เที่ยงนี้ไปทานข้าวด้วยกันมั้ยครับ

2332 Words
“น้องฝันหวาน!” เสียงเรียกทำให้ฉันกับพีชที่กำลังเดินผ่านประตูกระจกบริเวณหน้าลิฟท์หันขวับไปมอง เห็นเป็นร่างสูงของพี่เดย์ในชุดนักศึกษารีบลุกขึ้นจากโซฟาด้วยสีหน้าโล่งอก พอเห็นหน้าหล่อโลกละลายของคนที่เรียกกัน เหตุการณ์ในร้านอาหารเมื่อวานเย็นก็ว๊าบเข้ามาในหัว... พี่เดย์รู้สึกผิดที่ทำให้ฉันโดนด่า ทั้งยังพยายามรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เพราะพีชนั่นและที่พูดว่า “จีบแบบไม่ให้รู้ว่าจีบ” ฉันเลยไม่รู้จะปั้นหน้าไงเมื่อเจอพี่เค้าแบบตอนนี้! “สวัสดีค่ะพี่เดย์” พีชยกมือไหว้ทำให้ฉันรู้สึกตัวและรีบยกมือตาม “ดีครับ” พี่เดย์ทักตอบแต่สายตาดันอยู่ที่ใบหน้าของฉันเพียงคนเดียว “งั้นแกคุยกับพี่เดย์เถอะ เดี๋ยวฉันไปสั่งข้าวเอง” พีชหันมายิ้มให้กันอย่างขันอาสา วันนี้เราสองคนมีไม่เรียนแต่มีรับน้องกับซ้อมเชียร์ตอนเย็นเลยตกลงกันว่าจะทานข้าวแถวหอ แล้วค่อยออกไป ม. ช่วงใกล้ถึงเวลาเลย “แต่...” ฉันอ้าปากจะขัดแต่พีชดันพยักหน้าเชิงบอกใบ้ให้คุยกับพี่เดย์ซะงั้น “โอเค งั้นหน้าที่ซื้อน้ำปั่นเป็นของฉันนะ” ฉันรีบบอกเพราะไม่อยากเอาเปรียบเพื่อนรัก “ได้” พีชยักคิ้วให้กันก่อนจะค้อมหัวให้พี่เดย์แล้วผลักประตูกระจกออกไปด้านนอก ฉันหันหน้ากลับมาที่พี่เดย์แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร ร่างสูงใหญ่ที่แววตาหม่นแสงก็พูดขึ้นมาก่อน “พี่ขอโทษนะครับ พี่เสียใจที่เป็นต้นเหตุทำให้น้องฝันหวานต้องหลบหน้าผู้คน” “คะ...คะ?” ฉันตาโตด้วยความงง อะไรคือหลบหน้าคน ยอมรับค่ะว่ายังอายแถมกลัวแฟนคลับพี่เดย์หมั่นไส้ แต่เรื่องหลบหน้าคนนี่ไม่ใช่ละ เมื่อวานหลังกลับจาก ม. ฉันยังเดินออกจากหอ ผ่านนักศึกษาตั้งมากมายไปขึ้นรถไฟฟ้าสองคนกับพีชเพื่อเที่ยวเล่นอยู่เลย “ก็วันนี้น้องไม่ไป ม. ทั้งที่มีเรียนเช้า พี่โคตรรู้สึกแย่ที่ทำให้น้องฝันหวานอับอายถึงขั้นต้องโดดเรียน... พี่...” พี่เดย์พ่นลมหายใจด้วยสีหน้ารู้สึกผิดจนฉันต้องรีบอธิบายอย่างชัดถ้อยชัดคำเพราะไม่อยากให้พี่เค้าคิดมาก แค่ตามล่าหาคนถ่ายคลิปพร้อมกับสั่งลบก็วุ่นวายพออยู่ละ นี่ยังมากลุ้มว่าฉันหนีหน้าผู้คนจนไม่ไปเรียนอีก... จะปวดหัวขนาดไหนนะนั่น “ไม่ใช่นะคะพี่เดย์ หนูไม่ได้หลบหน้าใครเลยค่ะ” “แต่วันนี้น้องไม่เข้าคลาสเช้าทั้งที่มีเรียนวิชาหลักอย่างญี่ปุ่น” พี่เดย์รีบท้วงสีหน้าหม่น “ใช่ค่ะ” ฉันพยักหน้า แอบแปลกใจที่คนตรงหน้ารู้ตารางของฉันด้วยทั้งที่อยู่อีกคณะ “แต่ที่หนูไม่เข้าเพราะเซนเซย์ขอยกเลิกคลาส แล้วไปเรียนชดเชยตอนเช้าพรุ่งนี้แทนค่ะ” “พูดจริง” พี่เดย์มองฉันด้วยสีหน้าไม่เชื่อเท่าไหร่ “จริงสิคะ” ฉันรับคำด้วยสีหน้าหนักแน่น หนุ่มหล่อโลกละลายถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก “ว่าแต่พี่เดย์รู้ได้ไงคะว่าวันนี้หนูมีเรียนเช้าแต่ไม่ไป ม.” ฉันถามด้วยความสงสัย “จะไปซื้อน้ำปั่นไม่ใช่เหรอครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” พี่เดย์ไม่ตอบคำถามแต่ดันเปลี่ยนเรื่องซะงั้น แถมยังเดินไปผลักประตูกระจกหน้าหออีกด้วย “............” ฉันยืนนิ่งที่เดิม ถึงแม้จะทำใจได้ประมาณนึงแต่การออกไปเดินกับพี่เดย์สองคนตอนกลางวันแสกๆ จะกลายเป็นขี้ปากชาวบ้านมากกว่าเดิมรึเปล่า? “ไม่ต้องกลัวครับ พี่อยู่ทั้งคน ไม่มีใครกล้าว่าอะไรน้องฝันหวานหรอก” เหมือนพี่เดย์รู้ว่าฉันคิดยังไง พี่เค้าพูดด้วยสีหน้าและแววตาจริงจังพลางคลี่ยิ้ม ฉันมองใบหน้าหล่อโลกละลายอย่างชั่งใจก่อนจะพยักหน้าและก้าวออกหอโดยมีร่างสูงใหญ่เดินเคียงข้างกัน เดินออกมายังไม่ทันถึงสามก้าว ฉันก็เห็นนักศึกษาหญิงส่วนใหญ่เหลือบมองมาทางเราสองคนด้วยแววตาลุกวาว บางคนสะกิดคนข้างๆ ให้มอง แต่ไม่มีใครกล้าพ่นอะไรที่เป็นพิษออกมาให้ได้ยินซึ่งมันดีมากเลยแหละ จะว่าไปถ้าฉันมัวแต่หลบก็เหมือนยอมรับกลายๆ ว่าเรื่องโกหกที่บิวตี้พ่นออกมาคือเรื่องจริง แต่ถ้าฉันกล้าสู้สายตาผู้คน... ตัวฉันเองนี่แหละที่จะเข้มแข็งขึ้นและผ่านเรื่องบ้าบอเหล่านั้นไปได้! “น้องฝันหวานจะซื้อน้ำปั่นร้านไหนครับ” พี่เดย์ถามทำลายความเงียบด้วยรอยยิ้ม “ร้านอยู่ซอย 9 ค่ะ ว่าแต่พี่เดย์ยังไม่ตอบหนูเลย รู้ได้ไงคะว่าวันนี้หนูมีเรียนเช้าแถมไม่เข้าด้วย” ฉันเอียงคอถามอย่างนึกได้เมื่อพี่เดย์ปล่อยเบลอเรื่องที่ฉันถามไปเมื่อครู่ “พี่ถามจากประธานปี 2 เอกน้องฝันหวานมาครับ” “พี่เอเหรอคะ” “อือ” พี่เดย์ยิ้มมุมปากยักคิ้วน้อยๆ ...นั่นสินะ พี่ปี 2 มีตารางเรียนของเราเด็กปี 1 แค่พี่เดย์เข้าไปถามพวกพี่เอก็ได้คำตอบละ “ละพี่เดย์รู้ได้ไงคะเมื่อเช้าหนูไม่ไปเรียน หนูอาจไปแล้วกลับแล้วก็ได้” ฉันมุ่นคิ้วถามด้วยความสงสัย “ก็เพราะมันรอน้องที่ใต้หอตั้งแต่ไก่โห่จนโดดเรียนคลาสเช้าไง” พี่เทมส์ที่เดินมาจากทางไหนไม่รู้เป็นคนให้คำตอบแทน “หา!” ฉันเบิกตาโตร้องอย่างอึ้งๆ กับคำตอบที่ได้ มองพี่เดย์ทีพี่เทมส์ทีด้วยอาการใบ้กิน พี่เดย์ทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ? ลงทุนเกินไปมั้ย!! “มึงเงียบไปเลยไอ้เทมส์” พี่เดย์บ่นเพื่อนสนิทเสียงไม่จริงจังนักแต่ทำเอาพี่เทมส์ขมวดคิ้วใส่ “กูก็ไม่อยากเสือกนักหรอก แค่จะมาบอกว่าอาจารย์ยกเลิกคลาสบ่าย โทรหาเท่าไหร่เสือกไม่รับ ไลน์หาดันไม่อ่าน กลัวมึงไปเก้อจนต้องถ่อมาบอกแถวหลัง ม. นี่ไง” “แบตกูหมด ขอบใจมึงมากที่ตามมาบอกถึงนี่ แล้วไอ้สองคนนั้น” พี่เดย์คงถามถึงพี่เจมส์และพี่กัสสินะ “สั่งข้าวอยู่ร้านป้าเล็กซอย 6” พีชก็เดินไปสั่งข้าวร้านนั้นเหมือนกันนี่นา “กูขอคุยกับน้องฝันหวานก่อน เดี๋ยวตามไป” “หึ!” พี่เทมส์แค่นเสียงในลำคอหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้ฉันกับพี่เดย์คุยกันมาตามทาง “เอ่อ... หนูไม่รู้เลยว่าพี่เดย์มารอใต้หอตั้งแต่เช้า” ฉันเป็นฝ่ายชิงพูดก่อน คิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากพี่เค้าพยายามรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นทุกทาง “พี่กลัวน้องฝันหวานไม่กล้าเดินไป ม. เลยตั้งใจขับรถไปส่งที่คณะครับ” ฉันรู้สึกสะดุดกึกในใจ เพราะแบบนี้สินะถึงมารอกันใต้หอแต่เช้า พี่เดย์คิดวิธีแก้ความร้อนใจของฉันทุกทางเลย “แต่หนูดันไม่ลงมา พี่เดย์ก็เลยรออยู่อย่างนั้น” ฉันถามเสียงเบา ผิดมั้ยที่จะบอกว่ารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่พี่เค้ามารอกัน ตั้งกี่ชั่วโมงนะที่พี่เดย์รอกันโดยไม่รู้ว่าฉันจะลงมามั้ย การรอคอยใครสักคนหรือรออะไรสักอย่างถ้าไม่มีความอดทนมากพอ... ทำไม่ได้หรอกจริงมั้ย? “ก็ประมาณนั้นครับ” พี่เดย์ตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลจนรู้สึกได้ “ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงความรู้สึกของหนู แต่หนูคิดว่าตัวเองรับมือได้ประมาณนึง พี่เดย์สบายใจได้ค่ะ” ฉันบอกพลางคลี่ยิ้มเบาบางทำเอาพี่เดย์มองมาด้วยสายตาเหลือเชื่อ “จริงๆ ค่ะ หนูยอมรับว่าตอนแรกหนูอายมาก หนูคงไม่มีหน้าเรียนที่มหาลัยต่อ แต่พอพี่เดย์เคลียร์เรื่องทั้งหมด หนูก็โล่งอกประมาณนึง” “น้องฝันหวานแกร่งกว่าที่พี่คิดไว้เยอะเลย” พี่เดย์บอกด้วยสีหน้าทึ่งอะไรประมาณนั้นทำเอาฉันหลุดขำพลางส่ายหน้าพลางส่ายหน้า “หนูไม่ได้แกร่งอะไรหรอกค่ะ เอาจริง! หนูก็แอบงงตัวเองเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะทำใจได้เร็วขนาดนี้ อาจเป็นเพราะหนูมีแต่พี่ชายมั้งคะ เวลาเกิดเรื่องอะไร พี่ๆ ของหนูจะเฟลไม่นานและลุกขึ้นให้เร็วที่สุด พอถึงตาหนูบ้าง... ปล่อยให้หนูร้องไห้ไปอะไรไป พอมีเวลาได้คิดโน่นนี่นั่นเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ถึงแล้วค่ะ พี่เดย์เอาน้ำอะไรดีคะ” ฉันถามพี่เดย์เมื่อเราเดินมาถึงหน้าร้านน้ำปั่นซึ่งปกติจะคิวยาวมากแต่ตอนนี้ดันไม่มีลูกค้า... โชคดีชะมัด “ไม่ดีกว่าครับ” พี่เดย์คลี่ยิ้มพลางเอียงคอไปมาเล็กน้อย “อย่าปฏิเสธเลยค่ะ ให้หนูเลี้ยงเถอะ หนูอยากขอโทษที่เป็นต้นเหตุทำให้พี่เดย์ต้องโดดเรียนในวันนี้ เนี่ยะ! ตอนนี้หนูรู้สึกผิดมากที่ทำให้พี่ขาดเรียนนะจะบอกให้” ว่าแล้วฉันก็เผลอทำปากบู้โดยไม่รู้ ตัวจนพี่เค้าหัวเราะออกมา “ถ้ารู้สึกผิดจริงเปลี่ยนจากน้ำปั่นเป็นอย่างอื่นดีกว่าครับ... น้องฝันหวานสั่งเลย พี่เค้ารอรับออเดอร์แล้วนั่น” พี่เดย์พยักเพยิดไปทางเจ้าของร้านที่มองมาด้วยสีหน้างงประมาณนึง ก็เดินมาถึงหน้าร้านแต่ไม่ยอมเลือกเมนูซะงั้น ฉันรีบยิ้มแล้วสั่งแตงโมปั่นหวานน้อยของตัวเองกับแอปเปิ้ลปั่นนมสดหวานน้อยของพีชไป จากนั้นก็เฟดตัวมายืนรอข้างร้านเพราะมีลูกค้ารายอื่นมารอต่อคิวแล้ว “แล้วมารอหนูแต่เช้าพี่เดย์ทานไรมายังคะ” ฉันถามอย่างนึกได้ พี่เค้ามารอแต่เช้าเพราะจะไปส่งกันหวังคงรองท้องมาก่อนนะ ไม่งั้นหิวแย่ ขนาดฉันตื่นขึ้นมาหาไรกิน ใกล้เที่ยงยังหิวเลยเถอะ “ยังครับ” พี่เดย์บอกพลางคลี่ยิ้มทำเอาสาวๆ ที่อยู่หน้าร้านน้ำปั่นแอบหวีดร้องในความหล่อโลกละลายจนเจ้าตัวหัวเราะขำๆ แน่นอนว่าสาวๆ หวีดหนักกว่าเดิมไปอี๊ก! “อ้าว! แล้วไม่หิวแย่เหรอคะ” ฉันถามเสียงเบาอย่างรู้สึกผิด ไม่ใช่ไรหรอก... กลัวสาวๆ แอบฟังแล้วเอาไปเม้าท์ต่อเรื่องที่เราคุยกันน่ะ “แตงโมปั่นแอปเปิ้ลปั่นได้แล้วจ้า” เสียงเจ้าของร้านทำให้บทสนทนาขาดตอน พอจะล้วงเงินออกจากกระเป๋าเพื่อจ่ายค่าน้ำ ปรากฏว่าพี่เดย์ยื่นแบงค์ห้าร้อยไปก่อนละ แถมยังรับถุงแก้วน้ำแบบแพ็คคู่มาถือไว้ในมือด้วย “นี่ค่ะ” พอเดินออกจากหน้าได้ห้าก้าวฉันก็ยื่นเงินให้แต่พี่เดย์ดันส่ายหน้า “พี่เลี้ยงครับ” “แต่...” ฉันปฏิเสธด้วยความเกรงใจแต่พี่เดย์ดันขัดขึ้นด้วยใบหน้าที่หม่นกว่าปกติเล็กน้อย “ให้พี่เป็นฝ่ายเลี้ยงน้องฝันหวานเถอะครับ ทำน้องร้องไห้ต่อหน้าคนทั้งลานเกียร์ยังไม่ได้ไถ่โทษเลย แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำกับเรื่องที่พี่ทำ” โอย! ได้โปรดอย่ามาม่าได้มั้ยคะคุณพี่ น้องหันละใจบ่ดี! “ถ้างั้นพี่เดย์ยอมให้หนูเลี้ยงคืนบ้างสิคะ หนูก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่ทำให้พี่รออยู่ใต้หอถึงขั้นต้องโดดเรียน” ฉันท้วงบ้าง เมื่อกี้จะเลี้ยงน้ำยังไม่ยอมเลยเถอะ “งั้นเที่ยงนี้ไปทานข้าวด้วยกันมั้ยครับถ้าอยากเลี้ยงคืน” พี่เดย์ยักคิ้วคลี่ยิ้มกว้าง “หา!” ฉันร้องอย่างเหวอๆ มาโผล่เรื่องทานข้าวด้วยกันได้ไงเนี่ย? “ไม่ได้สินะครับ พี่ทำน้องฝันหวานต้องอับอาย น้องคงไม่อยากทานข้าวกับพี่หรอก” พี่เดย์ถอนใจด้วยใบหน้าที่เศร้ากว่าปกติ แง! รู้สึกผิดเลยอ่ะ “หนูไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะคะ” ฉันรีบปฏิเสธเพราะไม่อยากเห็นพี่เค้าคิดมาก “งั้นเที่ยงนี้ไปทานข้าวด้วยกัน บ่ายนี้น้องไม่มีเรียนพี่ก็ไม่มีเหมือนกัน เวลาได้ทั้งคู่...เนอะ” “แต่...” จะให้ฉันไปทานข้าวกับพี่เดย์สองต่อสองนี่นะ มันคนละเรื่องกันป่ะ “พี่หิวมากเลยครับ ออกมารอน้องตั้งแต่เช้าจนป่านนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง... นะครับ” โอย! อย่าพูดงั้นสิคะคุณพี่ หนูยิ่งรู้สึกผิดอยู่ “...............” ฉันเม้มริมฝีปากแน่นอย่างคนใช้ความคิด จะให้ไปทานข้าวกับพี่เดย์สองต่อสองทั้งที่ฉันไม่เคยไปทานข้าวกับผู้ชายคนไหนเลยนอกจากคนในครอบครัว ยิ่งไปกว่านั้น พี่เดย์ยังเป็นคนที่เพื่อนๆ พากันสงสัยว่าจีบฉันอีก (ถึงแม้พี่เขาจะไม่ได้จีบก็ตามเถอะ) จะดีเหรอ “โอเคครับ พี่เข้าใจสถานการณ์ มันคงเป็นการฝืนใจมากไปถ้าต้องทานข้าวกับคนที่เป็นต้นเหตุทำให้น้องอับอาย พี่ขอโทษครับ พี่คงขอมากเกิน...” “โอเคค่ะ ไปก็ไป” ฉันเผลอโพล่งออกมาเพราะไม่อยากให้พี่เดย์รู้สึกผิดไปมากกว่าเดิม รู้ตัวอีกทีเหมือนตัดสินใจพลาดยังไงไม่รู้ หน้าตาหม่นหมองของหนุ่มหล่อโลกละลายหายวับไปกับตาแถมยังยิ้มกว้าง ขยิบตาให้กันซะงั้น!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD