ฝันหวาน

1563 Words
หลังกด enter แป้นพิมพ์ฉันก็หลับตาลง พนมมือนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคยไปมูมาก่อนหน้านี้พร้อมเพื่อนสนิท ใจเต้นรัวยิ่งกว่าไปวิ่งรอบสนามมาหมาดๆ ทั้งที่แทบไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายด้วยซ้ำ “ได้โปรดเมตตาหนูเถอะค่ะ ช่วยหนูด้วย” ฉันพึมพำด้วยแรงแห่งศรัทธา ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นทีละข้างอย่างลุ้นระทึก และพอเห็นผลที่ปรากฏก็เบิกตาโพลง เลื่อนหน้าแทบติดขอบจอโน้ตบุ๊คก่อนจะกรีดร้องด้วยความดีใจอย่างไม่กลัวคอหอยพัง “กรี๊ดดด!” ฉันลุกจากเก้าอี้ กระโดดซอยเท้าไปมาบนพื้น ในที่สุดความฝันของฉันก็เป็นจริงแล้วโว้ย! “น้องฝัน! เป็นหยังก่อจ้าวว! ปะจั๊กกิ้มแห๋มละกา” พี่เลี้ยงที่ดูแลฉันมาตั้งแต่เด็กที่ชื่อพี่งามเปิดประตูเข้ามาในห้อง นอนด้วยสีหน้าแตกตื่นตกใจ “ปี้งาม! ฝันแอดผ่านแล้ว! ฝันยะได้ไปเฮียนตี้กรุงเทพแล้ว ฮู้ว!” ฉันจับมือพี่เลี้ยงเขย่าด้วยความดีใจสุดพลัง “แต้กะจ้าว!” พี่งามเบิกตาโตถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น “อื้อ” ฉันพยักหน้าระรัวก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมาด้วยความตื้นตัน ในที่สุดความเพียรพยายามที่ทำมาโดยตลอดก็สัมฤทธิ์ผล ฟ้าเมตตาฉันแล้ว! “ปี้ดีใจ๋ตวยหนาจ้าว น้องฝันของปี้เก่งตี้สุด ฮือ!” พี่งามกอดฉันไว้แน่น ก่อนจะร้องไห้อีกคน “เป็นอะไรรึเปล่าลูก เสียงดังไปถึงหน้าบ้าน เอ้า! แล้วทำไมยืนกอดกันร้องไห้แบบนั้น มีเรื่องอะไรรึเปล่า หนูบอกแม่ได้นะลูก” เสียงของคุณแม่ทำให้ฉันผละออกจากอ้อมกอดพี่งาม โผเข้ากอดคุณแม่ทันควัน “ฝันแอดผ่านแล้วค่ะคุณแม่! ฮึก! ฝันทำสำเร็จแล้ว” “เอาใหม่สิลูก เมื่อกี๊หนูพูดอะไรนะ” คุณแม่ถามด้วยน้ำ เสียงเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง ฉันผละออกจากอ้อมกอด ยิ้มให้คุณแม่ทั้งน้ำตา “ฝันแอดผ่านแล้วค่ะ ฝันมีที่เรียนแล้ว” “ลูกแม่! ลูกสาวของแม่เก่งมาก หนูเก่งจริงๆ” ฉันเห็นน้ำตาของคุณแม่หยดแหมะลงบนใบหน้าสวยสมวัย แววตาและสีหน้าของท่านเต็มไปด้วยภาคภูมิใจก่อนที่เราสองคนแม่ลูกจะกอดกันแน่นด้วยความรัก ฉันชื่อฝันหวานค่ะ เป็นคนเชียงใหม่โดยกำเนิด ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวแถมเป็นน้องสาวคนเล็กเลยถูกเลี้ยงดูมาแบบประคบประหงม ไม่ว่าจะทำอะไรก็ยังเป็นเด็กน้อยในสาย ตาของทุกคน ขนาดไปโรงเรียนหรือออกไปด้านนอกยังต้องมีคนขับรถไปรับไปส่งในขณะที่เพื่อนคนอื่นขับมอไซด์หรือขับรถยนต์ไปเองด้วยซ้ำ เรื่องค้างบ้านเพื่อนหรือแฮงค์เอาท์ต่างจังหวัดแบบเกิลล์แกงค์...ลืมได้เลย ไม่มีในพจนานุกรมของฝันหวานคนนี้แน่นอน ถ้าถามว่าอึดอัดมั้ยที่มีอิสระน้อยกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน? อันที่จริงมันก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้นนะคะ ฉันยังไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ช็อปปิ้ง ดูหนัง ทานข้าว ไปคาเฟ่ ทำโน่นนี่นั่นหลังเลิกเรียนหรือวันหยุดได้ตามปกติ ขอแค่บอกล่วงหน้าก็เท่านั้น ฉันรู้ดีที่คุณพ่อคุณแม่ไม่อนุญาตในบางอย่างก็เพราะความรักความเป็นห่วง ยิ่งเป็นลูกสาวคนเดียวด้วยแล้ว ยิ่งห่วงหนักขึ้นไปอีก เกิดเป็นอะไรขึ้นมาท่านสองคนต้องเสียใจมากแน่นอน ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกน่ะ... มากมายมหาศาลหาสิ่งใดเปรียบจริงๆ ถ้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่และมีโอกาสได้เป็นแม่คน ฉันก็คงมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก เหมือนที่คุณพ่อคุณแม่มอบให้ฉันเช่นกัน!! แต่ก็นั่นแหละ... ด้วยความที่เป็นมนุษย์ ถึงจะรู้เหตุผลทุกอย่างดีแต่บางทีในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าคนเราต้องเติบโตขึ้นรึเปล่า? ดูอย่างพี่ชายสุดที่รักทั้งสองของฉันสิ... เมื่อก่อนอยู่บ้าน มีคนทำอะไรให้ตลอด ตอนนี้เรียนอยู่อเมริกา เวลาฉันไปหาทีไร เห็นพี่ๆ ทำอะไรด้วยตัวเองทุกอย่าง รับผิดชอบตัวเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือการใช้ชีวิต ดูแข็งแกร่งและเป็นผู้ใหญ่จากเดิมเยอะมาก ตัดภาพมาที่ฝันหวานน้องเล็กของทุกคน มีพี่เลี้ยงคอยทำให้แทบทุกอย่าง หน้าที่รับผิดชอบมีแค่เรื่องเรียนกับทำในสิ่งที่ตัวเองรักซึ่งคุณพ่อคุณแม่พร้อมสนับสนุนเต็มที่ พูดถึงมันก็ดีแหละ ดีมากด้วยซ้ำ แต่อีกใจของลูกสาวคนนี้ดันอยากออกไปเปิดโลกกว้างบ้างไรบ้าง อยากลองทำอะไรด้วยตัวเองสักครั้ง!! เพราะงั้นด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล ฉันจึงตัดสินใจเลือกมหาลัยในกรุงเทพ แทนที่จะเลือกในเชียงใหม่เหมือนกลุ่มเพื่อนสนิท ถ้าเลือกจังหวัดอื่น รู้ดีเลยว่ายังไงต้องโดนห้าม... อีกอย่างพื้นเพของคุณแม่เป็นสาวสวยจากเมืองกรุงที่มาแต่งงานกับคุณพ่อสุดหล่อซึ่งเป็นคนเจียงใหม่ เพราะงั้นฉันเลยพอมีญาติพี่น้องอยู่ที่นั่นด้วย ถ้าเรียนในกรุงเทพ... คุณพ่อคุณแม่คงพอวาง ใจได้ในระดับนึง อย่างน้อยลูกสาวคนเล็กก็ไม่ถึงกับใช้ชีวิตในเมืองใหญ่เพียงลำพัง ความเป็นห่วงที่ลูกออกจากอ้อมอกก็คงลดน้อยลง (ล่ะมั้ง) ใกล้เปิดเทอมก็ถึงวันที่ต้องย้ายเข้าหอ... ตอนแรกคุณพ่อคุณแม่จะให้อยู่คอนโด แต่คอนโดที่ใกล้มหาลัยที่สุดก็อยู่ห่างพอสมควร ถ้าวันไหนเลิกช้าก็กลัวฉันกลับคนเดียวจะเป็นอันตรายอีก สุดท้ายเลยมาจบที่เช่าอพาร์ทเม้นท์แถวหลัง ม. ให้อยู่แทน เดินแป๊บๆ ไม่ถึงห้านาทีก็ถึงที่เรียน ฉันได้อยู่หอใหม่เอี่ยมที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน ห้องพักแยกเป็นสัดส่วนเหมือนคอนโดหนึ่งห้องนอนแถมความปลอดภัยรวมถึงความสะดวกสบายของที่นี่ถือว่าอยู่ในระดับดี คุณพ่อคุณแม่ถึงวางใจให้ลูกสาวคนเล็กอยู่คนเดียวได้! ของใช้ส่วนตัวที่ฉันเอามาจากเชียงใหม่ก็ไม่มีอะไรมาก เน้นมาซื้อใหม่เพราะถือว่าสะดวกกว่า เพราะงั้นวันนี้ฉันกับคุณแม่เลยมาช็อปปิ้งชุดนักศึกษา เสื้อผ้าใหม่ รวมถึงของใช้ส่วนตัวเยอะแยะมากมาย กว่าจะกลับถึงหอก็เย็นย่ำ คุณแม่ให้พี่งามและพี่แป้ง (คนที่บ้านคุณน้า) ช่วยกันขนของไปเก็บในห้อง จัดของให้เข้าที่เข้าทาง จากนั้นก็กลับมานอนบ้านคุณน้า ช่วงสายของอีกวัน หลังทานข้าวเช้าเรียบร้อยและอยู่คุยกันอีกสักพัก คุณพ่อคุณแม่รวมถึงฉันก็ล่ำลาคุณน้า ก่อนที่คนขับรถจะมาส่งฉันที่หน้าหอ ฉันกอดคุณพ่อคุณแม่ไว้แน่น พอต้องลากันจริงๆ ได้แต่บอกตัวเองว่า... เดี๋ยวปิดเทอมก็ได้เจอท่านทั้งสอง ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก “ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือโดนแกล้ง หนูต้องรีบโทรหาพ่อกับแม่เลยนะลูก แม่จะรีบมาหาหนูให้เร็วที่สุด” คุณแม่ย้ำเป็นรอบที่สาม สีหน้าเป็นห่วงไม่คลาย “ค่ะ ฝันจะรีบรายงานทันที” ฉันรับคำอย่างหนักแน่นเช่นกัน “หนูจำที่พ่อสอนได้มั้ย” คุณพ่อถามด้วยหน้าตาจริงจังกว่าปกติ “จำได้ค่ะ ถ้าใครมาจีบให้บอกว่ามีแฟนแล้ว แต่ถ้ายังตื๊อไม่เลิกให้โทรรายงานคุณพ่อทันที” ฉันบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพลางยิ้มให้คุณพ่อที่หวงลูกสาว ท่านจะได้รู้สึกคลายกังวลลงบ้าง คุณพ่อกับคุณแม่หันหน้าเข้าหากันพลางถอนหายใจยาว ฉันรู้แก่ใจดี... ถึงท่านทั้งสองพอจะทำใจได้บ้างแล้วที่ฉันต้องจากอ้อมอก จากบ้านเกิดมาเรียนต่อ แต่เอาเข้าจริงคุณพ่อคุณแม่ก็ยังเป็นห่วงมากอยู่ดี “ถ้าหนูได้เพื่อนใหม่โทรมาเล่าให้แม่ฟังด้วยนะลูก อย่างน้อยแม่จะได้อุ่นใจที่หนูไม่ต้องตัวคนเดียว” “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงค่ะ ถ้าฝันมีเพื่อนเมื่อไหร่จะรีบโทรไปอวดทันที” ฉันรีบบอกอย่างเอาใจ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปฉันจะได้เริ่มชีวิตนักศึกษา จะได้ชีวิตเพียงคนเดียว การเรียนจะเป็นยังไง ฉันจะเข้ากับเพื่อนในเอกได้มั้ย แล้วใครจะนิสัยเข้ากับฉันได้จนกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ไหนจะมีรับน้อง ไหนจะมีกิจกรรมตามที่รุ่นพี่เคยเล่าให้ฟังในวันที่มารายงานตัวอีก... ยิ่งคิดยิ่งตื่นเต้น “ถ้าเงินไม่พอใช้หนูต้องบอกนะ เดี๋ยวพ่อโอนให้” “โหวคุณพ่อขา สามหมื่นยังไม่รวมค่าหอ เหลือจนไม่รู้จะเหลือยังไงแล้วค่ะ ฝันไม่ใช่คนใช้เงินเก่งขนาดนั้นสักหน่อย” ฉันบอกยิ้มๆ ปิ๊น! “ฝันรักคุณพ่อคุณแม่นะคะ เดินทางปลอดภัยค่ะ บ๊ายบายปี้งาม หวัดดีจ้าวลุงศักดิ์” เสียงแตรรถที่ดังจากด้านหลังทำให้ฉันยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มคุณพ่อคุณแม่โดยอัตโนมัติ บอกรักท่านทั้งสองอย่างออดอ้อน บอกลาพี่งามและคนขับรถก่อนจะรีบเดินลงจากรถตู้แบบครอบครัวและยืนมองรถจนลับตา ถึงเวลาที่จะเติบโตแล้วฝันหวาน...สู้ว!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD