5. สาวมั่น

1340 Words
“อรุณสวัสดิ์” “ไปไกลๆ ยังไม่มีอารมณ์เล่นด้วย” “เล่นอะไรวะ...งง” หนุ่มหัวฟูเดินสวนกับเอลี่บนระหว่างทางเป็นห้องทำงานของแผนกตัวเอง อาร์ทมาสายบ้างเช้าบ้างเป็นปกติเพราะมีความเป็น Artist สูงจึงเอาแน่เอานอนเรื่องเวลางานไม่ได้ ชายหนุ่มยืนมองเออีตาละห้อยเพราะตนแค่ทักทายเพื่อนร่วมออฟฟิศตามมารยาทเท่านั้น “เดี๋ยว! งานน้ำมะพร้าวถึงไหนแล้ว” “น้ำมะพร้าว? เออ! เดี๋ยวเก็บรายละเอียดก็เสร็จแหละ” “ไอ้อาร์ท” “ภายในวันนี้แหละ งารศิลป์มันต้องใช้เวลานะเว้ย” “อย่ามาแหล! ทำได้กี่เปอร์เซ็นต์แล้วห้ะ” ตลอดเวลาที่เป็นเออีภายใต้เดอะวัน และต้องทำงานร่วมกับครีเอดหนุ่มหัวฟู ลักษณะอาการของอาร์ทแบบนี้แน่นอนว่าเอลี่รู้ทัน “แปดสิบ” “โกหก” “ห้าสิบ” “เอาดีๆ เท่าไร” “เออ! เดี๋ยวส่งให้เองน่ะ” ครีเอดหนุ่มพูดเสียงแผ่วเบา จริงๆ แล้วเขาลืมไปเสียสนิทว่ามีอีกงานที่ต้องทำ “เอาแบบร่างให้กูดูหน่อย” “ตอนนี้?” “กูนัดเข้าเสนองานลูกค้าพรุ่งนี้จะให้กูดูตอนไหนละวะ” เอลี่แว้ดเสียงสูง อารมณ์ค้างมาตั้งแต่เรื่องเข้างานสาย ไหนจะเจอเพื่อนแกล้ง แล้วยังจะมีคนไม่รับผิดงานตัวเองอีกหนึ่งราย “นี้มันวันอะไรวะเนี้ย” “วันพุธ” “อย่ากวนตีนไอ้อาร์ท” เอ้า! หนุ่มหัวฟูเดินเลี่ยงไปอีกทาง เขาไม่ชอบเท่าไรสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลภาวะทางเสียง และเวลาเอลี่เหวี่ยงมันก็มันจะหวีดเสียงสูงแหลมจนปวดหู “ทำได้เท่าไรเปิดให้กูดูสิ” “เออน่ะ! บอกว่าเดี๋ยวส่งให้ไง” “เปิด!” “มึงเอาคอมกูไปดูเองมั้ยอริ!” “สรุปคือยังไม่ได้เริ่ม” ... “ไอ้ห่าอาร์ท ไอ้คนไม่มีความรับผิดชอบ” เอลี่หวีดเสียงสูงลั่นแผนกครีเอดจนดังไปทั้งฟลอร์ พนักงานแผนกใกล้เคียงที่ไม่รู้เรื่องต่างรีบวิ่งมาดูว่าใครทะเลาะกับใคร “จะเสียงดังไมวะ” “กูจะขายงานพรุ่งนี้นะไอ้อาร์ท” “ก็เดี๋ยวกูส่งให้วันนี้ไง” “มึงจะไม่ให้กูบรีฟงานเลยหรือไง ถ้ากูยังไม่เห็นตัวอย่างโฆษณาก่อนกูจะเสนอลูกค้าถูกเหรอ” คนจริงจังในงานที่ทำโกรธเป็นไฟเป็นฝืน ทุกครั้งที่เออีนำตัวอย่างงานจากฝ่ายครีเอดไปเสนอกับลูกค้า เอลี่ต้องศึกษาข้อมูลมาอย่างดีก่อนเสมอ มีหลายครั้งหลายคราวที่เธอสอดแทรกไอเดียเข้าไปเพื่อให้งานมันออกมาดียิ่งขึ้น รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่มุมมองคนเซอร์ๆ อาจมองข้ามไป มุมมองจากคนที่เคยมีประสบการณ์ขายก็ช่วยเติมเต็มตรงนั้น The one จึงเป็นบริษัทโฆษณาที่ก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นผู้นำในเวลาอันสั้น บุคลากรที่เต็มไปด้วยความสามารถต่างก็รวมกันอยู่ที่นี้ บริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยคนรุ่นใหม่ไฟแรง จึงไม่แปลกที่เดอะวันจะเป็นบริษัทในฝันของใครหลายๆ คน “มึงแปลกๆ นะวันนี้อริ” หนุ่มเซอร์มองใบหน้าเอลี่ด้วยความแปลกใจ ทั้งหน้าสดทั้งแต่งตัวธรรมดาไหนจะอาการปรี๊ดแตกเกินพอดี “ถ้าอย่างกูแปลกมึงก็ตัวประหลาดแล้ว” “ถามจริง เมนต์มาเหรอ” “ไอ้อาร์ท” “เข้าวัยทองแล้วสินะอารมณ์ถึงได้สวิง” อาร์ทพอจะเข้าใจคนวัยทองพอประมาณ ทุกอย่างมันคล้ายกับที่เอลี่เป็นตอนนี้เลย “กูเพิ่งยี่สิบแปดวัยทองบ้าอะไร” “เดี๋ยวนี้ยี่สิบแปดก็วัยทองได้แล้วสินะ แฟนก็ยังไม่มีสักคนน่าเวทนาจริงๆ” กรี๊ด!! “เดี๋ยวแม่ตบปากฉีกเลย” ฮาๆๆๆ ครีเอดหนุ่มหัวเราะรวนที่กวนประสาทเอลี่ได้ แกล้งใครก็ไม่สนุกเท่ากับคนเอลี่อีกแล้ว “กูเลือกเว้ย แต่ถึงกูจะไม่มีใครแต่กูเก่ง สวยและรวยเว้ย แฟนกูในอนาคตต้องเป็นเก่ง หล่อและรวยเหมือนกัน” “เหมือนมีให้เลือกเยอะนะมึง” “เยอะสิ! เยอะจนกูตัดใครทิ้งไม่ได้สักคน” “ตื่นเนาะฮัลโหล ตื่นจากฝันแล้วกลับมาสู่ความจริงสักที” T^T ความจริงที่เอลี่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ลง มันผิดด้วยหรือที่เธอบ้าทำแต่งานที่เธอรักจนไม่มีเวลาพูดคุยหรือศึกษาดูใจกับใคร แม้ว่าจะมีผู้ชายเข้าหามากมาย แต่ถ้าไม่ได้คุยเรื่องงาน เออีสาวจะตัดบทสนทนาและไม่คิดจะสานต่อความสัมพันธ์ “ชัวร์” “อะไรชัวร์” เออีสาวบ่นเสียงอ่อยในขณะที่ครีเอดหนุ่มเปิดดูข้อมูลของสินค้าอ่านสรรพคุณของน้ำมะพร้าวอย่างใจจดใจจ่อ “นี้ไง น้ำมะพร้าวมีส่วนช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง ลดอาการสวิง เหมาะสำหรับวัยทอง” “แล้ว?” “ไปซื้อแดกซะนะจะได้เลิกประสาทแดกสักที” กรี๊ด!!! คนถูกด่ากลายๆ หวีดเสียงใส่อีกครั้ง เอลี่เต้นเร้าๆ เป็นเจ้าเข้าที่เธอโดนอาร์ทหาว่า ผู้ชายอะไรปากร้ายยิ่งกว่าผู้หญิงและเอลี่ก็เถียงไม่ออก คิดคำด่าไม่ทัน ได้แต่กรีดร้อง “ไปๆ ตอนนี้ไอเดียกำลังไหล อย่ามารบกวน ต้องขอบคุณมึงเลยนะเพราะแรงบันดาลใจนี้มาจากอาการวัยทองของมึง” “แรงบันดาลใจพ่อมึงสิ ไม่เอา” “เดี๋ยวกูส่งตัวอย่างให้เย็นๆ” “ไม่เอา! กูไม่มีวันขายงานแบบนี้” “ตามใจนะ พรุ่งนี้มึงก็บอกลูกค้าเองเลย” “อะ ไอ้...” หนุ่มหัวฟูยุ่งเหยิงดันหลังเอลี่ออกจากห้องทำงาน อาร์ทจัดการลงกลอนประตูเรียบร้อยเพื่อป้องกันการก่อกวน “วันนี้แม่งมีแต่คนกวนประสาทเว้ย โอ๊ยกูจะบ้าตาย” ฝ่ายบัญชี “เสื้อไปเลอะอะไรมาห้ะเรา” “กาแฟอะสิพี่แก้ว แม่งเอ๊ย! อดกิน” ย้อนไปเมื่อสิบนาทีก่อนตอนที่อ้ายอันนั่งชมการแสดงปาหี่ ณ เครื่องบันทึกเวลาเข้าออกงาน เธอกำลังจะลุกกลับไปยังโต๊ะประจำตำแหน่งแต่ก็ถูกชนจากด้านหลังอีกครั้งจนล้มคะมำ กาแฟดำอุ่นๆ จากร้านเจ้าประจำกว่าครึ่งแก้วเทคว่ำใส่หน้าอกรดเสื้อยืดสีขาวขุ่นเลอะไปทั้งตัว “ตาถั่ว” “ตาถั่ว?” “ตายแล้วคุณไท่” ถ้าไม่เห็นว่าเป็นใคร อ้ายอันคงจะด่าชุดใหญ่ที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือชนคนอื่น แต่โชคดีที่ตาไวและคิดได้เร็ว เมื่อผู้จัดการสาขาประเทศไทยสะดุดอ้ายอันล้มจนเอกสารและมือถือหล่นกระจาย คนผิดจึงรีบประคองหนุ่มใหญ่ขึ้นยืน เพราะเธอไม่อยากให้พนักงานระดับล่างเห็นสภาพเขากองกับพื้น “ทำไมถึงนั่งตรงนี้ล่ะครับ มันขวางทางเดินเข้าออกลิฟต์นะ” “เชือกรองเท้าอันหลุดค่ะ ว่าแต่คุณไท่เจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ” คนผิดรีบก้มเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายและส่งคืนให้เจ้าของ “คราวหลังก็ระวังด้วยนะครับ...อ๊ะ!” สายตาชายหนุ่มกดต่ำลงทันใด เสื้อสีขาวสะอาดเลอะคราบดำๆ และมันก็แนบเนินเนื้อจนเด่นชัด ไม่เคยรู้เลยว่ารองผู้จัดการบัญชีจะหุ่นซ้อนรูปได้ขนาดนี้ อ่า... “คุณไท่คะ! นี้ของคุณค่ะ” สาวเจ้ารู้ดีว่าคนตรงข้ามเอาแต่จ้องมองที่ส่วนใด สายตาส่งประกายเงาวับขนาดนี้ทำไมจะไม่รู้ว่าผู้จัดการไท่เอาแต่จ้องนม “อืม! ถ้าเกิดเป็นลูกขึ้นมา ผมคงขายหน้าน่าดู” “ขอโทษค่ะ ต่อไปอันจะระวัง” ในขณะที่คนผิดค้อมหัวลง สายตาหนุ่มใหญ่วัยยังมีอารมณ์กำหนัดก็มิอาจละความสนใจจากทรวดทรงที่ชวนให้ดึงดูดสายตาได้สักวินาที “ถามจริง” “อืม” “แล้วเขาไม่ว่าอะไรมึงเหรอ” “ก็ไม่เห็นว่าอะไร สมองคงประมวลไม่ทันมั้ง สงสัยคงจะแพ้นม” “นม?” “ใช่พี่ นม!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD