กล้าพูดแบบนั้นออกไปได้อย่างไรกันนะนุ่มนิ่ม แอบปลาบปลื้มเขามาตั้งนานก็รู้ทั้งรู้ว่ารุ่นพี่ดีกรีเดือนมหาวิทยาลัยแถมควบตำแหน่งเฮดว้ากอย่างเกียร์นั้นเป็นคนร้ายกาจเรื่องผู้หญิงขนาดไหน ตัวเองยังเป็นแค่ลูกกระต่ายหัดเดินด้วยซ้ำ หากโดนเสือขย้ำขึ้นมามีหวังไม่มีชีวิตรอด ได้ตายตรงนั้นจริง ๆ แน่นอน
“อ้าว อรุณสวัสดิ์ พี่คิดว่าเราไปเรียนแล้วซะอีก”
“พี่อัยย์... อรุณสวัสดิ์เช่นกันค่ะ วันนี้ก็มีเรียนเช้าเหมือนกันเหรอคะ” ตั้งแต่อาศัยอยู่ร่วมกันมาน้อยครั้งที่จะเจอเจ้าของคอนโดตื่นเช้าแบบนี้ เนื่องจากอีกฝ่ายนั้นเป็นพี่ปี 3 แล้วคงจะเหลือเรียนแค่วิชาเอกสำคัญไม่กี่ตัว ไม่เหมือนเธอที่ต้องเก็บวิชาพื้นฐานร่วมกับเพื่อนต่างคณะอยู่
แต่ว่าหลังจากวันนั้นนุ่มนิ่มก็ไม่ได้เจอเกียร์หรือพบเขาที่นี่อีกเลย เป็นไปได้มากว่าทั้งสองคนอาจจะนัดมีความสัมพันธ์กันที่อื่นซึ่งมันสะดวกใจกว่า คิดได้ดังนั้นเธอก็จำต้องลอบมองดาวคณะอีกครั้งด้วยความหลากหลายรู้สึกหลากหลาย พวกเขาคงจะเจอกันตั้งแต่ตอนนั้นหรือไม่ ทว่าไม่น่าแปลกใจนักหรอก
ก็รูมเมตนุ่มนิ่มสวยน่ามองไปทุกอากัปกิริยาขนาดนี้ แบบที่ว่าพี่ชายเธอยังแอบชอบอีกฝ่ายเลย
“พี่มีเวิร์คช็อปน่ะ เลยต้องเข้าเช้าหน่อย”
“อ๋อ หนูสั่งแซนวิชมาทานน่ะค่ะ พี่จะทานด้วยกันไหมคะ”
“ยังเช้าอยู่เลย พี่ไม่ค่อยสันทัดมื้อเช้าเท่าไหร่ค่ะ อีกอย่างไม่อยากแย่งเด็กที่กำลังโตทานหรอกนะ”
“...ทุกอย่างเลยไหมคะ”
เธอนิ่ง อัยย์ที่กำลังจะเอื้อมตัวไปหยิบแก้วสำหรับชงกาแฟเองก็เช่นกัน เอาอีกแล้วนะนุ่มนิ่ม คิดที่จะทำอะไรอยู่ จะให้เกียร์ที่ทำดีกับตัวเองหน่อยมามีผลต่อความสัมพันธ์รอบข้างแบบนี้ไม่ได้หรือเปล่า
จะมาคิดเป็นเด็กนึกหวงของทั้งที่ไม่ใช่ของตัวเองเลยด้วยซ้ำงั้นหรือ เพียงแค่เขาบอกว่าสนใจก็อย่าเหลิงได้ใจไปหน่อยเลย
“หมายถึงยังไง”
“ปะ...เปล่าค่ะ หนูแค่—”
“อะไรที่เป็นของคนอื่นพี่ไม่แย่งอยู่แล้วค่ะ แต่ถ้ามันเป็นของพี่... คงไม่ต้องเสียเวลายื้อแย่งกับใคร น้องนุ่มนิ่มว่าจริงไหมคะ”
จบประโยคเชือดนิ่ม ๆ เจ้าของคอนโดหรูเด็กอย่างเธอก็จำต้องกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ ไม่ไหวหรอก ไม่น่าจะไหวจริง ๆ อะไรที่นุ่มนิ่มคิดอยู่ตอนนี้ก็ควรจะหยุด เพราะแค่อัยย์คนเดียวที่รู้ว่าเป็นผู้หญิงของเขาก็ทำเอาหญิงสาวกลัวที่จะลงแข่งขันในสนามแล้ว
