บทที่ 1 รอคอยชีวิตใหม่

2055 Words
ณ ดินแดนอันแสนกว้างใหญ่มีหลากหลายสิ่งมีชีวิตพืชพันธ์ุนานา ทั้งสัตว์ป่ามากมายล้วนดำรงชีวิตไปตามครรลอง แต่สิ่งหนึ่งที่ยากแท้จะหยั่งถึงคือจิตใจมนุษย์ ดีบ้าง ชั่วบ้าง ปะปน   กระท่อมขนาดกลางตั้งอยู่ติดชายป่าด้านหน้าคือทุ่งนาต้นข้าวเขียวขจีที่กำลังตั้งท้องเตรียมออกรวง หญิงสาววัยประมาณยี่สิบปีต้นๆนั้งลงบนแคร่ไม้ไผ่ทอดสายตามองไปเบื้องหน้าด้วยสายตายากจะคาดเดา ข้างกายมีสาวใช้วัยละอ่อนนั่งอยู่   " คุณหนูเจ้าคะ ไม่คิดจะกลับจวนจริงๆหรือเจ้าคะ นายท่านคงไม่คิดจะทอดทิ้งคุณหนูจริงๆหรอกเจ้าค่ะ " เสี่ยวชิงสาวใช้ข้างกายผู้ภักดีเอ่ยถาม   " เสี่ยวชิงข้ากลับไม่ได้หรอก ข้าแต่งงานออกจากจวนมาแล้ว และตอนข้าแต่งออกมาท่านพ่อก็คัดค้านเพราะสามีข้าเป็นเพียงชาวนาไร้หัวนอนปลายเท้าทำให้ท่านต้องอับอายชาวบ้าน " ซูเหม่ยอิง กล่าวกับสาวใช้ คำว่าแต่งออกจากจวนนั้นแท้จริงแล้ว ตนเองและสามีเพียงจัดพิธีเล็กๆกราบไว้เทวดาฟ้าดินและมีเพียงผืนป่าด้านหน้าที่เป็นสักขีพยานเพียงเท่านั้น   " แต่คุณชายถังเข้าเมืองไปนานแล้วนะเจ้าคะยังไม่กลับเรือนมาเลย " เสี่ยวชิงเอ่ย ด้วยความเป็นห่วงเจ้านาย แต่ไม่ทันได้คิดว่าคำพูดเหล่านั้นจะสะเทือนใจคนฟังมากน้อยเพียงใด   ซูเหม่ยอิงเหม่อมองออกไปยังปลายทางที่สามีเคยใช้เดินทางกลับบ้าน ด้วยใจอยากให้คนที่เฝ้ารอกลับมาเสียที สามีบอกว่ามีธุระสำคัญต้องเข้าเมืองไปสะสางปัญหาเกี่ยวกับญาตพี่น้องของเขาและเมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อยเขาจะรีบมารับตนกลับไปอยู่ด้วยกัน นี่ก็ล่วงเลยมาเกือบเจ็ดเดือนแล้วยังไร้วี่แววที่สามีจะกลับมา   ขณะนี้อายุครรภ์ของตนแปดเดือนกว่าเข้าไปแล้ว ใช่!ตนกำลังตั้งครรภ์โดยที่สามียังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเจ้าก้อนแป้งอยู่ในนี้ เพราะตอนสามีจากไปเพิ่งตั้งครรภ์อ่อนๆยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีเจ้าก้อนแป้งอยู่ในท้อง แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้บอกเขาหรือไม่ ซูเหม่ยอิงได้แต่เก็บซ่อนน้ำตาไว้ในใจไม่ให้ไหลออกมา     " ว่าแต่ท้องของคุณหนูทำไมถึงใหญ่นักละเจ้าคะ หรือว่าเจ้าก้อนแป้งจะกินเก่งจนตัวอ้วนพลี " เสี่ยวชิงเอ่ยเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนมีสีหน้าหม่นลง   " คงเป็นเช่นนั้น แถมยังดิ้นเก่งอีกด้วยนะ " ซูเหม่ยอิงเอ่ยพร้อมกับยิ้มออกมาเมื่อเอ่ยถึงลูกน้อยในครรภ์ของตนเอง   * *   กลางดึกปลายยามจื่อ(23.00-24.59) ซูเหม่ยอิงนอนกระสับกระส่าย ใบหน้าบิดเบี้ยว เหงื่อใหลซึมเต็มกรอบหน้า ยามนี้ท้องของตนมันปวดหน่วงเป็นอย่างมาก ปวดจนแทบจะทานทนไม่ไหว   " สะ.. เสี่ยว..ชิง " ซูเหม่ยอิงกัดฟันเรียกสาวใช้ข้างกาย   เสี่ยวชิงที่กำลังนอนหลับเมื่อได้ยินเสียงเรียกจึงรีบลืมตาตื่นขึ้นมา "คุณหนูเป็นอะไรหรือเจ้าคะ "   " ข้าปวดท้อง ปวดมาก.."   " ห๊า!!.." เสี่ยวชิงร้องเสียงดัง " คุณหนูจะคลอดแล้วหรือเจ้าคะ " เสี่ยวชิงเอ่ยถามเสียงดัง ทั้งตกใจ ทั้งตื่นเต้น ด้วยไม่คาดคิดว่าเจ้านายจะคลอดไวเช่นนี้ ทั้งที่กำหนดยังเหลืออีกตั้งหนึ่งเดือน   " คุณหนูอดทนไว้ก่อนนะเจ้าคะ บ่าวจะให้จิ่นจ้งไปตามท่านหมอมาเดี๋ยวนี้ " เสี่ยวชิงเอ่ยจบก็รีบวิ่งไปหาจิ่นจ้งที่นอนอยู่บนแคร่ไม้ด้านข้างเรือน   จิ่นจ้งคือบ่าวชายวัยยี่สิบของคุณชายถังที่ทิ้งเอาไว้คอยช่วยเหลืองานต่างๆ จิ่นจ้งมีนิสัยเงียบขรึมแต่ขยัน ทำงานหนักได้ไม่ปริปากบ่นสักคำ ซ้ำยังร่างกายแข็งแรงกำยำมากอีกด้วย เสี่ยวชิงเมื่อบอกกล่าวจิ่นจ้งเสร็จเรียบร้อย ก็รีบวิ่งไปดูนายของตนทันที   ไม่ถึงสองเค่อจิ่นจ้งกลับมาพร้อมท่านหมอหญิงวัยกลางคน เสี่ยวชิงยังอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมท่านหมอถึงได้มาถึงเร็วนักทั้งที่ตัวเมืองนั้นอยู่ห่างออกไปหลายสิบลี้ แต่เวลานี้จะมัวมาสงสัยอะไรไม่ได้เธอต้องเข้าไปช่วยท่านหมอและคอยช่วยเป็นกำลังใจให้เจ้านายของตัวเอง   " เบ่งเจ้าค่ะ..เบ่งเเรงๆเลยเจ้าค่ะ " เสียงหมอหญิงเอ่ยบอกให้เบ่งดังลอดออกมาจากกระท่อม   " อื๊อ ...."   " ดีเจ้าค่ะ..ใกล้แล้วเจ้าค่ะ เบ่งอีกเจ้าค่ะ " " อ้าย..กรี้ดดด " เสียงเบ่งสุดท้ายดังลั่น " แว้ๆ..อุแว้ " เสียงเด็กร้องออกมาดังลั่น   " เป็นคุณหนูเจ้าค่ะ " เสียงหมอตำแยเอ่ยพร้อมกับยิ้ม ท่านหมอจัดการล้างตัวเด็กพร้อมกับห่อผ้าแล้วส่งให้ผู้เป็นแม่อุ้ม โดยมีเสี่ยวชิงคอยมองอยู่ไม่ละสายตา   คุณหนูน้อยช่างงดงามตั้งแต่วัยเยาว์เลยหรือนี่   ู " เคร้งๆๆ " เสียงโลหะกระทบกันดังลอดเข้ามาภายในกระท่อม เสี่ยวชิงรีบวิ่งออกมาดูทันที ภาพที่เห็นทำให้เธอเข่าแทบทรุดส่งเสียงร้องออกมา "ว้ายย.."   " เสี่ยวชิงรีบพานายหญิงหนีไปเร็ว หนีไปให้ไกลที่สุดข้าจะคอยสกัดมันไว้ให้ " จิ่งจ้งเอ่ยเสียงดังเรียกสติสาวใช้ของนายหญิง   เสี่ยวชิงได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งกลับเข้าเรือนทันที "มีโจรเจ้าค่ะพวกเราต้องรีบหนี " เสี่ยวชิงรีบเข้าไปพยุงเจ้านายของตนเองให้ลุกขึ้น " คุณหนูเดินไหวหรือไม่เจ้าคะ ท่านหมอช่วยกันพยุงคุณหนูเร็วเข้าชักช้าเดี๋ยวไม่ทัน " คำหลังเสี่ยวชิงเอ่ยกับท่านหมอหญิงวัยกลางคน   หมอหญิงทำท่าร้อนรนด้วยความกลัวตาย แต่ก็ช่วยสาวใช้พยุงร่างบางที่เพิ่งผ่านการคลอดบุตรมา แล้วรีบลงจากเรือนไปทางด้านหลังกระท่อมที่เดินไปอีกไม่ไกลก็จะถึงเขตป่ากว้าง   เสี่ยวชิงมือข้างหนึ่งประคองนายหญิงอีกข้างหนึ่งอุ้มคุณหนูน้อยไว้แน่น พร้อมกับรีบเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นจนกระทั่งเข้าเขตชายป่าจนได้   " เเข็งใจอีกนิดนะเจ้าคะ เดินอีกไม่ไกลจะเข้าเขตป่าทึบแล้วเราคงพอจะหาที่หลบซ่อนตัวได้ " เสี่ยวชิงเอ่ยบอกเจ้านายของตนเอง   " ข้าไม่ไหวเเล้วเสี่ย..เสี่ยวชิง " ซูเหม่ยอิงกัดฟันเอ่ย รู้สึกปวดหน่วงที่ท้องจนแทบจะเดินไม่ไหวจึงทำให้เริ่มเดินช้าลงกว่าเดิม   " โอ้ยย..ขืนพวกเจ้าเดินช้าเช่นนี้คงได้ตายกันหมดแน่ ข้าไม่เอาด้วยแล้วข้ายังไม่อยากตาย " จบคำหมอหญิงก็ละมือที่ประคองร่างบางแล้วรีบเดินหนีหายวับเข้าป่าทึบทันที   " เดี๋ยวก่อนสิท่านหมอ จะทิ้งกันแบบนี้ไม่ได้นะ กลับมาเดี๋ยวนี้.." เสี่ยวชิงร้องตะโกนเรียกหมอหญิง แต่นางก็ไม่แม้จะหันกลับมามอง   ทั้งสองนายบ่าวน้ำตาไหลด้วยความหวาดกลัว แต่เมื่อมองเจ้าก้อนแป้งในมือที่นอนหลับตาพริ้มก็พลันมีแรงฮึดสู้ เสี่ยวชิงรีบประคองเจ้านายเดินเข้าป่าทึบด้านหน้าแม้จะช้าลงกว่าเดิมก็ตาม   เสียงโลหะกระทบกันยังดังขึ้นเรื่อยๆแม้ว่าจะเดินหนีเข้าป่ามาแล้ว บ่งบอกว่าการต่อสู้ใกล้จวนตัวเต็มที   " เสี่ยวชิงเจ้าพาลูกข้าหนีไปก่อน ไม่ต้องห่วงข้า " ซูเหม่ยอิงเอ่ยบอกสาวใช้เพราะคิดว่าตนนั้นเดินต่อไปไม่ไหวขืนรั้งรออยู่มีหวังคนร้ายตามมาทันแน่   " บ่าวไม่ไป ฮือๆ..บ่าวไม่มีวันทิ้งคุณหนู " เสี่ยวชิงร้องไห้โฮพร้อมกับฉุดรั้งนายสาวให้เดินต่อ   " ไม่!!เสี่ยวชิง ฟังข้าเจ้าต้องพาลูกข้าหนีไป ไม่เช่นนั้นลูกข้าอาจได้รับอันตราย " ซูเหม่ยอิงพยายามพูดให้เสี่ยวชิงคิดตาม " เจ้าไม่ต้องห่วงข้า รีบหนีไปให้ไกลแล้วข้าจะหาที่หลบซ่อนแถวนี้ "   " ฮือๆๆ.." เสี่ยวชิงใจหนึ่งก็ห่วงคุณหนูน้อยในอ้อมแขนอีกใจหนึ่งก็ห่วงนายสาวอย่างสุดหัวใจ แต่เมื่อเห็นสายตาแน่วแน่เด็ดเดี่ยวของเจ้านาย เสี่ยวชิงจึงไม่มีทางให้เลือกมากนัก คิดได้เพียงว่าตนเองจะต้องพาคุณหนูน้อยหนีรอดปลอดภัยให้ได้   " คุณหนูต้องระวังตัวด้วยนะเจ้าคะฮือๆ..บ่าวจะรอคุณหนูข้างหน้า คุณหนูต้องตามบ่าวมานะเจ้าคะฮือๆ.." เสี่ยวชิงตัดสินใจก้าวขาไปข้างหน้าแต่ก็ไม่แคล้วหันหลังกลับมามองนายสาวของตน   ซูเหม่ยอิงพยักหน้าเป็นเชิงปลอบใจสาวใช้พร้อมกับส่งยิ้มอ่อนเพื่อให้กำลังใจ เมื่อเห็นเสี่ยวชิงมีสีหน้าดีขึ้นและเดินเข้าป่าทึบค่อยๆกลืนหายไปกับความมืด ร่างบางทรุดลงกับพื้นทันทีด้วยความปวดหน่วงที่ท้องน้อย แต่ก็พยายามกัดฟันทนลุกขึ้นพาร่างกายที่อ่อนเเรงเดินเพื่อหาที่หลบภัย   " นางอยู่นั่น "   เสียงบุรุษดังขึ้นไล่หลัง ซูเหม่ยอิงตกใจสุดขีด แต่ก็ยังกัดฟันเดินอย่างทุลักทุเล ท่อนขามีเลือดไหลออกมาเปรอะเปื้อนอาภรณ์เต็มไปหมด   จิ่นจ้งที่ต่อสู้สุดชีวิตกับเหล่าคนร้ายนับสิบ จนตอนนี้ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลและมีเลือดไหลซึมออกมา แต่ก็ไม่อาจทำให้การต่อสู้หยุดลงได้ เหลือคนร้ายอีกสามคนเท่านั้น   " นายหญิงหนีไป!! " จิ่นจ้งตะโกนไล่หลังเสียงดัง พร้อมกับกระโดดเข้าขวางหน้าคนร้ายทั้งสามเอาไว้ไม่ให้พวกมันไล่ตามนายของตนได้   " ฮึๆ..ไอ้ลูกหมาตัวเองยังเอาตัวไม่รอด " คนร้ายเอ่ยขึ้นอย่างดูแคลน   " ใครกันแน่ที่ไม่รอด!! " พูดจบจิ่นจ้งยกกระบี่ขึ้นฟาดใส่ทั้งสามคนร้ายอย่างดุดัน   จิ่นจ้งและคนร้ายต่อสู้กันเกินหนึ่งเค่อ แม้ตนจะมีเพียงหนึ่งเดียว แต่ก็สามารถเด็ดชีวิตพวกมันไปแล้วสองคน เหลือเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แต่ร่างกายที่เริ่มอ่อนล้าเต็มทนจึงพลาดท่าโดนกระบี่ของคู่ต่อสู้ฟาดลงมากลางลำตัว จิ่นจ้งเข่าทรุดลงกับพื้นดิน แต่ก็ยังยกกระบี่ในมือรับกระบี่ของคู่ต่อสู้ที่ฟาดซ้ำลงมาได้ ไม่รอช้าจิ่นจ้งรีบง้างกระบี่ในมือฟาดใส่กลางลำตัวด้านหน้าของคนร้ายเช่นกัน   " อ้ากกก.." เสียงคนร้ายร้องดังขึ้นและเริ่มบ้าคลั่งเพราะความเจ็บปวด ทันหันกระบี่ใส่จิ่นจ้งอีกครั้ง คราวนี้ไม่พลาดปลายกระบี่จ้วงแทงเข้าที่หน้าท้อง จิ่นจ้งสะดุ้งสุดตัสด้วยความเจ็บปวด แต่จังหวะที่คนร้ายยังฝังปลายกระบี่อยู่ที่ท้องของตน จึงยกกระบี่ในมือฟาดเข้าที่ลำคอของคนร้ายทันที พร้อมกับแรงเฮือกสุดท้ายที่หมดลง   คนร้ายล้มลงสิ้นใจตายทันที...   " นายหญิง..ขะ ข้า..ปกป้อง ทะ ท่าน.เท่านี้.." ดวงตาทั้งสองข้างของจิ่นจ้งปิดลงทันทีหลังจากพูดจบ..   ทางด้านของซูเหม่ยอิง ยามนี้นั่งพิงหลังกับต้นไม้ใหญ่ด้วยความไร้เรี่ยวแรง บัดนี้เธอได้รู้แล้วว่าอาการปวดท้องและมีเลือดไหลออกมานั้นคืออะไร ยังมีเด็กอีกคนอยู่ในท้อง!! แต่ยามนี้เธอช่างไร้เรี่ยวเเรง ไม่มีแม้แรงจะเบ่งลูกน้อยออกมาลืมตาดูโลกได้ ซูเหม่ยอิงน้ำตาไหลพราก ตายคนเดียวยังไม่นึกเสียใจเพราะอย่างน้อยเสี่ยวชิงก็ได้พาบุตรสาวตัวน้อยของเธอหนีไปได้ แต่!!มันไม่ใช่แบบนั้น   " ฮือๆ. .ลูกแม่ แม่ขอโทษที่ไม่อาจทำให้เจ้าเกิดมาลืมตาดูโลกได้ แต่แม่ก็ยังอยากปกป้องเจ้าไปตลอด..จนถึงลมหายใจสุดท้ายของแม่ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนขอให้เราทั้งสามคนรวมทั้งพี่สาวของเจ้าเป็นครอบครัวเดียวกันตลอดไป.." ซูเหม่ยอิงเอ่ยทั้งน้ำตา ด้วยรับรู้ถึงเรี่ยวแรงและสติที่เริ่มเลือนราง เธอเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่ทอแสงนวล " ถ้าสวรรค์มีจริงโปรดช่วยลูกข้าด้วยเถิดแลกกับชีวิตของข้า ข้าก็ยอม " เสียงพูดคล้ายเสียงกระซิบที่ค่อยๆแผ่วลงไปพร้อมกับลมหายใจของซูเหม่ยอิง....
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD