การแต่งงานสำหรับผู้หญิงทุกคนคือการได้ใช้ทั้งชีวิตร่วมกับผู้ชายที่รัก ไม่ใช่การขายศักดิ์ศรีความเป็นคน ไม่ใช่การเดิมพันเพื่อต่อรอง ไม่ใช่การทำเพื่อความอยู่รอดของคนบางคน ทำไมพระเจ้าช่างใจร้าย… หนึ่งชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งเกิดมาควรได้พบเจอกับความรักแสนบริสุทธิ์ ใครสักคนที่เห็นคุณค่าแห่งดอกไม้งาม ให้เกียรติ ให้ความอ่อนโยน มันควรต้องเป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือ?
แล้วทำไม…
“ถ้าแกไม่แต่งงานกับเขาบ้านเราต้องล้มละลาย น้องชายของแกก็ต้องตายเพราะถูกไอ้พวกเจ้าหนี้โหดทำร้ายร่างกาย!”
น้ำเสียงของบิดาวาวโรจน์ หญิงสาวนั่งฟังพลางน้ำตาไหลอาบแก้ม ไม่ว่าหล่อนจะเช็ดมันออกเท่าไหร่ความเสียใจก็หลั่งไหลออกมาอยู่ดี
“หัดสำนึกบุญคุณกันบ้างได้ไหม ฉันสองคนอุตส่าห์เอาแกมาเลี้ยงจนได้ดิบได้ดี เรียนจบเป็นแอร์ฯ ได้ถึงทุกวันนี้เพราะใคร คิดบ้างไหมอีเนรคุณ!” มารดาใช้นิ้วชี้แหลมคมจิ้มศีรษะทุยของบุตรสาว
ไม่สิ… ต้องเรียกว่า บุตรบุญธรรม ถึงจะถูก!
“พี่รินช่วยผมด้วยนะพี่ ผมยังไม่อยากตาย ช่วยผมด้วยนะพี่” น้องชายเพียงหนึ่งเดียวขอร้องร่างบาง น้ำตานองหน้าไม่สมกับความเป็นลูกผู้ชาย
“แกเห็นไหมนังชั่ว! น้องแกกำลังอ้อนวอนแกอยู่ แกยังทนนั่งเฉยอยู่ได้ยังไง” มารดาตะโกนด่า อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นไปตบตีหญิงสาวเมื่อเจ้าหล่อนยังคงนิ่งสงบ
“อีเลว! อีเนรคุณ ฉันเกลียดแกจริงๆ!”
“คุณแม่อย่าครับ อย่าทำพี่ริน เดี๋ยวพี่รินไม่ช่วยผม อย่าครับ” บุตรชายสุดที่รักออกโรงห้ามมารดา คราแรกหญิงสาวหลงคิดว่าน้องชายเป็นห่วงตน หากพอประโยคถัดมาที่เขาพูดกลับทำให้ริมฝีปากอิ่มแสะยิ้ม
สุดท้ายแล้วทุกคนในบ้านหลังนี้ก็เห็นหล่อนเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่มีใครรักหรือจริงใจกับเธอแม้แต่คนเดียว
“รินจะแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นค่ะ!”
เสียงหวานประกาศก้อง หยุดทุกการเคลื่อนไหวของสมาชิกภายในบ้าน บิดาเบิกตากว้างพลางยิ้มยินดี ฝ่ายคนที่รู้แน่ชัดว่ากำลังจะรอดตัวก็รีบโผเข้ากอดพี่สาวแนบแน่น
“ขอบคุณครับพี่ริน ขอบคุณที่ช่วยผม ช่วยพวกเรา”
“ใช่ริน พ่อคิดอยู่แล้วว่าลูกของพ่อต้องไม่ทอดทิ้งทุกคน พ่อดีใจที่ลูกคิดได้นะ” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดไม่หลงเหลือเมื่อรู้ว่าเหยื่ออันมีค่ายินยอมเดินตามแผน
มารดาเองก็ไม่น้อยหน้า รั้งร่างเล็กของบุตรสาวบุญธรรมเข้ากอดพลางหอมแก้มเนียนใส
“แม่ขอโทษนะลูกที่ว่าหนู ความจริงแม่แค่น้อยใจ กลัวว่าหนูจะทิ้งพวกเรา”
น้ำริน ยิ้มหยันให้กับโชคชะตาของตนเอง เธอมีค่าเพียงเท่านี้ พวกเขาเอาเด็กกำพร้าอย่างเธอมาเลี้ยงก็เพื่อตอบสนองตามความต้องการทุกอย่าง หญิงสาวรู้ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาเหยียบภายในบ้านหลังนี้ ชีวิตทั้งชีวิตเธอจะไม่มีวันได้กำหนดมัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้มีพระคุณ แม้พวกเขาจะเลี้ยงดูเธอราวกับคนใช้คนหนึ่ง อาจจะดีหน่อยที่ยังให้การศึกษาจนจบในระดับที่น่าพึงพอใจ แต่ทั้งหมดก็เพื่อให้เธอนำความรู้ที่ได้รับจากเศษเงินของพวกเขามาตอบแทนดูแลถวายชีวิต!
ทุกคนในบ้านเห็นเธอเป็นเพียงหุ่นยนต์ตัวหนึ่งเท่านั้น!
ตึกๆ
เสียงฝีเท้าของร่างบางดังสนั่นหวั่นไหวในความรู้สึก หญิงสาวเหนื่อยหอบแต่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักเมื่อเบื้องหลังนั้นถูกไล่ล่าตามติดเป็นเงา หล่อนทำได้เพียงจับชายกระโปรงยุ่งเหยิงที่มาในรูปแบบของชุดเจ้าสาวไว้มั่นแล้วสาวเท้าวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด จุดมุ่งหมายคือถนนลาดยาวที่เจ้าตัวได้นัดให้เพื่อนสนิทนำรถยนต์มารอรับแต่หัวค่ำ
พลั่ก!
“โอ๊ย!” เสียงหวานร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อหกล้มกับพื้นปูน เลือดสีแดงจางๆ มาพร้อมกับรอยแผลสดใหม่ แหมจะแสบสันเพียงใดแต่เธอก็ต้องสู้ทนเพื่อไม่ให้ตนเองถูกจับได้
ไม่มีวันที่จะหวนกลับไปยังนรกขุมนั้นเด็ดขาด!
“ใกล้แล้ว…”
แสงสว่างเจิดจ้าท้าทายสายตาคู่งาม ริมฝีปากยิ้มกว้างเมื่อความหวังใกล้เป็นจริง รถคันหรูแสนคุ้นตาของเพื่อนสนิทกำลังจอดรอเธออยู่ไม่ไกล เพียงอึดใจเดียวเท่านั้นชีวิตแสนเศร้าก็จะได้เป็นอิสระเสียที
หญิงสาวเฝ้ารอวันนั้นจนแทบอดรนทนไม่ไหว…!
“น้ำรินๆ!” เสียงเรียกของเพื่อนรักเปรียบดั่งเสียงจากสวรรค์ก็ไม่ปาน หญิงสาวที่เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อยิ้มโล่งอก กัดฟันวิ่งเข้าไปหาร่างเล็กตรงหน้า เสียงหอบหายใจบ่งบอกถึงความเหนื่อยได้เป็นอย่างดี
“รีบไปกันเถอะฟ้า”
เพียงฟ้า พยักหน้ารับคำก่อนจะพยุงร่างบอบบางของเพื่อนเข้าไปนั่งภายในรถหรูของตน หญิงสาวมองซ้ายแลขวาจนมั่นใจว่าคนในงานแต่งคงตามมาไม่ทัน เธอรีบขึ้นรถแล้วปิดประตูล็อคแน่นหนา พาเจ้าสาวผู้น่าสงสารที่สุดโลกจากไปอย่างไร้เหยื่อใย แม้บรรดาที่เหลือจะมาถึงยังจุดเกิดเหตุหากก็ไม่ทันสองสาวเสียแล้ว
“บ้าเอ๊ย! นังลูกทรพี นังเด็กไม่รู้คุณ มันหนีพวกเราไปจนได้!” ธาดาโวยวายลั่นท้องถนน ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากก็เดือดดาลไม่แพ้กัน
“ฉันบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าให้จับตาดูมันให้ดีๆ นังเด็กคนนี้พิษสงมันรอบตัวนัก เห็นไหมว่ามันทำเราเจ็บแสบเพียงใด!”
วรวรรณ หันไปโทษสามี ทั้งสองจึงเกิดปากเสียงถกเถียงกันไปมา
“โอ๊ย! พ่อกับแม่เลิกทะเลาะกันสักทีได้ไหม มาช่วยกันคิดก่อนเถอะว่าจะเข้าไปบอกเจ้าบ่าวเขายังไงว่าเจ้าสาวหนีงานแต่งไปแล้ว!” อนุพงศ์ ตะคอกเสียงลั่น ยกมือขยี้เส้นผมสีน้ำตาลเข้มอย่างคนคิดไม่ตก
นังพี่ทรยศ! แกกล้าทิ้งฉันเหรอ?
เท้าหนาของใครคนหนึ่งดังใกล้เข้ามาสั่นประสาทบุคคลทั้งสาม ดวงตาของพวกเขาหันไปมองผู้มาเยือนแน่นิ่ง หวาดกลัวกับใบหน้าคมคายแสนดุดัน ลมหายใจอุ่นร้อนจากร่างสูงเป็นสัญญาณเตือนชั้นดีว่าตอนนี้เจ้าตัวรู้สึกเช่นไร นัยน์ตาทรงเสน่ห์เหลือร้ายทอดมองออกไปยังเบื้องหน้า ผู้หญิงคนนั้นทิ้งเพียงร่องรอยของล้อรถไว้ให้ดูต่างหน้า ส่วนตัวหล่อนหนีหายไปอย่างไร้ความปราณี ทิ้งให้เขาต้องเผชิญกับคำครหาเพียงลำพัง
ทำแบบนี้มันหยามศักดิ์ศรีกันเกินไปแล้ว!
“คะ คุณ…”
“หุบปาก!”
เสียงเข้มตะคอกใส่หญิงวัยกลางคน วรวรรณเงียบสนิทไม่กล้าให้หลุดคำพูดใดๆ เล็ดรอดออกมาอีก สามพ่อแม่ลูกกอดกันเนื้อตัวสั่นเทิ้ม ชายหนุ่มผู้นี้ทรงอิทธิพลมากแค่ไหนทำไมจะไม่รู้ เจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันย่อมเท่ากับว่าความซวยทั้งหมดได้ตกมาอยู่ที่พวกเขา ส่วนเจ้าสาวแสนสวยกลับลอยลำ!
มันน่าแค้นใจนัก…
“กล้าหนีฉันเหรอน้ำริน…”
เสียงเข้มพึมพำในลำคอ ขบกรามแกร่งเข้าหากัน แววตาวาวโรจน์น่าเกรงขาม
สองมือกำหมัดแน่นจนคนมองหวาดกลัว…
“ดี! หนีได้หนีไป แต่ถ้าฉันเจอเธอเมื่อไหร่ อย่าหวังว่าชาตินี้จะได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย!!!”
วาจาเคียดแค้นประกาศก้อง