อยู่เป็นนุ่มนิ่มที่รักแค่ของอร่อยก็พอแล้วไหม เพราะถ้าต้องไปสู้รบปรบมือกับใครมีหวังคงจะได้น้ำตาเช็ดหัวเข่าจริง ๆ
แล้วเศษกระดาษคำใบ้ที่มีประโยคซึ่งอ่านแล้วเข้าไม่ถึงในมือนี่มันคืออะไร ต้องหาพี่สายรหัสให้เจอก็ว่ายากพอแล้ว ต้องมีลายเซ็นแลกเพื่อคำใบ้ต่อไปด้วยหรือ
“เชี่ยอะไรวะเนี่ย กูมาเข้าปี 1 ปะ ไม่ใช่มาไขปริศนาธรรม”
“ของมึงได้อะไร” เหมยหลินที่เห็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนกล่าวขึ้นจึงถามออกไป เรียกกลุ่มได้ไหม น่าจะได้แหละเพราะพวกเราก็มีกันเกินสองคนต่างจากวันแรกที่มีเพียงเธอกับเด็กตัวขาวข้างกายอย่างนุ่มนิ่ม เรียนภาคเช้าเสร็จก็ต้องมาหาพี่รหัสกันต่อ
“เปรียบกับพี่เป็นดั่งสปีชีส์ที่ยังเหลือรอด”
“อะไรวะน่ะ โคตรประหลาด พี่ในสาขาเรามีใครยังปกติดีกันอยู่ใช่ไหมวะ ไม่ใช่ว่าเรียนหนักจนสมองแม่งไปหมดละ”
“ใช่ไง แล้วพวกมึง... เอ่อ พวกเธอได้คำใบ้ว่าอะไร” นับหนึ่งชายแท้คนเดียวของกลุ่มสองสาวเลือกขยำกระดาษในมือทิ้ง เพราะเดี๋ยวหาไม่เจอรุ่นพี่ก็คงจะมาแสดงตัวกับพวกเขาเองนั่นแหละ ขออยู่เฉย ๆ คูล ๆ แบบนี้พอ
“คุยแบบที่มึงสะดวกเถอะ นุ่มนิ่มมันไม่ว่าอะไรหรอก แค่มันออกจะส่อสกุลหน่อย เป็นชายแท้ปี 1 ที่ปากดีสุด ๆ ในรุ่นละมั้ง”
“ก็กูใคร นับหนึ่งประธานรุ่นไงน้อง ๆ”
“กูละหมั่นไส้ ว่าแต่ของมึงได้ไรวะนิ่ม”
“ในกระดาษบอกว่าไม่ต้องหา แค่เอาลายเซ็นคนที่หล่อสุดในคณะส่งไปแลกในกรุ๊ปใหญ่ก็พอ”
“หล่อสุดในคณะ? คณะเราอะนะ เดือนเหรอวะ แล้วปีไหนหล่อสุด”
“โห แค่ปีเราก็หล่อเยอะแล้วปะวะ เช่นกูงี้”
“ไอ้หนึ่งมึงอย่ามั่นหน้า มึงหล่อก็จริงกูยอมรับ แต่ติดที่ปากดีเกินไป พี่ ๆ เขาเลยไม่เลือกมึงไปเป็นเดือนไง”
“ละไงต่อ ไม่ได้เดือนแต่กูใหญ่สุดในรุ่นปะครับ”
“จ้า รำคาญมึงจริง ๆ ไปซื้อน้ำมาให้ดิ้ พูดมากอยู่ได้”
“ใช้เก่ง เห็นว่าเป็นผู้หญิงหรอกนะ”
เหมยหลินกลอกตาให้ผู้ชายหนึ่งเดียวในกลุ่มที่ยอมลุกเดินไปซื้อน้ำดื่มให้ หันมองเพื่อนใหม่ข้างกายที่คงจะพูดไม่ทันพวกเธอ เอ่ยถามถึงสิ่งที่ยังไม่ได้ข้อสรุปในแซตหลายวันก่อน
“แล้วตกลงเรื่องคอนโดว่ายังไง กูขอแม่กับพ่อแล้ว เขาอนุญาตถ้าห้องมันว่างจริง ๆ”
“...หลินขอแล้วเหรอ”
