“อรุณสวัสดิ์”
“ไปไกลๆ ยังไม่มีอารมณ์เล่นด้วย”
“เล่นอะไรวะ...งง”
หนุ่มหัวฟูเดินสวนกับเอลี่บนระหว่างทางเป็นห้องทำงานของแผนกตัวเอง
อาร์ทมาสายบ้างเช้าบ้างเป็นปกติเพราะมีความเป็น Artist สูงจึงเอาแน่เอานอนเรื่องเวลางานไม่ได้
ชายหนุ่มยืนมองเออีตาละห้อยเพราะตนแค่ทักทายเพื่อนร่วมออฟฟิศตามมารยาทเท่านั้น
“เดี๋ยว! งานน้ำมะพร้าวถึงไหนแล้ว”
“น้ำมะพร้าว? เออ! เดี๋ยวเก็บรายละเอียดก็เสร็จแหละ”
“ไอ้อาร์ท”
“ภายในวันนี้แหละ งารศิลป์มันต้องใช้เวลานะเว้ย”
“อย่ามาแหล! ทำได้กี่เปอร์เซ็นต์แล้วห้ะ” ตลอดเวลาที่เป็นเออีภายใต้เดอะวัน และต้องทำงานร่วมกับครีเอดหนุ่มหัวฟู ลักษณะอาการของอาร์ทแบบนี้แน่นอนว่าเอลี่รู้ทัน
“แปดสิบ”
“โกหก”
“ห้าสิบ”
“เอาดีๆ เท่าไร”
“เออ! เดี๋ยวส่งให้เองน่ะ” ครีเอดหนุ่มพูดเสียงแผ่วเบา
จริงๆ แล้วเขาลืมไปเสียสนิทว่ามีอีกงานที่ต้องทำ
“เอาแบบร่างให้กูดูหน่อย”
“ตอนนี้?”
“กูนัดเข้าเสนองานลูกค้าพรุ่งนี้จะให้กูดูตอนไหนละวะ” เอลี่แว้ดเสียงสูง
อารมณ์ค้างมาตั้งแต่เรื่องเข้างานสาย ไหนจะเจอเพื่อนแกล้ง แล้วยังจะมีคนไม่รับผิดงานตัวเองอีกหนึ่งราย “นี้มันวันอะไรวะเนี้ย”
“วันพุธ”
“อย่ากวนตีนไอ้อาร์ท”
เอ้า!
หนุ่มหัวฟูเดินเลี่ยงไปอีกทาง เขาไม่ชอบเท่าไรสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลภาวะทางเสียง และเวลาเอลี่เหวี่ยงมันก็มันจะหวีดเสียงสูงแหลมจนปวดหู
“ทำได้เท่าไรเปิดให้กูดูสิ”
“เออน่ะ! บอกว่าเดี๋ยวส่งให้ไง”
“เปิด!”
“มึงเอาคอมกูไปดูเองมั้ยอริ!”
“สรุปคือยังไม่ได้เริ่ม”
...
“ไอ้ห่าอาร์ท ไอ้คนไม่มีความรับผิดชอบ” เอลี่หวีดเสียงสูงลั่นแผนกครีเอดจนดังไปทั้งฟลอร์ พนักงานแผนกใกล้เคียงที่ไม่รู้เรื่องต่างรีบวิ่งมาดูว่าใครทะเลาะกับใคร
“จะเสียงดังไมวะ”
“กูจะขายงานพรุ่งนี้นะไอ้อาร์ท”
“ก็เดี๋ยวกูส่งให้วันนี้ไง”
“มึงจะไม่ให้กูบรีฟงานเลยหรือไง ถ้ากูยังไม่เห็นตัวอย่างโฆษณาก่อนกูจะเสนอลูกค้าถูกเหรอ” คนจริงจังในงานที่ทำโกรธเป็นไฟเป็นฝืน ทุกครั้งที่เออีนำตัวอย่างงานจากฝ่ายครีเอดไปเสนอกับลูกค้า เอลี่ต้องศึกษาข้อมูลมาอย่างดีก่อนเสมอ
มีหลายครั้งหลายคราวที่เธอสอดแทรกไอเดียเข้าไปเพื่อให้งานมันออกมาดียิ่งขึ้น
รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่มุมมองคนเซอร์ๆ อาจมองข้ามไป มุมมองจากคนที่เคยมีประสบการณ์ขายก็ช่วยเติมเต็มตรงนั้น
The one จึงเป็นบริษัทโฆษณาที่ก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นผู้นำในเวลาอันสั้น
บุคลากรที่เต็มไปด้วยความสามารถต่างก็รวมกันอยู่ที่นี้ บริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยคนรุ่นใหม่ไฟแรง จึงไม่แปลกที่เดอะวันจะเป็นบริษัทในฝันของใครหลายๆ คน
“มึงแปลกๆ นะวันนี้อริ” หนุ่มเซอร์มองใบหน้าเอลี่ด้วยความแปลกใจ
ทั้งหน้าสดทั้งแต่งตัวธรรมดาไหนจะอาการปรี๊ดแตกเกินพอดี
“ถ้าอย่างกูแปลกมึงก็ตัวประหลาดแล้ว”
“ถามจริง เมนต์มาเหรอ”
“ไอ้อาร์ท”
“เข้าวัยทองแล้วสินะอารมณ์ถึงได้สวิง” อาร์ทพอจะเข้าใจคนวัยทองพอประมาณ
ทุกอย่างมันคล้ายกับที่เอลี่เป็นตอนนี้เลย
“กูเพิ่งยี่สิบแปดวัยทองบ้าอะไร”
“เดี๋ยวนี้ยี่สิบแปดก็วัยทองได้แล้วสินะ แฟนก็ยังไม่มีสักคนน่าเวทนาจริงๆ”
กรี๊ด!!
“เดี๋ยวแม่ตบปากฉีกเลย”
ฮาๆๆๆ
ครีเอดหนุ่มหัวเราะรวนที่กวนประสาทเอลี่ได้
แกล้งใครก็ไม่สนุกเท่ากับคนเอลี่อีกแล้ว
“กูเลือกเว้ย แต่ถึงกูจะไม่มีใครแต่กูเก่ง สวยและรวยเว้ย แฟนกูในอนาคตต้องเป็นเก่ง หล่อและรวยเหมือนกัน”
“เหมือนมีให้เลือกเยอะนะมึง”
“เยอะสิ! เยอะจนกูตัดใครทิ้งไม่ได้สักคน”
“ตื่นเนาะฮัลโหล ตื่นจากฝันแล้วกลับมาสู่ความจริงสักที”
T^T
ความจริงที่เอลี่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ลง
มันผิดด้วยหรือที่เธอบ้าทำแต่งานที่เธอรักจนไม่มีเวลาพูดคุยหรือศึกษาดูใจกับใคร
แม้ว่าจะมีผู้ชายเข้าหามากมาย แต่ถ้าไม่ได้คุยเรื่องงาน เออีสาวจะตัดบทสนทนาและไม่คิดจะสานต่อความสัมพันธ์
“ชัวร์”
“อะไรชัวร์”
เออีสาวบ่นเสียงอ่อยในขณะที่ครีเอดหนุ่มเปิดดูข้อมูลของสินค้าอ่านสรรพคุณของน้ำมะพร้าวอย่างใจจดใจจ่อ
“นี้ไง น้ำมะพร้าวมีส่วนช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง ลดอาการสวิง เหมาะสำหรับวัยทอง”
“แล้ว?”
“ไปซื้อแดกซะนะจะได้เลิกประสาทแดกสักที”
กรี๊ด!!!
คนถูกด่ากลายๆ หวีดเสียงใส่อีกครั้ง
เอลี่เต้นเร้าๆ เป็นเจ้าเข้าที่เธอโดนอาร์ทหาว่า
ผู้ชายอะไรปากร้ายยิ่งกว่าผู้หญิงและเอลี่ก็เถียงไม่ออก คิดคำด่าไม่ทัน ได้แต่กรีดร้อง
“ไปๆ ตอนนี้ไอเดียกำลังไหล อย่ามารบกวน ต้องขอบคุณมึงเลยนะเพราะแรงบันดาลใจนี้มาจากอาการวัยทองของมึง”
“แรงบันดาลใจพ่อมึงสิ ไม่เอา”
“เดี๋ยวกูส่งตัวอย่างให้เย็นๆ”
“ไม่เอา! กูไม่มีวันขายงานแบบนี้”
“ตามใจนะ พรุ่งนี้มึงก็บอกลูกค้าเองเลย”
“อะ ไอ้...”
