ผ่านมาสองเดือนหลังจากเกิดเหตุโจรขึ้นตำหนักฮ่องเต้ 'หวังผา' หัวหน้าขององครักษ์เงาทั้งห้า วันนี้สิ่งทำให้เขาตกใจด้วยเหตุที่ 'เสี่ยวม่อ' บุรุษทหารเงาผู้ที่สี่มาขอยกเลิกการติดตามพระสนมอิงฮวา
"พวกเจ้ามีอะไรจะบอกข้าหรือไม่" ทุกคนมักจะมาหาเขาและขอเปลี่ยนคนเฝ้า หลังจากที่รายงานว่าพระสนมอิงฮวาหลงป่า ทำให้เขาตัดสินใจถามด้วยความสงสัย
"ไม่มีขอรับ!!" ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกันแต่สายตากลับหลบหน้าเขาหมด
"ช่างเถิดวันนี้พวกเจ้าไปจับตาดูพระสนมกับข้า ยังไงก็ยังไม่มีภารกิจในตอนนี้" หวังผาพูดพร้อมเก็บอาวุธของตน เหล่าทหารเงาที่เหลือต่างพากันมองหน้ากันไปมา แต่ก็ต้องยอมทำตามคำสั่งของหัวหน้าตน
ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนดึกสงัด เงาทั้งห้ามาถึงตำหนักฮวาที่เงียบสนิท มองหาเจ้าของตำหนักกลับไม่เห็นแม้แต่เงา
"หรือว่าพระองค์จะเป็นหัวขโมยผู้นั้นจริงๆ" หวังผาพูดพร้อมกับเดินหาไปทั่ว น่าแปลกที่ทั้งตำหนักมีเพียงฟูกนอน และอ่างอาบน้ำไม้ผุ ๆ เพียงเท่านั้น
"พระสนมมิใช่ขโมยหรอกขอรับ ถ้าเวลานี้ไม่อยู่ก็แปลว่า..." ซีชวนเผลอค้านขึ้น แต่ต้องหยุดคำพูดของตนลง สายตาอีกสามคู่มองมาทางเขาคล้ายจะฆ่าฟันกัน
"ว่าอะไร" แรงกดดันจากคนอายุมากกว่าทำให้ทั้งสี่ต้องยอมจำนนอย่างเสียไม่ได้
"ตามพวกข้ามาขอรับ" มู่ชิงพูดพร้อมน้ำตาก่อนจะพากันวิ่งออกนอกวังตรงไปยังทางที่คุ้นเคย
"ท่านหลิวรุนแรงเกินไปแล้วนะเจ้าคะ" น้ำเสียงหวานเหนียมอายของหญิงสาวเอ่ยขึ้น ขณะนอนกอดบุรุษร่างบางอีกคนที่ปิดบังใบหน้าบนเตียง
ทั้งห้ามาถึงที่หอโคมแดงเห็นคนที่ตนตามหากำลังนอนกอดหญิงสาวอยู่ หวังผากระโดดลงไปตรงหน้าของพระสนมทันที ทำให้เหล่าลูกน้องต้องลงตามมาอย่างเสียไม่ได้
"พระสนมพ่ะย่ะค่ะ ทรงทำสิ่งใดอยู่!!" จากความอ่อนโยนปกติ ตอนนี้น้ำเสียงแข็งกร้าวปนตกใจกับภาพตรงหน้า ยิ่งลงมาเห็นภาพมันก็ยิ่งชัดเจน
"กรี๊ดด" หญิงสาวร่างเล็กตกใจเมื่อเห็นชายตัวใหญ่ทั้งห้าเข้ามาในห้อง ทำให้อิงฮวาต้องโอบปลอบพลางคลุมผ้าให้
"ใจเย็นก่อนเหมยเหมย พวกนี้เพื่อนข้าเองเจ้าออกไปก่อน" หญิงสาวพยักหน้ารีบคลุมผ้าวิ่งออกไปทันที
"เฮ้อออ วันนี้พวกเจ้ามากันครบเลยหรือ นึกว่าล้มเลิกเรื่องติดตามข้าไปแล้ว" ดวงตาสีเทากวาดตามองสี่คนที่คุ้นหน้าคุ้นตาข้างหลังหวังผา
"เรื่องนี้ใช่หรือไม่ที่พวกเจ้าพากันปิดบัง" หวังผาหันมาด่าทั้งสี่ต่อ ทั้งหมดพากันพยักหน้ารับรัว ๆ โดยที่หลบสายตาของอิงฮวาอย่างร้อนรน
"หากฝ่าบาทรู้เรื่องที่พวกเจ้าช่วยพระสนมปิดบัง คงไม่พ้นโทษอาญาเป็นแน่" หวังผาส่ายหัวไปมา มองพระสนมที่ดื่มน้ำโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
"เก็บเรื่องเจ้าพวกนั้นไว้เถิด ข้าบังคับไม่ให้บอกเอง" อิงฮวาเห็นท่าทางที่น่าสงสารแล้วจะให้ปล่อยผ่านก็ไม่ได้ ไหน ๆ เรื่องนี้เขาเป็นคนก่อก็คงต้องยอมรับไป
"แต่ว่า..."
"ไม่มีแต่เรื่องนี้เป็นความผิดข้าคนเดียว ข้ารับผิดเอง" พูดจบเขาก็กลับวังทันที โดยมีอีกห้าชีวิตตามมาราวกับกลัวเขาจะหนีหายไป
------
ตอนนี้อิงฮวากำลังนั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ ที่ยังคงทำใบหน้าบึ้งตึงเช่นเดิม ดวงตาสีเทากลอกไปมาอย่างเบื่อหน่าย เขากำลังนั่งฟังอีกคนบ่นมาหลายนาทีแล้ว
"เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าตนอยู่ในตำแหน่งใด" เทียนเป่ามองอีกฝ่ายที่ไม่มีท่าทีเกรงกลัวอะไร
"พ่ะย่ะค่ะ"
"แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้ไปหอนางโลมทั้งที่เป็นถึงพระสนมของข้า"
"กฎบ้านกฎเมืองลงไว้เพียง สตรีที่มีสามีแล้วห้ามคบชู้สู่ชาย แต่ข้าหาใช่สตรีไม่เหตุใดถึงทำไม่ได้ อีกอย่างข้าก็เป็นเพียงสนมในนามเพียงเท่านั้น ไม่เคยเกี่ยวข้องกับฝ่าบาทเลยพ่ะย่ะค่ะ" น้ำเสียงหวานอิงฮวาพูดค้าน สายตาจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัวอะไร ทำให้เหล่าทหารเงาลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่
"แต่เจ้าก็ถือว่าเป็นภรรยาข้า!"
"แค่ในนามพ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างเราไม่เคยเกี่ยวดองกันแม้แต่น้อยทำไมพระองค์ต้องมาสนใจกระหม่อมด้วย"
"บังอาจ!! ทำผิดยังคิดต่อปากต่อคำกับข้าอีกหรือ" เทียนเป่าตะคอกออกมาด้วยความโกรธ แต่ไม่ได้ทำให้อิงฮวาหวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่พวกทหารเงานี่สิที่เหงื่อแตกกันจนเปียกท่วมตัว
"ข้าทำผิดตรงไหนกัน ฝ่าบาทไม่ได้ใส่ใจข้าให้เหมาะสมกับตำแหน่ง มีอย่างที่ไหนที่สนมไปขุดดอกไม้ที่อื่นมาปลูกเอง ต้องนอนบนฟูกบาง เครื่องเรือนสักชิ้นก็ไม่มี หากเป็นสนมแล้วมีชีวิตลำบากเช่นนี้สู้ปลดข้าออกแล้วขับไสออกจากวังเสียก็สิ้นเรื่อง!"
อิงฮวาพูดออกมายาวเหยียดหลังจากเก็บกดมานาน กล้ายังไงมาอ้างเรื่องที่เขาเป็นสนมแบบนี้ สนมที่ไหนมีชีวิตลำบากแบบนี้ล่ะ ไม่มีแล้ว!
"อิงฮวา!" เทียนเป่าพูดเสียงลอดไรฟัน ขมับมีเส้นเอ็นปูดบ่งบอกถึงความโกรธ แรงกดดันตลบทั่วห้องทำให้เริ่มหายใจลำบาก
"แหม จำชื่อกระหม่อมได้แล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ" อิงฮวาไม่หยุดความกวนประสาทของตน
เทียนเป่าสะกดอารมณ์ของตนเองอย่างยากลำบาก จ้องมองดวงตาสีเทาที่จ้องกลับอย่างหัวเสีย ก่อนจะเริ่มกลับมาพูดเรื่องเดิมต่อ
"อย่างไรเสียเจ้าก็กระทำความผิด หากไม่ลงโทษคงจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับสนมคนอื่น กงกงนำตัวสนมอิงฮวาออกไปโบยสองร้อยไม้" เทียนเป่าพูดพร้อมด้วยสายตาที่สว่างวาบ ราวกับกำลังมองดูเรื่องสนุกอยู่
พวกทหารเงาและนางกำนัลพากันมองหน้าไปมา ที่จริงแค่การโบยสิบไม้ก็ทำให้ทรมานแล้วนี่ถึงสองร้อยไม้ แม้จะเป็นพวกทหารยังต้องนอนรักษาตัวนานนับเดือนกว่าจะลุกขึ้นได้
"ขอบพระทัยฝ่าบาท" อิงฮวาก้มลงทำความเคารพด้วยอารมณ์ปกติราวกับไม่ได้กลัวในคำสั่งนั้น แล้วเดินออกมาด้านนอกทันที เขาล้มตัวนอนคว่ำลงบนแท่นโบย
จ้องมองคนโบยคล้ายจะหมั่นไส้เขาเต็มที่ พร้อมกับหวดไม้หนาลงที่หลังบางทันที เสียงโบยไม้ด้านนอกดังเข้ามาภายในตำหนักเป็นระยะแต่กลับไม่ได้ยินเสียงร้องของอีกคนดังออกมาเลย
"ฝากพวกเจ้าพาพระสนมกลับตำหนักด้วย"
"แล้วก็ส่งเครื่องเรือนไปที่ตำหนักฮวาจะได้เบิกบ่นเสียที" เทียนเป่าออกคำสั่งกับเหล่าทหารเงาและกงกง แล้วเดินกลับเข้าห้องบรรทมไป ทุกคนยืนงงกันอยู่ได้แต่เดินออกมารอพระสนมโดนโบยให้เสร็จ
เทียนเป่านั่งบนเก้าอี้หยกตัวใหญ่ข้างหน้าต่าง ตรงนี้มองลงไปเห็นหน้าตำหนักและเด็กหนุ่มได้ ดวงตาสีทองจ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตา ภาพดวงตาสีเทาที่ไม่เกรงกลัวอะไร กับเสียงต่อปากต่อคำทำให้มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาก่อนจะจางหายไป กลับมาเป็นใบหน้าสุขุมเช่นเดิน มองอิงฮวาตลอดไม่วางตา
"นี่กี่ไม้แล้ว ข้าง่วงรีบโบยให้เสร็จเสียที" อิงฮวาบ่นปนรำคาญ แต่เดิมเขาเป็นพวกที่โดนฝึกความเจ็บปวดทุกอย่างมาแต่เด็กอยู่แล้ว
ขนาดแขนขาดท้องทะลุเขายังไม่ร้องสักแอะ ทำให้จิตใจเขาอดทนต่อความเจ็บปวดได้ นี่แค่การโบยมันเบาสำหรับเขามาก
"เพิ่งไม่กี่สิบไม้ เจ้าทนไม่ไหวแล้วหรือไง" เสียงหยาบของคนโบยพูดเชิงเหยียดหยามแต่กลับมีอาการเหนื่อยหอบออกมา เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรหันไปหาทหารเงาห้าคนที่มองตาเขาปริบ ๆ แทน
