Ep.6: งานประมูล

1494 Words
เอลล่าที่กลับมาถึงคอนโดกำลังจะเข้าห้องน้ำเพื่อไปอาบน้ำให้ผ่อนคลายหลังจากนั่งทำงานมาทั้งวัน แต่เสียงโทรศัพท์ดังขัดขึ้นมาเสียก่อนทำให้ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พอเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอก็ยิ้มหวานแล้วรีบกดรับพร้อมกรอกเสียงหวานไปตามสายทันที “ขา... คุณแม่คนสวย” [เอล ตอนนี้อยู่ไหนแล้วลูก?? ถึงห้องหรือยัง?? แล้วนี่ทานข้าวหรือยัง...] เจ้าเอยยิงคำถามออกมาเป็นชุดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นห่วงจนเอลล่าอดขำออกมาไม่ได้ก่อนจะรีบพูดขัดคำถามของเจ้าเอย “คุณแม่คะ ใจเย็น ๆ หน่อย ถามมาเป็นชุดแบบนี้เอลไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดีเลยค่ะ” [ก็แม่เป็นห่วงเอลนี่ลูก ไม่ค่อยได้เจอกันเลย ถ้าว่าง ๆ กลับมาหาพ่อกับแม่ที่บ้านบ้างนะ คุณพ่อบ่นคิดถึง] น้ำเสียงของเจ้าเอยนุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงและเป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต “ค่ะ คุณแม่ ว่าแต่แม่โทรมามีอะไรเหรอคะ?” [แม่จะโทรมาบอกเรื่องงานประมูลเพชรการกุศลวันเสาร์นี้น่ะลูก] “อ๋อ... เอลเห็นบัตรเชิญแล้วค่ะ ว่าแต่คุณแม่มีอะไรหรือเปล่า??” [พ่อกับแม่อยากให้เอลไปงานนี้ด้วยกัน] เจ้าเอยพูดขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เอลล่าเริ่มลังเล เพราะเธอไม่ชอบออกงานสังคมแบบนี้เลยสักนิดไม่ชอบไปยืนปั้นหน้ายิ้มหวานกับคนที่ไม่รู้จักและไม่ค่อยจริงใจ มีแต่พวกใส่หน้ากากใส่กัน “แต่...” เอลล่ากำลังจะตอบปฏิเสธเพราะไม่ค่อยอยากไปแต่เสียงของเจ้าเอยรีบพูดแทรกขึ้นมาก่อน [ไปเถอะลูก ไปเป็นเพื่อนแม่หน่อย แม่ไปกับพ่อสองคนไม่สนุกเลย ถ้ามีเอลไปด้วยคงจะดีขึ้นเยอะเลย] เจ้าเอยพูดเสียงหวานจนเอลล่าไม่รู้จะปฏิเสธแม่ได้ยังไง เฮ้อ... เอลล่าได้แต่ถอนหายใจออกมา “ก็ได้ค่ะ เอลไปเป็นเพื่อนคุณแม่ก็ได้” [ดีมากลูก แล้วอย่าลืมแต่งตัวสวย ๆ ด้วยนะ งานนี้มีแขกผู้ใหญ่เยอะเลย เดี๋ยวแม่แนะนำให้รู้จัก] เจ้าเอยพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นที่ลูกสาวยอมไปงานกับเธอด้วย “ค่ะแม่ เอลจะแต่งตัวสวย ๆ ไม่ทำให้คุณแม่คนสวยของเอลเสียชื่อเลยค่ะ” เอลล่าตอบกลับด้วยรอยยิ้ม [แค่นี้นะลูก เจอกันวันงาน ว่าแต่เอลจะขับรถไปเองหรือให้แม่กับพ่อไปรับ] “เอลขับรถไปเองดีกว่าค่ะ ...เผื่อจะหนีกลับก่อน” เอลล่าพูดออกแค่เฉพาะประโยคแรกแต่ประโยคหลังเธอพูดแค่ในใจ ถ้างานน่าเบื่อเธออาจจะหนีกลับก่อน เอลล่าวางสายแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอน ครูซนั่งกอดอกมองกายที่ยืนยิ้มหน้าระรื่นไม่พูดไม่จาอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางหงุดหงิด เขาอยากจะด่าคนตรงหน้าเต็มกลืนและอยากจะลุกขึ้นเตะมันออกจากห้องเขาเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำแต่ก็ต้องห้ามใจตัวเองเพราะไม่รู้ว่ากายคงมีเรื่องสำคัญอะไรมาบอกไม่งั้นก็คงไม่เข้าห้องทำงานเขามาหรอก “ไอ้กาย!!!” “ครับ คุณครูซ” “นายจะมายืนมองฉันอยู่แบบนี้ทำไม มีอะไรก็ว่ามา” “ผมว่าปีนี้โบนัสต้องเข้าผมหนัก ๆ แล้วล่ะครับ” กายไม่ตอบคำถามของครูซแต่เขากลับพูดอีกเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันเลยแต่มันกลับสร้างความหงุดหงิดให้ครูซยิ่งกว่าเดิม “อะไรของนาย??” “ก็ผมมีข่าวใหญ่มาบอก” “มีอะไรก็รีบพูด ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนจากโบนัสเป็นไล่ออก!! จบนะ” “โห... คุณครูซ แค่นี้ถึงกับจะไล่ผมออกเลยเหรอครับ ทำไมคุณครูซผู้ใจดีของผมกลายเป็นคนใจร้ายไปได้” กายอดไม่ได้ที่บ่นครูซออกมา ก็ตั้งแต่ครูซเริ่มสนใจสาวอารมณ์ก็แปรปรวนหงุดหงิดง่าย ขี้โมโห เหมือนคนวัยทองประจำเดือนมาไม่ปกติ แต่พอโดนครูซตวัดสายตาดุดันมองมาก็ยอมเปิดปากบอกออกมาทันที “ยัง!!” “โอเคครับ ผมยอมแล้ว คือผมได้ข่าวมาว่าคุณเอลล่าจะไปงานประมูลเพชรการกุศลคืนวันเสาร์นี้ครับ” “งานประมูลเพชรการกุศลงั้นเหรอ...” ครูซพูดพึมพำออกมาเบา ๆ กดยิ้มมุมปากอย่างชอบใจหลังได้ยินชื่อของเอลล่าจากปากของกายกับดวงตาที่เปล่งประกายขึ้นมาทันที ตอนแรกเขาไม่คิดจะไปหรอกงานประมูลเพชรอะไรนั่นเพราะไม่คิดและไม่สนใจเรื่องเพชร ๆ พลอยๆ เหมือนสาว ๆ แต่เห็นทีว่างานนี้เขาคงต้องไปประมูลเพชรเล่น ๆ สักชิ้นสองชิ้นแล้วละ “นายแน่ใจนะว่าเธอจะไป” ครูซถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าข้อมูลที่กายได้มาถูกต้อง เขากำลังคิดคำนวณแผนการอยู่ในใจก็ต้องเงยหน้ามองเมื่อเสียงของคนกวนอารมณ์อย่างกายพูดขึ้น “ครับ ผมมาบอกข่าวแล้วที่เหลือคุณครูซก็จัดการเอาเองนะครับ ผมขอตัวไปทำงานก่อน” “เชิญ!!” วันงานประมูล ครูซเดินเข้ามาในงานพร้อมกับกาย ครูซสวมสูทสีดำท่าทางสุขุมและดูทรงพลัง ทำให้ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เขาโดยเฉพาะสาว ๆ ต่างพากันจ้องเขาเหมือนอยากจะกลืนกินเขาเข้าไป บางส่วนอยากเดินเข้ามาทักทายทำความรู้จัก แต่พวกเธอกับไม่สามารถเรียกความสนใจของครูซให้หันไปมองได้เลยเพราะสายตาของเขามองหาเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น เอลล่า เอลล่าสวมชุดราตรีสีน้ำเงินที่ผ่านการตัดเย็บอย่างประณีต เธอดูสวย ดูสง่างามและโดดเด่นท่ามกลางแขกที่มาร่วมงาน ครูซมองเธออย่างไม่วางตารอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก เขารู้ดีว่าวันนี้คือโอกาสที่เขาจะได้เข้าใกล้เธอมากขึ้นกว่าครั้งก่อน เพียงแค่รอเวลาและจังหวะเท่านั้น เอลล่าและพ่อกับแม่ของเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะสำหรับแขกคนสำคัญของงานซึ่งโต๊ะที่เธอนั่งไม่ห่างจากโต๊ะของครูซมากนัก ครูซหันมามองทางเอลล่าทำให้ทั้งสองสายตาประสานกันและกัน ดวงตาคมคู่นั้นทำให้เอลล่ารู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างจนหัวใจของเธอเริ่มสั่นไหวและเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง เธอพยายามละสายตาไปทางอื่นแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะเหมือนถูกสะกดด้วยสายตาคมคู่นั้น "เอล ดูสร้อยเส้นนั้นสิลูก เหมาะกับเอลมากเลย" เสียงของเจ้าเอยเรียกเอลล่าดังขึ้นทำให้เอลล่าหลุดจากภวังค์หันกลับมาสนใจยิ้มหวานให้เจ้าเอย “คะ?? คุณแม่ว่าอะไรนะคะ” “แม่บอกว่าสร้อยเส้นนั้นเหมาะกับลูก นี่อย่าบอกนะว่าไม่ได้ฟังที่แม่พูดเลย” เจ้าเอยมองหน้าเอลล่าด้วยสายตาสงสัย “สวยค่ะ แต่เอลไม่ชอบ” “งั้นเหรอ??” “ค่ะ คุณแม่ เอลขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ” “จ้ะ” หลังจากที่เจ้าเอยพยักหน้ารับรู้ เอลล่าก็ลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างรวดเร็ว เธอเดินออกจากบริเวณงานทันที เมื่อพ้นออกมาเอลล่าถอนหายใจยาวสลับกับสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดราวกับพยายามปลดปล่อยความกดดันออกมา เธอเดินตรงไปยังสวนของโรงแรมแทนที่จะไปห้องน้ำอย่างที่บอกกับเจ้าเอยไว้ ความจริงแล้วเธอแค่อยากมีเวลาเพื่อตั้งสติ เพราะสายตาของครูซที่จ้องมองมาทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลย แต่ในจังหวะนั้นเองเสียงฝีเท้าคนดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เอลล่าหันไปมองช้า ๆ และก็พบว่าเป็นครูซที่กำลังเดินตรงเข้ามายังจุดที่เธอยืนอยู่ “คุณเอลล่าครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มของครูซเรียกชื่อเธอทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง เอลล่าพยายามฝืนยิ้มให้เขาทั้งที่รู้สึกเลยว่ารอยยิ้มนั้นไม่เป็นธรรมชาติเลยสักนิด “คุณครูซ!!!” เอลล่าเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าเขาจะเดินตามเธอออกมาจากงาน ทั้งที่เธอหนีออกมาเพราะไม่อยากเจอเขาแต่เขากลับตามเธอมาจนได้ ตอนนี้จะทำอย่างไรดีละ เอลล่าเอ๊ย"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD