CHAPTER 03
ห้างสรรพสินค้าA
"พรีมชอบอันนั้นหยิบมาด้วย อันนั้นด้วย"
ก่อนกลับคอนโดธามพาลูกพีชมาที่ห้างแห่งหนึ่ง เขาปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็กที่ตัวเองกล่าวอ้างว่าเป็นเพื่อนสนิทเข็นรถเข็นตามหลังโดยมีตัวเองเดินนำหน้าแล้วชี้นิ้วออกคำสั่งให้เธอหยิบขนมที่ 'พรีม' ชอบ
'พรีม' เป็นผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าธามสามปีและเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ธามอ่อนข้อให้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
แต่ใช่ว่าความรู้สึกนี้มันจะสะอาดบริสุทธิ์เพราะผู้หญิงที่ชื่อ 'พรีม' ดันเป็นคู่หมั้นของพี่ชายของธามอย่าง 'ใหญ่' พี่ชายเพียงคนเดียวของเขา
แต่ธามไม่ได้สนใจไยดีสถานะตรงนั้นเพราะถ้าเขาแย่งพรีมมาจากใหญ่ได้นั่นก็ถือว่าเขามีสิทธิ์
นั้นล่ะ.. คือ 'ธาม' ที่ไม่เคยแยแสกับใคร
ลูกพีชหยิบของกินต่าง ๆ ที่พรีมชอบใส่รถเข็น เมื่อซื้อจ่ายกันเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นธามก็ยังปล่อยให้เธอแบกถุงใหญ่สองถุงเดินตามหลังเขาอีกด้วย
เพราะแบบนี้ไงลูกพีชจึงมักจะเกลียดธามอยู่ในใจที่เขามักจะบอกกับคนอื่นว่าเธอคือเพื่อนสนิทเขาแต่แท้จริงแล้วเธอก็แค่ทาสที่คอยรับใช้เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
มันหนักนะธาม มันหนักมากนายไม่คิดที่จะช่วยเราบ้างเลยเหรอ?
นายใจดีแค่กับพี่พรีมสินะ..
ลูกพีชเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงแล้วฮึดแรงเฮือกสุดท้ายก่อนจะกระชับถุงแล้วเดินตามหลังธามที่นำหน้าไปแล้ว
"วางไว้หลังรถ"
ลูกพีชพยักหน้าแล้ววางถุงสองถุงไว้หลังรถก่อนจะเดินมานั่งข้างคนขับอย่างที่เธอนั่งประจำ
ตะดึ๊ง..
จังหวะที่ธามกำลังดึงเข็มขัดออกมารัดอยู่นั้นมือถือลูกพีชที่อยู่ในกระเป๋าก็ส่งเสียงแจ้งเตือนข้อความไลน์
เธอเปิดกระเป๋าแล้วหยิบมือถือออกมาเพื่อเปิดอ่านข้อความโดยที่ไม่ทันสังเกตเห็นว่าธามกำลังจ้องอยู่ผ่านความเงียบที่เย็นยะเยือก
ริมฝีปากเล็กยกยิ้มบาง ๆ ขึ้นหลังจากที่เธออ่านข้อความนั้น เป็นรอยยิ้มที่ธามไม่เคยได้รับมันมาเพราะสิ่งเดียวที่ลูกพีชมีคือความหวาดระแวงเวลาอยู่ใกล้กับธามเพราะเขาชอบดุเธอและฉุดกระชากราวกับเธอเป็นผู้ชาย
"ใคร"
ความอดทนของธามมีต่ำตัวธามเองก็รู้ดีเขาถึงได้เอ่ยปากถามเธอเมื่อข้องใจ
ดูสิ ยิ้มกับมือถือขนาดนั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดา
ลูกพีชผละสายตาจากหน้าจอมือถือเพื่อเงยหน้าขึ้นไปมามองหน้าธามที่แววตามีแต่ความแข็งกระด้าง
"เพื่อนเราเอง"
ธามหัวเราะให้กับคำว่า 'เพื่อน' ที่ลูกพีชว่า เพราะอย่างเธอเคยมีเพื่อนกับคนอื่นเสียที่ไหนนอกจากธามเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเพื่อนกับเธอได้
"เธอมีเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมฉันไม่รู้"
นายเคยสนใจอยากจะรู้เรื่องของเราด้วยเหรอ
นายน่ะ.. เคยสนใจเราเสียที่ไหนกัน
นั้นคือคำพูดขัดแย้งที่ดังขึ้นมาในใจของลูกพีชอย่างต่อต้าน
"สักพัก"
แต่เธอก็ตอบแล้วกดข้อความส่งไปก่อนจะปิดหน้าจอมือถือให้ดับลง
"ผู้หญิงหรือผู้ชาย"
คำถามนั้นทำให้บรรยากาศในรถเงียบและบรรยากาศที่แปลกใหม่ทำให้รถทั้งคันอึดอัด
"เป็นรุ่นพี่ผู้ชายที่ขอเราเป็นเพื่อนค่ะ"
คำตอบนั้นทำให้ธามต้องลากลิ้นของตัวเองขึ้นไปเดาะกระพุ้งแก้มเล่นแล้วแค่นเสียงหัวเราะออกมาเหมือนเป็นเรื่องตลก
"ก็ดี หัดมีเพื่อนคนอื่นนอกจากฉันบ้างฉันจะได้ไม่ต้องคอยสงสารเธอ"
คำพูดของนายไม่ฟังดูใจร้ายไปหน่อยเหรอธาม
พูดเหมือนอยากให้มีเพื่อนใหม่แต่พอเธอมีเพื่อนใหม่เข้าจริง ๆ ธามกลับสั่งให้เลิกคบทุกครั้งเลย
ธามก็แค่ผู้ชายนิสัยไม่ดีคนหนึ่งที่อยากเก็บเธอเอาไว้เป็นที่ระบายก็แค่นั้นเอง
หมายถึงระบายอารมณ์โกรธนะ
"ไว้เราจะมีเพื่อนเร็ว ๆ นะ ธามจะได้ไม่ต้องเหนื่อยกับเราอีก"
จิกกัดเป็นสิ
แต่ขอแบบเนียน ๆ ได้มั้ย
"หึ.."
คนโดนจิกกัดก็ใช่ว่าจะไม่รู้ตัว ธามไม่ได้โง่แต่อย่าคิดว่าตอกเขาแค่นั้นเขาจะรู้สึก คำพูดแค่นั้นไม่ระคายผิวของธามด้วยซ้ำ
บรื๊นนน!!
แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงได้เหยียบคันเร่งได้แรงขนาดที่ลูกพีชหัวแทบจะกระแทกกับคอนโซลหน้ารถเพราะเธอยังไม่ทันจะรัดเข็มขัดนิรภัยแต่ธามก็ออกตัวแรงราวกับจงใจเอาคืนที่เธอริอาจต่อปากต่อคำกับเขา
"เลว"
ลูกพีชพึมพำอยู่ในคอเบา ๆ เอาให้ได้ยินอยู่คนเดียว
เธอเองก็อยากจะตะกุยหน้าธามให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยแต่เพราะกลัวน่ะสิถึงได้ต้องหลอกด่าเขาเหมือนคนขี้แพ้แบบนี้
คอนโด A
"ส่งข้อความย้ำพรีมอีกครั้ง เดี๋ยวเธอลืม"
ธามทิ้งตัวลงไปนั่งบนโซฟาหน้าทีวีแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบก่อนจะค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออกไปสามเม็ดจนเห็นรอยสักรูปไฟที่อยู่บนหน้าอก
ลูกพีชพยักหน้าแล้ววางถุงของไว้บนเคาน์เตอร์ เธอหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความย้ำพรีมอย่างที่ธามต้องการ
เธอกับพรีมรู้จักกันผ่านธาม รู้จักครั้งแรกก็ตอนที่ธามหาเรื่องเข้าหาพรีมโดยอ้างว่าจะเอาเพื่อนที่หัวสมองเรียนรู้ช้าอย่างลูกพีชมาเรียนพิเศษกับพรีมและหลังจากนั้นทุกเย็นธามก็จะไปหาพรีมโดยลากลูกพีชไปติวด้วยทุกวัน
พรีมเป็นติวเตอร์ที่ค่อนข้างเก่งและมีชื่อเสียงคนหนึ่งเลย อีกอย่างพรีมก็เป็นผู้หญิงที่สวยและเฉี่ยวมากด้วย
เป็นผู้หญิงที่น่าจะเป็นสเป็กส์ของธามเขาถึงได้คิดจะแย่งโดยที่ไม่สนใจว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคู่หมั้นของพี่ชายตัวเองก็ตาม
แต่ทว่าหลังจากที่ลูกพีชได้ส่งข้อความไปหาพรีมอีกครั้งพรีมก็ตอบข้อความกลับมาทันที
เป็นคำตอบที่ลูกพีชรู้สึกได้เลยว่าเธออาจจะทำให้ธามหัวเสียขึ้นมาอีกได้
“เป็นอะไร ทำไมต้องทำหน้าเหมือนมีเรื่องให้คิด”
สุ้มเสียงต่ำเอ่ยถามอย่างสงสัยหลังจากที่สังเกตอาการของลูกพีชที่มีท่าทีหนักใจหลังจากที่จับจ้องหน้าจอมือถืออยู่ราว ๆ หนึ่งนาที
“พี่พรีมมาไม่ได้แล้วละธาม พี่เขาติดธุระเลยขอเลื่อนไปเป็นวันพรุ่งนี้”
เสียงเล็กตอบคำถามผู้ชายตรงหน้าไปด้วยท่าทีหวาดหวั่น เธอลอบมองปฏิกิริยาของธามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ อีกทั้งท่าทีที่เปลี่ยนไปของธามทำให้ลูกพีชลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก
ธามน่ะ บดขยี้ก้นบุหรี่ลงไปกับถาดทิ้งบุหรี่ที่อยู่ตรงหน้า แล้วหลังจากนั้นผู้ชายที่นั่งเหยียดตรงก็เอนหลังลงไปพิงกับพนักโซฟาที่อยู่ข้างหลัง
หัวคิ้วหนึ่งข้างยกสูงขึ้นในขณะที่ปลายลิ้นดึงดันกระพุ้งแก้มเล่นด้วยท่าทียียวนกวนประสาท
แต่คนที่อยู่ตัวติดกันกับธามตลอดเวลาอย่างลูกพีชรู้ดีว่าถ้าธามดันกระพุ้งแก้มเล่นแบบนั้นมันหมายความว่าธามกำลังจะหัวเสียและพร้อมที่จะแผดเผ่าทุกคนให้มอดไหม้โดยที่ไม่ได้สนใจว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร
“เธอมานี่สิ”
นี่ไงล่ะ คนแรกที่มักจะถูกธามระบายความโกรธก็มักจะเป็นลูกพีชทุกทีเลย
หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำแล้วกำมือถือในมือเอาไว้แน่นพลางเม้มริมฝีปากเข้าหากันด้วยท่าทีประหม่า
“ลูกพีช ฉันบอกให้มานี่”
ธามเรียกย้ำอีกครั้ง เน้นย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจนเธอต้องยอมก้าวเดินไปหาธามอย่างช่วยไม่ได้
“ธาม เรารู้ว่าธามโกรธแต่พี่เขาติดธุระจริง ๆ นะ”
อย่างน้อยการอธิบายเหตุผลในขณะที่เดินไปหาธามก็ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ลูกพีชสามารถทำได้
เวลาธามโกรธธามจะดุ และเวลาธามดุเธอก็กลัวจนหัวจะหดเข้าไปในกระดอง
อยากจะเลิกเป็นเพื่อนกับธามมาไม่รู้กี่ครั้งแต่ไม่มีสักครั้งเลยที่ธามจะยอม
“อื้ม ก็มานี่สิมาพูดใกล้ ๆ เธอพูดเบาฉันไม่ได้ยิน”
“อ๊ะ!”
เมื่อลูกพีชเดินเข้ามาใกล้พอที่จะให้ธามคว้าต้นแขนเล็กไว้ได้เขาก็คว้าแขนเธอมาจับไว้ก่อนจะรั้งให้ลูกพีชล้มลงไปนั่งบนตักของตัวเองแบบพอดิบพอดี
ต้นแขนหนาโอบรอบเอวเล็กเอาให้ มันแน่นหนาราวกับคีบเหล็กที่กักขังเธอเอาไว้กับเขาจนดิ้นหนีไปไหนไม่ได้
ยิ่งไออุ่นจากหน้าอกที่กดแนบสนิทลงมากับแผ่นหลังเล็กส่วนนั้นก็ร้อนผ่าวจนร่างบางที่นั่งอยู่บนตักสั่นเทาไปทั้งตัว
“เธอแม่งทำให้ฉันหงุดหงิด”
สุ้มเสียงแหบพร่ากระซิบบอกข้างใบหูเล็กจนลูกพีชขย่นคอหนี ยิ่งใกล้กันมากเธอก็ยิ่งรู้สึกถึงความอันตรายมากขึ้นกว่านั้น
“เราขอโทษ”
“……”
“เราพยายามแล้ว”
นั้นน่ะ ได้โปรดเถอะช่วยมองเห็นถึงความพยายามของเราด้วยนะธาม
เราช่วยเธอเต็มที่สุดความสามารถแล้วจริง ๆ