นุ่มนิ่มเองก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท คิดว่าจะทนอยู่กับรุ่นพี่อย่างอัยย์ไปจนกว่าจะจบเทอมแล้วค่อยหาหอพักหรือคอนโดใกล้ ๆ แถวนี้ที่ยังว่างให้เช่า หลังจากนั้นค่อยคุยกับที่บ้านอีกที แต่ดันพิมพ์ชักชวนเพื่อนในข้อความไปแบบไม่ลงละเอียดจนอีกฝ่ายเข้าใจว่าคงจะสามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้เลย เพราะเหมยหลินนั้นอยู่บ้านเป็นหลักคงจะเหนื่อยที่ต้องตื่นเช้า ๆ มาเรียนให้ทัน
“ใช่ กูพร้อมขนของตลอดเวลาเลยเนี่ย อย่างที่บอกไปว่า ไปกลับนอนบ้านคงจะไม่ไหวแล้วว่ะ กูไม่คิดว่าคณะเราจะกิจกรรมกับเรียนเยอะขนาดนี้ แค่ปี 1 เองนะ กูจะตายละ รู้งี้ศึกษามาก่อนจริงจังก็คงจะดี ความมักง่ายเป็นเหตุแท้ ๆ เลย แต่พอเริ่มเรียนไปก็เสือกชอบซะงั้น งง”
“ได้ ๆ ขอนิ่มลองคุยกับเจ้าของเขาอีกรอบก่อนนะ แล้วจะบอกว่ายังไง”
“อะเค ระหว่างรอเข้ากิจกรรมต่อ กูจะนอนนะ ง่วง ถึงเวลาแล้วปลุกด้วย”
เธอพยักใบหน้าให้อีกฝ่ายว่าเป็นอันรับทราบ หันมองหานับหนึ่งก็เห็นว่ากำลังยืนพูดคุยกับเพื่อนในสาขาอยู่อย่างออกรสออกชาติ เลยทำเพียงแค่ผ่อนลมหายใจออกมา หลังจากที่ได้ลองเชิงกับอัยย์ไปแล้วก็ตั้งใจไว้ว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนพี่ชายอีกถ้าไม่จำเป็น
แต่ยังไม่ทันจะข้ามวันเลยด้วยซ้ำ ก็ตรงข้ามกับความตั้งใจแล้ว เอาอย่างไรดี ทว่าแค่เห็นเพื่อนที่ฟุบลงโต๊ะโรงอาหารในคณะแล้วเหมือนจะหลับไปเลยก็ต้องใจสู้กดเข้าช่องข้อความที่เคยแลกกดติดตามเกียร์เอาไว้
imyournumnim : พี่เกียร์ ว่างคุยไหมคะ
gearrr_ : หืม ว่าไงคะ
เจ้าชู้ เจ้าชู้ เจ้าชู้ ตอนนี้เธอเห็นแต่ความร้ายกาจของเขาผ่านข้อความไปหมด
imyournumnim : พอดีหนูกับเพื่อนอยากคุยเรื่องห้องหน่อยค่ะ พี่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ
gearrr_ : วันนี้ว่างหลังเที่ยงคืนไปเลยค่ะ หนูรีบไหม หรือจะมาเจอกันที่ร้านพี่ก่อน ช่วงเย็น ๆ
imyournumnim : ร้านเหล้าใช่ไหมคะ
gearrr_ : ใช่ค่ะ หนูเข้าได้หรือยัง แค่มาเจอพี่ก่อน ไม่ได้มาเที่ยวคงไม่เป็นไรค่ะ หมายถึงถ้าจะคุยกันวันนี้นะคะ
เธอเม้มริมฝีปากคิดหนักอีกรอบ แต่ได้รับปากกับเพื่อนไปแล้ว อย่างไรก็ต้องรีบคุย เพราะถ้าเขาเปลี่ยนใจปล่อยให้คนอื่นคงจะหาที่ใกล้ ๆ มหาวิทยาลัยไม่ได้แล้ว
imyournumnim : ได้ค่ะ สัก 6 โมงเย็นได้ไหมคะ พี่สะดวกหรือยังช่วงนั้น
gearrr_ : สะดวกค่ะ หรือถ้าหนูอยากจะขึ้นห้องเลยก็ไม่มีปัญหา :)
กำลังพิมพ์...
gearrr_ : หมายถึงว่า ให้พี่พาไปดูห้องนะคะ
TBC.