เราจะไม่ให้ใครทำร้ายน้องได้อีก

1979 Words
“ไอ้กัสมันไปไหนวะ” ไอ้เจมส์ที่เพิ่งวางสายจากเด็กใหม่คนล่าสุดย่นคิ้วเมื่อไม่เห็นไอ้กัสอยู่แถวนี้ “มันจะไปไหนได้ น้องรหัสส่งไลน์มาแม่งว๊าบละ” ไอ้เทมส์พูดแค่นี้เป็นอันรู้กัน ภารกิจสำคัญของไอ้กัสช่วงนี้คือตามง้อลิลลี่ แค่มันรู้ว่าลิลลี่อยู่ไหนก็โผล่ไปที่นั่น... เช้าง้อ เย็นง้อ มีเวลาว่างง้อ มันทำโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ไม่แม้แต่แสดงอาการท้อให้เห็นแม้ลิลลี่จะเดินหนีและเงียบใส่ ก็อย่างว่ามันรักลิลลี่มากแถมรักมานานโดยไม่รู้ตัว ให้ง้อขนาดไหนมันก็ทำได้ พวกผมสามคนได้แต่เอาใจช่วยหวังว่ามันจะทำสำเร็จ อยากเห็นเพื่อนทั้งสองคนเข้าใจกันสักที “เออ! กูลืมบอกมึงเลย เรื่องคดีเรียบร้อยละ ไอ้พวกเลวไม่รอดคุกแน่” ไอ้เจมส์บอกอย่างนึกได้ คดีที่ว่าก็เรื่องขโมยเด็กในห้างนั่นล่ะครับ พ่อไอ้เจมส์มีตำแหน่งใหญ่โตทางกรมตำรวจเลยช่วยเคลียร์ ผมกับน้องฝันหวานเลยไม่จำเป็นต้องไปให้ปากคำในฐานะพยานอีกแล้ว “ขอบใจมึงมาก” ผมบอกมันเสียงจริงจังแต่ไอ้เจมส์ดันแย้งซะงั้น “ขอบใจกูทำไม มึงต้องขอบใจตัวเองถึงจะถูก มึงจับพวกมันได้ถือเป็นการช่วยเหลือเด็กและครอบครัวอีกเยอะ แถมช่วย เหลือสังคมด้วย” “มึงก็พูดซะกูเป็นฮีโร่เลย” ผมว่าอย่างขำๆ ทำเอาไอ้สองคนนี้บิดยิ้มขำไม่ต่างกัน “อ้าว! พวกมึงสามคนยังไม่ไปลานเกียร์อีก ใกล้ถึงเวลาแล้วนะเว้ย” เสียงตะโกนจากเพื่อนในคณะแต่คนละภาควิชาทำให้พวกผมพยักหน้า เดินไปพร้อมพวกมันที่รับหน้าที่พี่ว้ากเหมือน กัน พอถึงลานเกียร์ผมกวาดสายตาหาใครบางคน แล้วก็เจอน้องฝันหวานนั่งอยู่ในแถว ใบหน้าหวานเจี๊ยบของน้องดูซึมกว่าปกติ ไม่สดใสเหมือนอย่างเคย... มีเรื่องอะไรรึเปล่าวะ? “ไอ้เดย์” เสียงเรียกทำให้ผมละสายตาจากน้องฝันหวานหันมองไอ้กัสที่ยืนหน้านิ่งใกล้กัน มันกลับมาทำหน้าที่ได้ตรงเวลาเหมือนเดิม แต่ถ้าให้เดา... ท่าทางลิลลี่ยังไม่คุยด้วย ไม่งั้นมันคงมีรอยยิ้มให้เห็นบ้าง “ว่า” ผมเลิกคิ้วใส่ มันพยักหน้าแล้วเดินออกลานเกียร์ ผมเดินตามอย่างรู้กัน พออยู่สองคนมันก็พูดเสียงเบาแต่แฝงด้วยความจริงจัง “น้องฝันหวานโดนบูลลี่” “เชี่ย!” ผมสะดุดอย่างตกใจจนเผลอสบถออกมา รีบซักเพื่อนสนิททันที “มึงรู้ได้ไง แล้วใครมันบูลลี่น้อง!” “น่าจะเด็กนิเทศปีเดียวกับเรา กูไปถึงเจอลิลลี่กำลังช่วยแก้ตัวแทนน้องอยู่ ดูท่าทางน้องคงโดนหนักเอาการ ยืนหน้าสลดถึงขั้นน้องลูกพีชจับมือไว้” แม่ง! เด็กร่าเริงสดใสอย่างน้องทำไมต้องมาเจอเรื่องพวกนี้ด้วยวะ! นี่มันเรื่องบ้าอะไร! “แล้วมึงพอรู้มั้ยน้องโดนเรื่องไร” ผมถามไอ้กัสพลางหันไปมองน้องฝันหวานที่ยังคงนั่งหน้าซึมไม่เปลี่ยน จากที่ได้สัมผัสกันมา ผมรู้ดีว่าน้องไม่ใช่สายไฟท์ ตรงข้ามน้องเป็นเด็กอ่อนโยน มองโลกในแง่ดีและบอบบางพอสมควร “กูคิดว่าน่าจะเรื่องมึงเพราะได้ยินลิลลี่พูดชื่อมึงออกมา” คำบอกเล่าของไอ้กัสทำเอาผมชาไปทั้งตัว หันขวับมามองหน้าเพื่อนสนิททันที “มึงพูดจริง?” ผมถามอย่างซีเรียส “อือ กูไม่รู้รายละเอียดมากนัก อย่างที่บอกพอไปถึงก็เจอลิลลี่ปกป้องน้องแล้ว ถ้ามึงอยากรู้มากกว่านี้ต้องไปถามลิลลี่เอาเอง” มันบอกเสียงเรียบ ยื่นมือมาตบไหล่กันอย่างให้กำลังใจก่อนจะเดินเข้าลานเกียร์เพื่อทำหน้าที่พี่ว้าก ผมพ่นลมหายใจด้วยความไม่ชอบใจ หงุดหงิดตัวเองไปหมด กี่ครั้งแล้วที่น้องต้องมาเจอเรื่องแย่ๆ เพราะผมเป็นต้นเหตุ เด็กจิตใจดีมีชีวิตชีวา ไม่เคยคิดร้ายกับใครอย่างน้องไม่สมควรได้รับสิ่งเลวร้ายมาสร้างบาดแผลในใจ ในเมื่อผมเป็นต้นเหตุ ผมจะแก้ปัญหาทั้งหมดด้วยวิธีของผมเอง! ผมเดินจากลานเกียร์จนมาถึงแถวสนามฟุตบอลคณะ ล้วงมือถือต่อสายหาลิลลี่ทันทีเมื่อออกห่างจากผู้คน “ว่าไงเดย์” รอสายไม่นานลิลลี่ก็ทักทายมา “ว่างมั้ยลิลลี่ เรามีเรื่องถามนิดหน่อย” ผมบอกลิลลี่ไปตามตรง ไม่อ้อมค้อมอะไรทั้งนั้น “ว่างสิ ว่าแต่ทำไมเสียงเครียดขนาดนี้ล่ะ เดย์โอเคใช่มั้ย” ลิลลี่ถามกันด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงทำเอาผมยิ้มในความอ่อนโยนของผู้หญิงที่ไอ้กัสยกใจให้ ถ้าไอ้กัสปล่อยลิลลี่ไป บอกเลยมันว่าควายเต็มทน “ก็ไม่โอเคเท่าไหร่ เรามีเรื่องอยาก...” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ ลิลลี่ก็แทรกขึ้นมาก่อน “ถ้ารู้สึกไม่ค่อยโอเคเจอกันได้นะ แม้เราจะช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่ถ้าได้ระบายกับใครสักคนน่าจะดีขึ้น” ดีเหมือนกัน เจอลิลลี่นอกจากจะได้ถามเรื่องน้องฝันหวานแล้ว ผมยังมีโอกาสช่วยหว่านล้อมให้อีกฝ่ายยอมยกโทษให้ไอ้กัสได้บ้าง “เราเจอกันได้แน่นะ ลิลลี่ไม่อึดอัดใช่มั้ย” ผมทำเป็นถามไปงั้นแหละ ตั้งแต่ลิลลี่โกรธไอ้กัสจนไม่มองหน้า เวลาพวกผมสี่คนบังเอิญเจออีกฝ่ายพร้อมกัน... ลิลลี่ก็รีบหันหลังเดินหนีก่อนเลย “ได้สิ แต่อย่าบอกเพื่อนของเดย์ละกัน เราไม่อยากเจอคนนั้นเท่าไหร่” คำว่าคนนั้นของลิลลี่ทำเอาผมหัวเราะ ถ้าไอ้กัสรู้ว่าลิลลี่เรียกมันว่าคนนั้นจะเป็นไงวะ? จากเพื่อนสนิทกลายมาเป็นแฟน แต่ตอนนี้เป็นได้แค่คนนั้น แม่งสงสารก็สงสาร ขำก็ขำ “ได้ๆ เราไม่บอกหรอก ว่าแต่ตอนนี้ลิลลี่อยู่ไหนเดี๋ยวเราไปหา” “เราอยู่ที่ห้องสมุดกลางกับพวกเรนนี่น่ะ” “โอเค เดี๋ยวเจอกันแถวหน้าห้องสมุด ไม่เกินห้านาทีครับ” หลังจากวางสายจากลิลลี่ ผมก็ไลน์เข้ากลุ่มเพื่อนสนิทบอกว่าขอไปทำธุระพักนึง เดี๋ยวกลับมา จากนั้นก็เดินไปที่รถแล้วขับมายังห้องสมุดกลาง มาถึงเจอลิลลี่กำลังลงจากหน้าตึกพอดี เราสองคนเลยหาที่ร่มนั่งคุยกัน “เดย์มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอ” ลิลลี่เข้าเรื่องก่อนซึ่งเป็นอะไรที่ดีมาก ไม่ต้องเสียเวลาอ้อมโลกให้เปลืองน้ำลาย “เราอยากถามเรื่องน้องฝันหวาน น้องโดนบูลลี่เพราะเราใช่มั้ย” ผมตอบไปตามตรงทำเอาลิลลี่คลี่ยิ้มบางเบา “ไม่สบายใจเรื่องนี้เอง แสดงว่าน้องคนนี้คือตัวจริงสินะ” “เรายังไม่ได้จีบน้องเลย ยังไม่กล้าใช้คำว่าตัวจริงหรอก” “อ้าว! แล้วที่ลงในไอจี รวมถึงประกาศลั่นลานเกียร์นั่นล่ะ” ลิลลี่เอียงคอด้วยสีหน้าสงสัยแต่ทำเอาผมเบิกตานิดหน่อย “รู้เรื่องพวกนี้ด้วย” “โธ่! ต้องรู้สิ” ลิลลี่ยิ้มขำแถมยังแซวกันหน้าตาเฉย “หนุ่มหล่อรอยยิ้มโลกละลายคณะวิศวะเพิ่งจีบสาวใน ม. คนแรกจะไม่รู้ได้ไง เรื่องออกจะดังยิ่งกว่าจุดพลุ ว่าแต่ยังไม่ได้จีบคือไร นี่งงนะ” “เราก็อยากจีบน้อง อยากเดินหน้ามากกว่าชนๆ ถอยๆ แบบที่ทำอยู่ แต่ถ้าจีบตรงๆ ก็กลัวน้องจะหลบหน้าเพราะเท่าที่สืบมา น้องยังไม่เคยมีแฟน ใครเข้าหาน้องก็วิ่งหนีตลอด เราไม่อยากให้น้องถอยห่างเลยต้องทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่ดี ถ้าน้องไว้ใจกันมากขึ้นเมื่อไหร่ เราจีบแน่ ส่วนเรื่องไอจีกับลานเกียร์ก็กันท่าไอ้พวกที่ชอบมายุ่งกับน้องนั่นล่ะ” ผมบอกลิลลี่โดยไม่ปิดบัง ถ้าคนตรงหน้าใจอ่อนยอมคืนดีกับไอ้กัสเมื่อไหร่ก็รู้เรื่องนี้อยู่ดี เพราะงั้นบอกตอนนี้ก็ใช่ว่าเรื่องใหญ่อะไร “ประกาศอ้อมๆ ว่าน้องเป็นแฟนเดย์ว่างั้น” ลิลลี่พยักหน้าอย่างเข้าใจในสถานการณ์ “อือ” ผมยักคิ้วยอมรับ ก่อนจะเข้าเรื่องที่ติดอยู่ในใจ “ว่าแต่เรื่องที่น้องโดนบูลลี่” “ถ้าเป็นเรื่องนั้นก็มาจากเด็กนิเทศปี 2 พวกนั้นหาว่าน้องไม่ใสเหมือนหน้าตา อ่อยเดย์เบอร์แรงจนได้มาครอง” ลิลลี่บอกเสียงเบาด้วยสีหน้าไม่สบายใจ ปัง! ผมใช้มือตบโต๊ะเต็มแรงเพื่อระบายอารมณ์ฉุนเฉียวที่อัดแน่นในอก เลือดในตัวเดือดพล่าน โกรธแทนน้องจนอยากจัดการเดี๋ยวนี้ตอนนี้ให้มันจบๆ ... เรื่องบัดซบพวกนี้จะได้ไม่เกิด ขึ้นอีก “ใจเย็นสิเดย์” ลิลลี่เหลียวซ้ายแลขวามองรอบข้าง แต่อารมณ์นี้ผมไม่สนใครทั้งนั้น ใครอยากมองก็มองไป ยิ่งคิดถึงหน้าน้องตอนนั่งในลานเกียร์ก็ยิ่งสงสาร เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คน นึงทำไมต้องมาเจอเรื่องแย่ไม่จบไม่สิ้น เพราะผม... เป็นเพราะผมคนเดียว “ทำไมต้องพูดกันขนาดนั้นด้วยวะ! น้องจะเจ็บปวดขนาดไหน เพราะเราแท้ๆ เราเป็นต้นเหตุทำให้น้องโดนสาดโคลนใส่ ใจน้องจะพังไปถึงไหนแล้ว” “ไม่ใช่สักหน่อย” ลิลลี่โพล่งอย่างไม่เห็นด้วย ส่ายหน้าไปมาอยู่อย่างนั้น “ทำไมจะไม่ใช่ เป็นเพราะเราคิดน้อยไปเรื่องไอจี เรื่องที่ลานเกียร์...” “ไม่ใช่เพราะเดย์เป็นต้นเหตุหรอก” ลิลลี่แทรกขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง “ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะความอิจฉาของพวกนั้นต่าง หาก ต่อให้ไม่มีเรื่องในไอจีหรือลานเกียร์ คนไม่ชอบก็คือก็ต้องหาเรื่องกระแนะกระแหนน้องอยู่ดี โลกของผู้หญิงก็น่ากลัวแบบนี้แหละ ไหนจะนินทาลับหลังโน่นนี่นั่นเยอะแยะไปหมด คิดแล้วยังสยองไม่หาย” ว่าแล้วก็ทำท่าขนลุกขนพองแถมเอามือลูบแขนจนผมที่หน้าเคร่งมาตลอดเริ่มผ่อนคลาย “ขอบคุณนะที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น” “ไม่ได้สิ ก็เดย์เป็นเพื่อนเรา เราจะปล่อยให้เพื่อนเครียดได้ไง” ว่าแล้วลิลลี่ก็ยิ้มกว้างให้กันจนผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มคืนและแหย่คนตรงหน้าเล่นบ้าง “ไม่ปล่อยให้เพื่อนเครียด แต่คนนั้นเครียดตายช่างมันว่างั้น ไม่สงสารมันบ้างเหรอ มันรัก...” “พอเหอะ เราไม่อยากฟัง” ลิลลี่ค้านสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง ผมรู้เลยว่าถ้าพูดต่อคงไม่มีโอกาสมานั่งคุยกันแบบนี้อีก เลยเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องแทน “โอเค ไม่พูดก็ไม่พูด ยังไงเราขอบคุณลิลลี่มากที่ช่วยออกรับแทนน้อง” “เรายินดีและเต็มใจน่า ว่าแต่เดย์จะเอาไงต่อ” “เราจะไม่ให้ใครมาทำร้ายจิตใจน้องได้อีก” ผมบอกเสียงหนักแน่น ในใจเริ่มคิดแผนว่าจะทำไง ผมจะทำให้เด็กร่าเริงสดใสอย่างน้องฝันหวานหลุดพ้นจากเรื่องบัดซบพวกนี้ทั้งหมด ผมต้องทำให้ได้! ตอนหน้าเป็นต้นไป เราจะได้เห็นพี่เดย์ในโหมดจีบแบบจริงจัง จีบแบบคนคลั่งรักกันแล้ว ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ ขอบคุณจากใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD