวกับเธอขนาดไหน จะได้ไม่หวนกลับไปเชื่อคำพูดหวานหูในตอนแรกที่มันพ่นใส่จนเธอหลง
“จ้องหน้าแบบนี้ อยากโดนในรถก่อนแยกจากอีกมั้ยล่ะ”
พลางพูดใบหน้าหล่อใสก็ยื่นเข้ามาพร้อมกับส่งท่อนแขนมาโอบรัดร่างบางในชุดนักศึกษาพอดีตัว วารีรินดิ้นขัดขืนตอนนี้ในความรู้สึกมีแต่ความขยะแขยงผู้ชายคนนี้
เพี้ยะ! จังหวะหนึ่งที่หญิงสาวได้โอกาสเหมาะ ตวัดฝ่ามือฟาดลงไปที่แก้มข้างหนึ่งเต็มแรงจนอีกฝ่ายหน้าหัน หยุดการกระทำป่าเถื่อนลงได้ก่อนจะหันกลับมามองหน้าเธอ ยกยิ้มมุมปาก ในขณะที่วารีรินอยู่ในอารมณ์เดือดดาล
“ตบแปลว่าอ่อย”
“ทุเรศ! เปิดประตูให้ฉันลง”
“พี่ก็เสียดายเธออยู่นะว่าน เอางี้มั้ย ระหว่างที่พี่ไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ เธอก็หางานทำรอพี่อยู่ที่นี่ พี่จะส่งเงินค่าเลี้ยงดูมาให้เธอบ้าง”
“ไม่”
“พี่เสนอทางเลือกที่ดีให้เธอแล้วนะ”
“นี่ดีเหรอ หึ”
“ก็ดีที่สุดสำหรับเธอแล้วไง ถ้าจะให้ดีกว่านี้คงให้ไม่ได้”
“ฉันไม่รับมัน นายจะไปทำอะไรที่ไหนก็แล้วแต่เถอะ อย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีกเลย เปิดประตูไม่งั้นฉันเอาปากกาเมจิกเขียนรถนายแน่”
วารีรินมีปากกาสีหลายแท่งในกระเป๋าทำท่าพร้อมจะหยิบออกมา เธอรู้ว่าลาภิศร์ก็เป็นคนที่รักรถมาก เมื่อเห็นอย่างนั้นชายหนุ่มทำหน้าตื่น
“อย่าทำอะไรบ้า ๆ ฉันไม่อยากเสียเวลาเพราะเรื่องแบบนี้”
“ก็เปิดประตูสิ”
“หึ เก่งให้ได้ตลอดแล้วกัน ถ้าคิดถึงผัวคนแรกขึ้นมาให้รีบโทร.หาภายในสามวัน ถ้าไม่โทร.แปลว่าเราขาดกันโดยสมบูรณ์”
คนหลงตัวเองยักคิ้ว พร้อมกับกดปลดล็อกประตูให้ เขาคิดว่าข้อเสนอนี้วารีรินต้องรับมันไว้อย่างแน่นอน หญิงสาวก้าวลงจากรถก่อนจะปิดประตู เธอก็ยิ้มหวานตอบกลับ
“เปลี่ยนใจเหรอจ๊ะน้องสาว”
“ค...” สิ่งที่ลาภิศร์ได้กลับมาคือ ‘นิ้วกลาง’ จากเธอ
“ยัยตัวแสบ กล้าให้ ‘ค’ ฉันเหรอ มีแต่ฉันสิที่จะใส่เข้าไปในตัวเธอน่ะ บ้าชิป ฉันจะรอดูความเก่งของเธอ หึ!”
^
^
^
***โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ ไหวไปต่อ