ร้านอาหารที่พวกเขาเลือกไปเป็นร้านอาหารร้านประจำที่ภูผากับอัคคีก็เคยมากินบ่อยๆ ตอนที่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับสามสาว ร้านแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลมากซึ่งเป็นร้านอาหารไทยที่มีบรรยากาศร่มรื่นแม้จะอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่และมีอาหารรสชาติอร่อยไม่แพ้กับหน้าตาที่สวยงามของแต่ละเมนูที่ถูกเสิร์ฟเลยสักนิด เจ้าของร้านเองก็สนิทสนมกับกลุ่มหนุ่มสาวเป็นอย่างดี เขาจึงเลือกที่นั่งที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวให้แก่กลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ด้วยความรู้ใจ
“ขอเร็วๆ อร่อยๆ เหมือนเดิมนะคะ” อัณณาปิดท้ายอย่างติดตลกเช่นทุกครั้งทำให้พนักงานเสิร์ฟยิ้มรับก่อนจะเดินจากไป
“กินเยอะๆ เลยนะคะพี่ภู ไปที่นู้นไม่มีอาหารไทยอร่อยๆ ให้กินได้บ่อยๆ นะคะ” อัณณาหันไปยิ้มประจบให้คนที่นั่งข้างกาย ภูผายิ้มรับบางๆ ก่อนจะลอบสังเกตอัคคีที่นั่งฝั่งตรงข้ามของเขาอีกครั้งที่ตอนนี้ยังคงมีแววตาขุ่นมัวซ่อนอยู่ไม่ต่างจากเดิม
“ดื่มน้ำหน่อยนะคะพี่คี อากาศร้อนๆ จะได้สดชื่น” ธาราที่นั่งข้างคนรักเอ่ยอย่างเอาใจ อัคคีจึงปั้นยิ้มให้ก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่มตามคำแนะนำของหญิงสาว
“รสเองก็ดื่มน้ำหน่อยไหม เราว่ารสหน้าซีดๆ มาสักพักแล้วนะ” ธาราหันไปใส่ใจหญิงสาวที่นั่งในอีกด้านของตน ภูผาจึงทันได้เห็นท่าทีชะงักงันของเพื่อนชาย
“ขอบใจจ้ะ ถ้ายังไงเราขอไปห้องน้ำก่อนนะ”
“ให้เราไปเป็นเพื่อนไหมรส”
“ไม่ต้องหรอกน้ำ ขอบใจนะ” รสสุคนธ์ส่งยิ้มก่อนจะรีบลุกออกไป อัคคีมองตามด้วยหางตาก่อนจะเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“เดี๋ยวพี่มานะคะน้ำ ขอโทรศัพท์หาคุณอรหน่อย” ชายหนุ่มเอาชื่อเลขาของตนขึ้นมาอ้างก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปอีกทางกับที่รสสุคนธ์เดินออกไป คนที่เหลือมองตามก่อนที่อัณณาจะเป็นฝ่ายหาเรื่องคุยเพื่อเรียกความสนใจของทุกคนกลับมาที่โต๊ะดังเดิม
“แล้วนี่พี่ภูจัดกระเป๋าแล้วหรือคะ”
“เรียบร้อยแล้วล่ะ”
“จะว่าไปก็คิดถึงตอนที่เราไปฮ่องกงด้วยกันนะน้ำ...” อัณณาเจื้อยแจ้วก่อนจะพากันรำลึกถึงความทรงจำร่วมกับธารา ภูผาจึงนั่งยิ้มคอยฟังอย่างเพลิดเพลินหากแต่ในดวงตากลับมีรอยครุ่นคิดบางอย่างก่อนจะค่อยๆ จางหายไป
อัคคีเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางเล็กๆ ของร้านที่สามารถเดินทะลุไปถึงห้องน้ำได้อีกเส้นทางหนึ่ง ชายหนุ่มแฝงกายอยู่สักพัก จนเมื่อเห็นร่างบางที่เป็นเป้าหมายเดินออกมาก็รีบไปยืนดักทางอีกฝ่ายเอาไว้จนคนที่ไม่ทันระวังต้องอุทานออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเผือดลง
“พี่คี...”
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ร่างสูงคว้าแขนเรียวก่อนจะกระชากอย่างแรงโดยไม่สนใจเสียงร้องของอีกฝ่าย เขาพาหญิงสาวไปในมุมลับตาก่อนจะหันกลับมาจับบ่าทั้งสองข้างของรสสุคนธ์ไว้แล้วจ้องหน้าเธอเขม็ง
“ฉันบอกให้เธอไปบอกยกเลิกงานแต่งงาน แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ ทำไมฉันต้องยังต้องแต่งงานกับเธออีก รสสุคนธ์!!!”
“รสขอโทษค่ะพี่คี รสขอโทษ” รสสุคนธ์ละล่ำละลักน้ำเสียงสั่นเทา “รสพยายามแล้วนะคะ แต่คุณพ่อไม่ฟังรสเลยแถมยังดุว่ารสอีก รส...รสขัดคุณพ่อไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ”
หญิงสาวก้มหน้าแต่อัคคีก็ทันได้เห็นหยดน้ำตาของอีกฝ่าย ร่างสูงก้าวถอยหลังค่อยๆ คลายมือออกช้าๆ มองคนตรงหน้าด้วยแววตาคาดไม่ถึง
“อะไรกัน...แม้แต่เธอ...”
“พี่คีจะโกรธจะว่าอะไรรสก็ได้ รสเข้าใจค่ะ แต่รสก็ขอร้องคุณพ่อแล้ว ในเมื่อท่านไม่ยอมฟังรส รสก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน รสขอโทษนะคะ รสขอโทษ” รสสุคนธ์คว้ามือหนาอีกฝ่ายมาเขย่าเพื่อแสดงถึงความสะเทือนใจ อัคคีได้แต่ขบกรามแน่น
“โธ่เว้ย!!! ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้วะ” อัคคีโวยวายพร้อมกับสะบัดมืออย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์ก่อนจะพยายามหายใจลึกๆ เพื่อรวบรวมสติแล้วหันกลับไปใช้มือข้างหนึ่งชี้หน้าหญิงสาว “เอาเป็นว่าตอนนี้เก็บเรื่องนี้ให้เป็นความลับต่อไปแล้วกัน เดี๋ยวพี่จะหาทางออกเอง จำเอาไว้...อย่าให้น้ำระแคะระคายเรื่องนี้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นพี่ไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่”
“ค่ะ รสเข้าใจค่ะ” รสสุคนธ์รับคำเนื้อตัวสั่นเทาขึ้นมาอีกครั้ง อัคคีไม่สนใจได้แต่ทำท่าฮึดฮัดเมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปดั่งใจ
“อยู่ที่นี่กันนั่นเอง” เสียงของธาราที่ดังขึ้นมาทำให้ลมหายใจของอัคคีสะดุด ชายหนุ่มตัวชาวาบก่อนจะพยายามหันไปปั้นยิ้มให้คนรักสาวที่กำลังเดินตรงมาหาเขา
“ตายจริง รสเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมร้องไห้แบบนั้นล่ะ” ธาราโผเข้าหาเพื่อนของตนด้วยความตกใจ ภูผาที่เดินตามมาก็อดไม่ได้จึงหันไปมองทางเพื่อนของตนด้วยความสงสัย อัคคีหลบสายตาก่อนจะถลาเข้าไปโอบธาราอย่างแนบเนียน
“คือรสเขาปวดหัวน่ะค่ะ พี่ก็เลยพามานั่งพักแถวนี้เผื่อจะดีขึ้น”
“ชะ...ใช่จ้ะ ตอนนี้เราปวดหัวมากเลยล่ะ” รสสุคนธ์รีบตอบรับเมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาคาดโทษที่อัคคีส่งมาให้ ธารานิ่วหน้าแม้จะรู้สึกแปลกๆ บ้างแต่ก็เลือกที่จะมองข้าม
“โธ่...ไม่สบายจริงๆ ด้วย แล้วนี่ไหวหรือเปล่า ไปโรงพยาบาลไหมรส เดี๋ยวเราพาไป”
“ไม่เป็นไรหรอกน้ำ ไม่เป็นไร”
“คือรสเขาดีขึ้นแล้วล่ะค่ะน้ำ” อัคคีรีบแทรกขึ้นเพื่อเรียกความสนใจกลับมาที่ตน “ว่าแต่ทำไมอยู่ๆ น้ำถึงตามมาถึงที่นี่ล่ะคะ”
“พอดีว่าอาหารเริ่มมาเสิร์ฟแล้วน้ำกับพี่ภูเลยพากันออกมาหาพี่คีกับรสเพราะเห็นหายกันไปนานและน้ำก็ยังเป็นห่วงรสอยู่ด้วย” ธาราหันไปมองรสสุคนธ์ที่เอาแต่หลบสายตาของเธอด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง อัคคีนึกกลัวจึงรีบตัดบทขึ้นมาอีก
“งั้นเรากลับเข้าข้างในกันเถอะค่ะ ไปกันเถอะรส” ชายหนุ่มทำทีเป็นช่วยพยุงรสสุคนธ์เพื่อเร่งให้กลับเข้าไปในร้านและหนีจากสถานการณ์ตรงนี้ ธาราเข้าช่วยอีกฝ่าย ภูผาที่นิ่งเงียบไปนานได้แต่มองและก้าวตามคนทั้งสามช้าๆ ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งที่ตัวเขาเองก็ยังหาสาเหตุไม่ได้