“มะ หมายความว่าไงคะ” ใจดวงน้อยยังเต้นผิดจังหวะ อย่าบอกนะว่าจีบ... ไม่หรอกกกก!
พี่เดย์เหมือนสะดุดไปพักนึง รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าหล่อเหลาในชั่ววินาที ก่อนจะบอกด้วยสีหน้าจริงจัง “จำคืนที่น้องไปเอาเสื้อตอนเกือบสี่ทุ่มได้มั้ย เด็กผู้หญิงไปไหนคนเดียวไม่ปลอดภัยครับ ถ้าน้องต้องกลับคนเดียวมืดๆ ค่ำๆ บอกพี่ได้... ถึงเราไม่ได้เรียนคณะเดียวกันแต่ก็ถือว่าอยู่ ม.เดียวกัน พี่ไม่อยากให้รุ่นน้องที่รู้จักตกอยู่ในอันตราย” เหตุผลที่หลุดออกจากริมฝีปากได้รูปทำให้ฉันอบอุ่นใจจนเผลอยิ้มในความใจดีของพี่เค้า สรุปพี่เดย์ไม่ได้จีบฉันค่ะ
คิดไปเองฝ่ายเดียวอีกละฝันหวาน... เป็นตุเป็นตะอีกแล้วนะเธอนี่!
“ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงรุ่นน้องร่วมสถาบันอย่างหนู แอบสารภาพนิดนึง ตั้งแต่คืนนั้นหนูไม่กล้าลงจากหอตอนดึกคนเดียวอีกเลย ยิ่งพีชมารู้ทีหลังว่าเกิดเรื่องก็บ่นเป็นห่วงไม่หยุด ถ้าต้องลงมาข้างล่าง... พีชจะมาด้วยตลอด” ฉันบอกพลางยิ้มแหย
ยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ติดตา ถ้าไม่ได้พี่เดย์ก็ไม่รู้จะหลุดมาได้ไง ปฏิเสธคนสติสัมปชัญญะเต็มร้อยยังพอรู้เรื่องบ้าง แต่กับคนเมานี่พูดไม่รู้ฟังอ่ะ
“ดีแล้วครับ” พี่เดย์พยักหน้าเห็นด้วย “มีเพื่อนดีกว่าอยู่คนเดียว”
“หนูก็ว่างั้นแหละค่ะ มีพีชอยู่ด้วยอุ่นใจมาก ไม่ได้ตัวคนเดียวในเมื่องที่ไม่คุ้น กินข้าวก็มีเพื่อนนั่งกินด้วย ไปไหนก็ไปด้วยกัน เวลานอยด์ก็มีเพื่อนคอยรับฟัง ให้กำลังใจกันและกันเมื่อต่างฝ่ายต่างคิดถึงบ้าน อุ๊ย! หนูเผลอพูดไร้สาระออกไป พี่เดย์คงไม่รำคาญใช่มั้ย” ฉันตาโตถามอย่างนึกได้เมื่อเผลอพล่ามให้พี่เค้าฟังเยอะเลย เอาตามตรงฉันไม่ใช่ประเภทที่เอาเรื่องส่วนตัวไปบ่นให้ใครฟังนะถ้าไม่สนิทจริงๆ ... แต่ทำไมกับพี่เดย์ถึงกล้าล่ะ?
หรือเพราะพี่เค้ายื่นมือเข้ามาช่วยตลอดนะ... ฉันถึงสนิทใจจนกล้าพูดให้ฟัง
“ไม่รำคาญครับ ดีซะอีกพี่จะได้รู้ว่าน้องคิดยังไง”
ฉันรู้สึก ‘เอ๊ะ’ ในใจเบาๆ ในคำพูดของพี่เดย์
ฟิ้ว! เฮ้ย! อีกแล้วเหรอ! ลมแรงๆ พัดมาทำให้ฉันลืมทุกเรื่องในชั่วพริบตา พยายามทรงตัวอย่างสุดกำลังแต่ดันเซไปด้านหลังจนได้
พรึ่บ! พี่เดย์รีบมายืนด้านหน้า ใช้ร่างสูงใหญ่ของพี่เค้าเป็นที่กำบังให้เด็กเตี้ยคนนี้ในชั่ววินาที
“ขอบคุณค่ะ” ฉันบอกพลางจับเสื้อช็อปคณะวิศวะที่เดย์นำมามัดเอว ถ้าไม่ได้สิ่งนี้ มีหวังกางเกงในของฉันคงเปิดโชว์หราไปละ!
“อยู่หลังพี่เอาไว้ครับจะได้ไม่ล้ม” พี่เดย์หันมาส่งยิ้มมุมปากให้กัน ก่อนจะหันไปเดินต่อโดยมีฉันเร่งฝีเท้าตามไปติดๆ ถ้าไม่ได้กำบังในร่างมนุษย์ของพี่เดย์วันนี้ไม่ต้องไปไหนกันละ จะล้มๆ เพราะลมโคตรแรงตั้งหลายรอบ เป็นมนุษย์ฉบับกระเป๋าแถมผอมบางก็อยู่ยากเหมือนกันนะคะ!
ฉันเดินตามพี่เดย์จนออกประตูมหาลัยมาถึงข้างถนน ในที่สุดลมที่พัดบ้าบอคอแตกก็เริ่มสงบ เฮ้อ!
เราสองคนยืนรอข้ามถนนตรงทางม้าลายพร้อมนักศึกษากลุ่มใหญ่แถมสายตาของสาวๆ กำลังมองมาทางนี้อย่างเปิดเผย หนำซ้ำบางคนยังซุบซิบจนฉันต้องทำเป็นก้มหน้าหลบ... หวังว่าคงไม่โดนหมั่นไส้เอานะ ฮือ!
“แกร๊! นั่นแฟนใหม่ของเดย์เหรอ”
“ไม่ใช่แฟนม้าง ดูแล้วไม่ใช่ไทป์เดย์เลย น้องคนนี้น่ารักมากก็จริงแต่ดูเด็ก ดูใสมาก อย่างเดย์ต้องสวยสะบัดเหมือนที่ผ่านมารึเปล่า”
อืม! พี่เดย์ชอบผู้หญิงสวยสินะ ไม่แปลกหรอก ผู้ชายส่วนใหญ่ต่างก็ชอบผู้หญิงสวยกันทั้งนั้น
เอ๊ะ! แล้วฉันจะสนใจเรื่องผู้หญิงของพี่เดย์ทำไมกันเนี่ย... งงตัวเอง
“งั้นถ้าไม่ใช่แฟน ทำไมยืนข้างกันแถมยังมีเสื้อช็อปมัดเอวขนาดนั้น” เสียงซุบซิบทำให้ฉันกลับมามีสติอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องเกิดอาการใจเต้นผิดจังหวะเมื่อคนทื่นข้างกันทำเรื่องช็อคโลกเข้าให้
“แฟนครับ เนี่ยะสเป็คเลย” พี่เดย์หันไปอธิบายให้สาวๆ กลุ่มใหญ่หน้าตาเฉย
“กรี๊ด! แฟนใหม่จริงด้วยแก๊”
“แถมยังบอกสเป็คด้วย ช้านจะเป็นลม” เสียงกรีดร้องของสาวๆ ทำเอาฉันหน้าร้อนวูบวาบด้วยความเขิน เผลอเม้มปากแน่นสนิท มือเท้าเย็นไปหมด
“เนอะ” แต่พอพี่เดย์แอบขยิบตาให้ก็สำนึกได้ว่านี่คือบทบาทสมมุติ แต่ถึงงั้นใจไม่รักดีก็ยังเต้นแรง หน้าร้อนผ่าวอยู่อย่างนั้น...
ยั้งได้ละฝันหวาน ปี้เดย์เขาบ่ได้กึดหยังกับตั๋วเน้อ หยุดมโนก๊อนนน!
“เฮ้ย! / ว้าย!” เสียงตื่นตกใจของนักศึกษาที่รอข้ามถนนดังไปทั่วบริเวณทำให้ฉันเหรอหราในชั่ววินาที เค้ามีอะไรกันเหรอ?
ปิ๊นนน!
ไม่ถึง 1 วินาทีฉันก็ได้คำตอบ เสียงแตรจากรถหลายคันที่ดังในเวลาไล่เลี่ยกันทำให้ฉันมองถนนตามสัญชาติญาณ
เฮ้ย! มีน้องหมาสีขาวขนปุกปุยกำลังพะว้าพะวังเดินไปหน้ามาหน้าหลังอยู่อย่างนั้น ท่าทางของน้องตื่นกลัวมาก เห็นได้จากตัวที่กำลังสั่น... ทำไงดีล่ะ!
ปิ๊น! ปิ๊น! ปิ๊น! รถคันหน้าสุดที่เร่งเครื่องมาด้วยความเต็มสูบทั้งที่ที่นี่เป็นเขตสถานศึกษาแถมยังบีบแตรดังสนั่นทำให้เจ้าหมาน้อยกระเจิงยิ่งกว่าเดิม
“เชี่ย! / อ๊าย!” ผู้คนแถวนี้รวมถึงฉันร้องอย่างใจเสีย เจ้าหมาน้อยต้องไม่รอดแน่เพราะอีรถบ้านั่นพุ่งมาเร็วมากราวกับถนนแห่งนี้เป็นสนามแข่งก็ไม่ปาน
“ไอ้สัส จะรีบไปตายที่ไหนวะ!” พี่เดย์สบถด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ
เพียงพริบตาเดียวฉันรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของร่างสูงที่ยืนข้างกัน แล้วก็เห็นพี่เดย์หันซ้ายแลขวาเพื่อดูรถ ก่อนจะวิ่งเข้าไปกลางถนนด้วยสายตาที่มุ่งมั่นท่ามกลางสายตาตกตะลึงของผู้คน
มือซ้ายของพี่เดย์ถือชีทและหนังสือของฉันไว้ ส่วนมือขวารีบช้อนตัวน้องหมาตัวเล็กขึ้นแนบอก
“อ๊าย! / เชี่ย!”
ฟิ้ว! ผู้คนต่างกรีดร้องอย่างลุ้นระทึก ฉันถึงขั้นหยีตาด้วยความกลัวเพราะรถคันที่พุ่งมาเต็มสูบเฉียดร่างสูงของพี่เดย์ไปแค่นิดเดียว... นิดเดียวจริงๆ
โชคดีที่อีกฟากของถนนไม่มีรถขับผ่าน พี่เดย์เลยอุ้มน้องหมาวิ่งไปยังอีกฝั่งอย่างปลอดภัย
“เฮ้อ!” นักศึกษาที่รอข้ามถนนทั้งสองฟากรวมถึงฉันพากันหายใจอย่างโล่งอก ส่วนเจ้าของรถมารยาททรามก็ได้รับคำสาปแช่งและเสียงกร่นด่าจากนักศึกษาที่อยู่แถวนี้ไปเต็มๆ
ฉันมองพี่เดย์ที่กำลังปลอบน้องหมาในอ้อมกอดอยู่อีกฟากของถนนอย่างตระหนกไม่หาย ในหูได้ยินเสียงแซ่ซ้องในความดีและมีน้ำใจของพี่เดย์ไม่หยุด ผู้ชายอะไรโคตรฮีโร่ ช่วยชีวิตน้องหมาที่กำลังจะโดนรถเหยียบโดยไม่ห่วงชีวิตตัวเอง วินาทีนี้ฉันสำนึกได้ว่าพี่เค้าเกิดมาเพื่อเป็นฮีโร่ของแท้เลย
พอไฟเขียวให้สัญญาณข้ามถนนได้ ฉันรีบวิ่งมาหาพี่เดย์อย่างไม่รอช้า
“พี่เดย์โอเคนะคะ หนูกลัวแทบแย่ รถคันนั้นเฉียดพี่ไปนิดเดียวเอง” ฉันถามเสียงสั่น
พี่เดย์ส่งยิ้มหวานมาให้กัน ทั้งที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ระทึกมาหมาดๆ แถมใบหน้าหล่อเหลายังมีเหงื่อผุดตามกรอบหน้า แต่ร่างสูงยังคงยิ้มได้ ถ้าเป็นฉันอาจเป็นลมล้มตึง แข้งขาอ่อนไปแล้วเถอะ...
คนธรรมดากับฮีโร่โดยสายเลือดต่างกันจริงๆ สินะ