"เฮ้ออ น่ารำคาญไปเสียหมด หากเจ้าพวกนี้โบยเสร็จปลุกข้าด้วยละกัน" อิงฮวาบ่นเสียงเนือย ๆ ดวงตาสีเทามองท้องฟ้าที่มืดมิด เวลานี้คงราวตี 2 ถ้านอนดึกดวงตาของเขาต้องคล้ำเป็นหมีแพนด้าแน่
ผ่านไปเกือบ 1 ชั่วยามอิงฮวาถูกปลุกเนื่องจากคนโบยครบเรียบร้อยแล้ว ปากหาวงัวเงียตื่นขึ้นมามองคนโบยหกชีวิตที่นั่งหอบหายใจกันอยู่ ก่อนจะหันมามององครักษ์เงาที่คล้ายจะเดินมาจับตัวเขา
"เหตุใดพวกเจ้าถึงยังไม่กลับกัน"
"กระหม่อมได้รับคำสั่งให้ช่วยพาพระสนมกลับตำหนักพ่ะย่ะค่ะ" ฝ่ายหวังผาพูดขึ้น เมื่อเห็นว่าเหล่าลูกน้องไม่กล้าสบตากับอิงฮวาเลย
"ตามใจพวกเจ้าเถิด" ขาเรียวเดินฉับกลับตำหนักไปเหมือนไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ เลย
ทั้งห้ามองหน้ากันด้วยความมึนงง ขนาดพวกเขาที่ฝึกฝนตนมา ร่างกายแข็งแรงโดนไปเพียงร้อยไม้ก็ต้องมีอาการเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่อีกฝ่ายกลับเดินได้อย่างปกติ ทั้งที่แผ่นหลังโชกไปด้วยเลือดสีแดงสดที่ไหลหยดลงตามทางเดิน
กลับมาถึงตำหนักสภาพภายในเปลี่ยนไปราวกับคนละที่ จากสถานที่โล่งกลับมีข้าวของเครื่องใช้มากมายตกแต่งอย่างสวยงาม เขาดีใจเตรียมกระโดดนอนบนเตียง แต่นึกได้ว่าหลังตนมีเลือดไหลอยู่
เขาจึงเดินเข้าห้องอาบน้ำแทน อ่างเล็ก ๆ ถูกเปลี่ยนเป็นอ่างไม้ขนาดใหญ่ มีฉากไม้สลักลายสำหรับวางเสื้อผ้า ทุกอย่างมีครบครันราวกับไม่ใช้ห้องเดิม จัดการอาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาดแล้วเดินเข้านอนทันที
"เหนื่อยจังนะวันนี้" ดวงตาสีเทาค่อย ๆ ปิดสนิทลงอย่างง่ายดาย นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้นอนบนที่นอนนุ่ม ๆ เช่นนี้
ผ่านมาหลายวันหลังจากที่อิงฮวาโดนโบยมา ร่างกายเขาฟื้นตัวค่อนข้างเร็ว และตอนนี้เขากำลังนั่งมองหน้าสตรีนางหนึ่งที่คุกเข่าตรงหน้า นางถูกส่งมาจากฮ่องเต้เนื่องจากเหตุผลที่ว่าเขาไม่มีนางกำนัลเลย
"เจ้าเต็มใจจะมาดูแลข้างั้นหรือ" เขาพูดพลางลอบมองใบหน้าอีกฝ่าย นางมีอายุราว 16 ปี ใบหน้าน่ารักดวงตาสีน้ำตาลกลมโตดูน่าเอ็นดู 'เจ้าฮ่องเต้นั้นไม่รู้หรือไงว่าเด็กคนนี้ตรงตามที่เราชอบเลยนะ'
"พะ...เพคะ อันที่จริงหม่อมฉันได้ข่าวลือเรื่องท่านจากนอกวังมามากมาย เลยอยากจะรู้จักท่านให้มากกว่านี้ อ๊ะ...ขออภัยเพคะ" ปากเล็กน่ารักพูดลากยาวก่อนจะหยุดพูด รีบก้มลงกับพื้นเมื่อรู้ตัวว่าตนเริ่มพูดมากเกินไป
อิงฮวาไม่ได้ว่ากล่าวอะไรเพียงพยุงตัวอีกฝ่ายให้ยืนขึ้นเท่านั้น เขารู้มาว่ามีเพียงเด็กคนนี้ที่อาสามาดูแลเขาเพียงคนเดียว
"ไม่เป็นไรข้าชอบคนพูดมาก เจ้าชื่ออะไร" เขาพูดปลอบใจอีกคน
" 'หลานมี่' เพคะ" เสียงสดใสพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่ใสซื่อ
"เช่นนั้นจากนี้ข้าขอฝากตัวด้วยนะ" อิงฮวาพูดให้อีกคนเลิกเกร็ง ก่อนจะลูบหัวเล็ก ๆ ด้วยความเอ็นดู
ขณะที่อิงฮวานั่งเล่นอยู่หน้าตำหนักด้วยความอารมณ์ดี กลับมีมารผจญเข้ามาทักทายทำให้เขากลอกตามองบนรอบที่ร้อย
"อ้าว พระสนมอิงฮวาเหตุใดออกมานั่งตากแดดจนผิวกร้านเช่นนี้เล่า" น้ำเสียงแหลมของผิงเหอพูดขึ้น ฝ่ายอิงฮวาทำท่าทีไม่สนใจยิ่งทำให้ทั้งสองโกรธ
"ถวายบังคมพระสนมสาม พระสนมสี่เพคะ" หลานมี่รีบวิ่งมารับคนมาใหม่ทันทีรู้ว่าอีกฝ่ายมาทำอะไร ได้แต่ภาวนาให้ทั้งสองรีบออกไปสักที
"หึ นี่หรือคนชั้นต่ำที่อาสามาดูแลเจ้า" ฝ่ายบุรุษผู้มีตำแหน่งสนมลำดับสี่ 'หมิงอวี้' พูดขึ้นชายตามองหลานมี่เชิงเย้ยหยัน เหตุเพราะเด็กสาวเป็นเพียงคนยากจนจากในเมืองเท่านั้น
"ข้าว่าคนที่ชั้นต่ำคงจะเป็นคนอื่นที่ก้าวมาในเขตตำหนักข้ามากกว่า" อิงฮวาลืมตาขึ้นมองทั้งสองด้วยความรำคาญ เขาเพียงแค่อยากอยู่เงียบ ๆ เท่านั้น ยิ่งเห็นหลานมี่ยืนตัวสั่นอยู่ก็ยิ่งยอมไม่ได้
"เจ้าว่าใครชั้นต่ำ!" หมิงอวี้เดินมาพร้อมกับผิงเหอ ทั้งคู่เอื้อมมือมาจะจิกดึงผมสีน้ำตาล แต่กลับโดนเขาจับมือดักไว้ก่อน
"จะว่าไปแปลงดอกไม้ยังมีที่ว่างอยู่สินะหลานมี่" ขาเรียวเดินไปข้างตำหนัก มือยังดึงลากทึ้งผมของคนทั้งสองที่กรีดร้องอยู่ ฝ่ายเหล่านางกำนัลที่ติดตามทั้งสองมา เตรียมจะเข้ามาตบอิงฮวากลับโดนสายตาของเขาตวัดจ้องนิ่งจนทำให้ตัวสั่น
อิงฮวาโยนทั้งสองจนหน้าทิ่มลงไปในหลุมดินที่ว่าง ขนาดกว้างพอให้หัวคนเข้าไป เสร็จก็ใช้พลั่วตักดินใส่หัวทั้งสองที่กรีดร้องโวยวายเสียงดังอย่างน่ารำคาญ
"รดน้ำให้นะพวกเจ้าจะได้โตไวๆ" มือขาวหยิบบัวรดน้ำมาราดหัวทั้งคู่จนหน้าตาเละเทะเปื้อนดินโคลน เสียงกรี๊ดดังลั่นทำให้พวกนางกำนัลต้องรีบพาเจ้านายกลับตำหนักตนเอง
"ฝากไว้ก่อนไอ้คนชั้นต่ำ!" ทั้งสองตะโกนด่าทออิงฮวาเสียงดังก่อนจะโดนอุ้มกลับไป
"รีบมาเอาคืนเสียที มีคนฝากข้าเยอะเหลือเกินฮ่าฮ่าฮ่า" อิงฮวาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเดินไปนั่งเล่นต่อ เห็นเด็กสาวนางกำนัลของตนยืนเศร้าอยู่ มือเรียวเอื้อมไปลูบหัวอีกฝ่ายขยี้จนผมยุ่ง
"อย่าคิดมากนะหลานมี่ เจ้าเป็นคนของข้าอย่าใส่ใจคำพูดใครเลย" คำพูดอ่อนโยนทำให้เด็กสาวพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
"พระองค์ใจดีเหลือเกินเพคะ" หญิงสาวยิ้มตอบด้วยน้ำตา นางเกิดมากำพร้าครอบครัวต้องเป็นสาวรับใช้ตามโรงเตี๊ยมหาเลี้ยงตัวเองเท่านั้น
วันหนึ่งมีประกาศจากฮ่องเต้หานางกำนัลให้พระสนมลำดับห้าที่มีแต่คนรังเกียจในความอัปลักษณ์ ทำให้หลานมี่รู้สึกเห็นใจ หากชีวิตคนคนหนึ่งต้องอยู่คนเดียวถูกทุกคนรังเกียจคงจะเหงาน่าดู
แต่พอได้มาเห็นตัวตนที่แท้จริงของ อิงฮวากลับใจดีเกินกว่าที่คิดไว้ รวมทั้งจิตใจที่แข็งแกร่งที่ตอบโต้สนมคนอื่นที่มาระรานได้ทุกวัน
วันต่อมาอิงฮวากำลังยืนอยู่ที่ห้องโถงต่อหน้าเหล่าทหารขุนนาง สนมลำดับสามและลำดับสี่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมองเขาด้วยสายตาเยาะเย้ย
ฮ่องเต้มองลงมาทางเขาใบหน้าบึ้งตึง หลานมี่คุกเข่าคำนับอยู่ข้าง ๆ เขา ตัวเล็กสั่นราวกับลูกนก
"เจ้าก่อเรื่องไม่เว้นวันเลยนะสนมอิงฮวา" เทียนเป่ากุมขมับตนเองอยู่ เขาโดนผิงเหอกับหมิงอวี้มาโวยวายทั้งวัน เรื่องที่โดนเด็กหนุ่มกลั่นแกล้ง
"ข้าไม่ใช่ผู้เริ่มก่อนนะพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ท่านรู้เรื่องนี้มากกว่าผู้ใด" เขาตอบกลับนิ่ง ๆ เท่านั้น รู้ว่าอีกฝ่ายยังส่งทหารเงามาเฝ้าเขาเป็นระยะ พวกนั้นคงรายงานเรื่องนี้แล้ว
"ข้ารู้ดีเพียงแต่เจ้าอยู่เฉยๆไม่ได้หรืออย่างไร"
"หากมีคนด่าว่าฝ่าบาทเป็นคนชั้นต่ำ พระองค์ยังคงอยู่เฉยได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ" ดวงตาสีเทามองคนตรงหน้า ทุกคนในท้องพระโรงเงียบจนได้ยินเสียงหายใจ เหงื่อกาฬไหลออกมาตามขมับ มีใครจะกล้าพูดกับฮ่องเต้เช่นเด็กตรงหน้าบ้าง
"สนมอิงฮวา!" เสียงเรียกชื่อรอดออกมาตามไรฟันขาว จนเทียนเป่าต้องนั่งสงบสติอารมณ์ตน ไล่ให้ทุกคนออกไปก่อนจะปวดหัวไปมากกว่านี้
"เฮ้อมีวันไหนบ้างที่ข้าจะได้อยู่อย่างสงบ" ปากเรียวบ่นไป ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมบึ้งตึงตลอดทางเดิน อิงฮวารู้ว่าพระสนมคนอื่นล้วนเป็นคนโปรดของฮ่องเต้หมด แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะดึงสนมลำดับห้าเช่นเขาไปโดนด่าอยู่กลางผู้คนเช่นนั้น
"แต่หม่อมฉันชื่นชมพระองค์มากเลยนะเพคะ พระสนมทรงกล้าหาญที่พูดกับฮ่องเต้เช่นนั้น" หลานมี่พูดยกยอพระสนมของตนเอง
"อ่า...มีแต่เจ้าแหละที่เข้าข้างข้า" เขาหัวเราะชอบใจ หลานมี่ชอบทำตัวน่ารักเสมอ ทำให้เขาอยากกอดสักที