บทที่ 02
ฝากเลี้ยง [2]
“ก็หัดสิ เว้นเสียแต่ว่าคุณอยากให้ผมหาประโยชน์อย่างอื่นจากคุณตอนนี้เลย อย่าลืมว่าร่างกายของคุณผมก็ซื้อแล้ว”
“ฉันจะลองดูก็ได้ค่ะ” พลอยกะรัตตอบไม่เต็มเสียงสักเท่าไร
จริงๆ แล้วเรื่องงานบ้านเธอเองก็พอทำเป็นอยู่บ้าง เพราะสมัยเรียนเมืองนอกเธอก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง เพียงแต่ที่ไม่ทำก็เพราะไม่เห็นว่าห้องเขามันจะรกหรือต้องทำความสะอาดที่ตรงไหนสักหน่อย คนอย่างเขายังไงเสียก็ต้องมีแม่บ้านมาทำความสะอาดห้องให้เป็นประจำอยู่แล้ว
“คุณภูมิคะ”
ชื่อเล่นของเขาที่เธอเรียกออกมาทำให้หัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ
“มีอะไร”
“ฉันขอโทรหาพ่อหน่อยได้ไหมคะ”
“ไม่ได้”
“แต่จนป่านนี้พ่อฉันยังไม่ติดต่อมาเลย ฉันเป็นห่วง กลัวว่ามันจะมีปัญหาอะไรน่ะค่ะ” น้ำเสียงของเธออ่อนลงเสมอเมื่อพูดถึงพ่อ
ภูมิพัฒน์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมา แต่ไม่คิดว่านั่นจะทำให้เขาได้เห็นรอยยิ้มของเธอที่ถึงกับรีบฉีกยิ้มยิงฟันขาวๆ ใส่
“เป็นบ้าอะไรล่ะ” เขาก่นด่าตัวเองเบาๆ ไม่ทันระวังว่าอีกฝ่ายจะได้ยินจนหุบยิ้มลงทันที เปลี่ยนเป็นยืนเม้มริมฝีปากแน่นใส่เขาแทน
“ฮัลโหล ทุกอย่างเรียบร้อยดีรึเปล่า”
ได้ยินคำถามแล้วพลอยกะรัตก็พอจะรู้สึกเบาใจขึ้นมาได้บ้าง คงจะดีกว่านี้หากว่าเธอได้มีโอกาสพูดคุยกับพ่อของเธอสักครั้ง
“อืม”
สั้นจนเธอเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี แต่อยู่ๆ เขาก็หันมามองหน้าเธอพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มาให้ เป็นสัญญาณเรียกเธอไปคุยโทรศัพท์แทน
เธอรีบเดินไปรับโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาแนบหูด้วยหัวใจสั่นๆ สองตาเริ่มร้อนผ่าวและมีน้ำใสๆ คลอขึ้นมาจนต้องกะพริบตา
อยู่หลายครั้งเพราะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะให้โอกาสเธอได้คุยกับพ่อของเธอจริงรึเปล่า
“ฮะ ฮัลโหล”
[ลูกพลอย]
น้ำตาของเธอไหลเป็นสายเมื่อเสียงจากปลายสายเป็นเสียงพ่อของเธอจริงๆ
“พ่อโอเคไหมคะ พวกนั้นทำอะไรพ่อรึเปล่า พ่อเจ็บตรงไหนไหมคะ” พลอยกะรัตถามออกไปทั้งน้ำตา ไม่ว่าเธอจะพยายามยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกกี่ครั้งแต่ก็มีหยดใหม่ไหลลงมาแทนที่เสมอ และภาพนั้นก็ทำให้ภูมิพัฒน์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมน้ำลึกลงไปทุกทีๆ
[พ่อไม่เป็นไรลูก แล้วลูกล่ะ อยู่กับคุณภูมิพัฒน์ใช่รึเปล่า เขาทำอะไรลูกพ่อรึเปล่า]
“เปล่าค่ะ เขาไม่ได้ทำอะไรพลอย แล้วก็ยังรับปากว่า...”
“อะแฮ่ม” ภูมิพัฒน์ส่งสัญญาณเตือน เขาไม่อยากให้เธอพูดอะไรถึงเรื่องที่เขารับปากว่าจะช่วยพ่อของเธอ เพราะสุดท้ายแล้วหากว่าพ่อของเธอทำผิดจริงๆ เขาก็คงช่วยอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ตรงกันข้าม เขานี่แหละจะเป็นคนจับพ่อของเธอส่งตำรวจอีกรอบ
[ลูกไม่เป็นไรก็ดีแล้ว พ่อขอโทษนะลูกที่ทำให้ลูกต้องมาลำบากไปด้วย]
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้สบายมาก”
เธอพูดคำว่าสบายทั้งที่เสียงสั่นไปหมด
[พ่อทำให้ลูกผิดหวังแล้วก็ร้องไห้สินะ]
“พลอยไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย พ่อดูแลตัวเองดีๆ นะคะ ช่วงนี้คุณภูมิแนะนำว่าให้พลอยกับพ่อห่างกันสักพัก ถ้าเจอกันได้เมื่อไรพลอยจะรีบไปหาพ่อทันทีนะคะพ่อ”
[ไม่ต้องเป็นห่วงพ่อหรอกลูกพลอย พ่อสัญญาว่าพ่อจะหาทางจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ระหว่างนี้ก็รักษาเนื้อรักษาตัวนะลูก เข้มแข็งเข้าไว้ แล้วก็ฝากขอบคุณคุณภูมิพัฒน์เขาด้วยล่ะ อย่าดื้อกับเขานะลูก]
“พลอยเคยดื้อกับใครนอกจากพ่อล่ะคะ”
ยิ่งพูดเธอก็ยิ่งอยากจะร้องไห้
“อะแฮ่ม” ภูมิพัฒน์ส่งสัญญาณเตือนอีกครั้งเพื่อให้เธอรีบบอกลาพ่อของเธอ ไม่ได้อยากจะใจดีกับเธอเพราะไอ้คำว่าไม่ดื้อกับใครที่เธอพูดออกมาเมื่อครู่มันโคตรไม่จริง
“แค่นี้ก่อนนะคะพ่อ เอาไว้เจอกันเมื่อไร พลอยจะกอดพ่อแน่นๆ เลย ขอโทษที่พลอยเคยดื้อกับพ่อนะคะ”
[พ่อรักลูก] พ่อของเธอบอกเพียงสั้นๆ ก่อนจะกดวางสายไป
พลอยกะรัตรู้สึกเหมือนใจจะขาดก็ตอนที่ต้องวางสายโดยไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าเมื่อไรเธอจะได้เจอหน้าพ่อของเธออีกทั้งที่เมื่อเช้ายังนั่งกินข้าวด้วยกัน
จำใจยื่นโทรศัพท์คืนให้กับเจ้าของ ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วฝืนยิ้มให้เขาที่มองด้วยหางตา
“ขอบคุณค่ะ” บอกตามมารยาท แม้จะถูกเขาเมินหน้าใส่
พลอยกะรัตถอนหายใจเบาๆ อีกครั้งก่อนจะเดินกลับออกมาเพราะไม่อยากจะรบกวนเวลาทำงานของเขา เธอได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว หลังจากนี้ก็มีหน้าที่แค่ทำตามที่ตกลงกับเขาเอาไว้ รวมถึงพยายามหาเบาะแสที่จะนำมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพ่อเธอด้วย ซึ่งเธอเชื่อเหลือเกินว่าพ่อของเธอเองก็ต้องพยายามด้วยเหมือนกันเพราะพ่อของเธอไม่มีทางทิ้งให้เธอต้องลำบากแน่นอน
แม้จะต้องสูญเสียอิสรภาพและศักดิ์ศรี แต่เพื่อแลกกับอิสรภาพและโอกาสได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพ่อ เธอถึงได้ยอม
“คุณภูมิคะ”
“อะไร” เขาขานห้วนๆ แต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากแฟ้มงาน ไม่แม้แต่จะชำเลืองหางตามองมาที่เธอเลยสักนิดเดียว
“ฉันขอลงไปซื้อของใช้ส่วนตัวข้างล่างหน่อยได้ไหมคะ”
“จะซื้ออะไร”
แค่เรื่องของใช้ส่วนตัวเธอก็ยังต้องรายงานเขาด้วยงั้นเหรอ แม้จะหงุดหงิด แต่ก็เข้าใจดีว่านั่นรวมอยู่ในคำว่าอิสรภาพที่เธอขายมันให้กับเขาไปแล้ว
“ยาคุมกำเนิดค่ะ”
กึก!
ปลายปากกาในมือของภูมิพัฒน์จิ้มลงบนเนื้อกระดาษแทบหักเมื่อได้ยิน
“หรือว่าที่ห้องคุณมีถุงยางอนามัยคะ”
เส้นเลือดในสมองของภูมิพัฒน์เต้นตุบๆ สมาธิในการทำงานของเขาต้องกระเจิดกระเจิงเพราะเธอไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งนับตั้งแต่ที่พาเธอมาที่นี่
“มี” แสร้งตอบเสียงเข้ม และก็น่าจะทำให้เธอหมดคำถามได้สักที
“แต่ว่า...”
“น่าจะสี่ห้ากล่องที่ลิ้นชักหัวเตียง เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยให้ผู้ช่วยฉันซื้อมาเพิ่มพร้อมกับยาคุมกำเนิดของคุณก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นวันนี้ไม่ต้องไปซื้ออะไรทั้งนั้น”
สิ้นคำสั่งของเขา เธอก็ได้แต่ทำหน้างอ เดิมทีเรื่องยาคุมกำเนิดก็สำคัญ แต่จริงๆ แล้วเธอก็เพียงแค่อยากจะลงไปซื้อขนมปังสักชิ้นสองชิ้นติดกระเป๋าไว้เผื่อหิวเท่านั้นเอง
“ยังจะยืนหน้างอทำไมอีก”
“เปล่าค่ะ ฉันไปหางานบ้านทำก็แล้วกัน” พูดจบเธอก็เดินหายไปที่อีกฟากหนึ่งของห้อง
ภูมิพัฒน์ถอนหายใจเฮือกเบ้อเริ่มก่อนจะปิดแฟ้มงานตรงหน้าลงเพราะไม่มีอารมณ์จะนั่งอ่านมันอีกแล้ว
“คุณภูมิคะ”
“อะไร” ถึงกับสะดุ้งเฮือกแล้วรีบหันไปมอง
“ฉันมีเรื่องจะสารภาพ”
“พูดมา”
“ฉันทำมันหักค่ะ”
สารภาพพร้อมกับยกไม้ถูพื้นด้ามยาวที่หักเป็นสองท่อนคามือให้เขาดู
ภูมิพัฒน์กลอกตาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนึกจนปัญญา ทำไมอยู่ๆ ผู้บริหารอย่างเขาถึงได้มีหน้าที่รับเลี้ยงเด็ก ซ้ำเด็กที่ว่ายังโตเป็นสาวแล้ว แถมที่ผ่านมาผลงานที่บริษัทของเธอก็ยังโดดเด่น ตรงกันข้ามกับภาพที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้เสียเหลือเกิน
“เอาไปทิ้ง เดี๋ยวผมสั่งให้แม่บ้านเอามาให้ใหม่”
“ค่ะๆ ขอน้ำยาถูพื้นดักฝุ่นเพิ่มด้วยนะคะ”
“อะไรนะ”
“คือฉันเทมันหกหมดเลยน่ะค่ะ มือหนักไปหน่อย”
“อืม เอาเถอะ ทีหลังก็เบามือหน่อยแล้วกัน”
“ค่ะ อ้อ อีกเรื่องค่ะ”
“อะไรอีก”
“ขอแก้วน้ำสักสองโหลค่ะ”
“อย่าบอกนะว่าคุณทำแตกหมดแล้วน่ะ”
“ยังค่ะ แค่เตรียมไว้” พลอยกะรัตบอกแล้วยิ้มกว้าง แต่พอถูกภูมิพัฒน์มองค้อนใส่เธอก็รีบเผ่นแน่บออกไปพ้นสายตาของเขาทันทีอย่างรู้งาน
ภูมิพัฒน์ถอนหายใจทิ้งอีกรอบก่อนจะนึกถึงใบหน้าของเพชรกรุณ พ่อของพลอยกะรัตตอนก่อนที่จะถูกตำรวจคุมตัวออกจากห้องทำงานของเขาไป
“นี่ผมคิดถูกรึเปล่าที่รับฝากเลี้ยงลูกสาวคุณน่ะคุณเพชร”