หนุ่มหัวฟูยุ่งเหยิงดันหลังเอลี่ออกจากห้องทำงาน
อาร์ทจัดการลงกลอนประตูเรียบร้อยเพื่อป้องกันการก่อกวน
“วันนี้แม่งมีแต่คนกวนประสาทเว้ย โอ๊ยกูจะบ้าตาย”
ฝ่ายบัญชี
“เสื้อไปเลอะอะไรมาห้ะเรา”
“กาแฟอะสิพี่แก้ว แม่งเอ๊ย! อดกิน”
ย้อนไปเมื่อสิบนาทีก่อนตอนที่อ้ายอันนั่งชมการแสดงปาหี่ ณ เครื่องบันทึกเวลาเข้าออกงาน
เธอกำลังจะลุกกลับไปยังโต๊ะประจำตำแหน่งแต่ก็ถูกชนจากด้านหลังอีกครั้งจนล้มคะมำ
กาแฟดำอุ่นๆ จากร้านเจ้าประจำกว่าครึ่งแก้วเทคว่ำใส่หน้าอกรดเสื้อยืดสีขาวขุ่นเลอะไปทั้งตัว
“ตาถั่ว”
“ตาถั่ว?”
“ตายแล้วคุณไท่”
ถ้าไม่เห็นว่าเป็นใคร อ้ายอันคงจะด่าชุดใหญ่ที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือชนคนอื่น
แต่โชคดีที่ตาไวและคิดได้เร็ว
เมื่อผู้จัดการสาขาประเทศไทยสะดุดอ้ายอันล้มจนเอกสารและมือถือหล่นกระจาย คนผิดจึงรีบประคองหนุ่มใหญ่ขึ้นยืน
เพราะเธอไม่อยากให้พนักงานระดับล่างเห็นสภาพเขากองกับพื้น
“ทำไมถึงนั่งตรงนี้ล่ะครับ มันขวางทางเดินเข้าออกลิฟต์นะ”
“เชือกรองเท้าอันหลุดค่ะ ว่าแต่คุณไท่เจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ” คนผิดรีบก้มเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายและส่งคืนให้เจ้าของ
“คราวหลังก็ระวังด้วยนะครับ...อ๊ะ!” สายตาชายหนุ่มกดต่ำลงทันใด
เสื้อสีขาวสะอาดเลอะคราบดำๆ และมันก็แนบเนินเนื้อจนเด่นชัด ไม่เคยรู้เลยว่ารองผู้จัดการบัญชีจะหุ่นซ้อนรูปได้ขนาดนี้
อ่า...
“คุณไท่คะ! นี้ของคุณค่ะ” สาวเจ้ารู้ดีว่าคนตรงข้ามเอาแต่จ้องมองที่ส่วนใด
สายตาส่งประกายเงาวับขนาดนี้ทำไมจะไม่รู้ว่าผู้จัดการไท่เอาแต่จ้องนม
“อืม! ถ้าเกิดเป็นลูกขึ้นมา ผมคงขายหน้าน่าดู”
“ขอโทษค่ะ ต่อไปอันจะระวัง” ในขณะที่คนผิดค้อมหัวลง สายตาหนุ่มใหญ่วัยยังมีอารมณ์กำหนัดก็มิอาจละความสนใจจากทรวดทรงที่ชวนให้ดึงดูดสายตาได้สักวินาที
“ถามจริง”
“อืม”
“แล้วเขาไม่ว่าอะไรมึงเหรอ”
“ก็ไม่เห็นว่าอะไร สมองคงประมวลไม่ทันมั้ง สงสัยคงจะแพ้นม”
“นม?”
“ใช่พี่ นม!”