รสสุคนธ์ที่กำลังก้าวลงบันไดด้วยความรวดเร็วจำเป็นต้องหยุดชะงักเมื่อโทรศัพท์ส่วนตัวส่งเสียง หญิงสาวมองชื่อบนหน้าจอก่อนจะกดรับแล้วรีบสาวเท้าไปขึ้นรถตู้คันใหญ่ที่ถูกจอดรอเอาไว้ตรงบริเวณหน้าบ้านหลังใหญ่ของตน
“เห็นคนของลูกบอกว่าลูกจะไม่มาหาพ่อแล้วหรือ” เกรียงไกร บิดาของหญิงสาวเอ่ยถามโดยอ้างคำบอกเล่าจากลูกน้องฝีมือดีที่มีหน้าที่คุ้มครองบุตรสาวของตน รสสุคนธ์ชะงักเหลือบมองหน้าชายหนุ่มที่ขึ้นนั่งบริเวณด้านข้างคนขับรถก่อนจะเอ่ยตอบไป
“ใช่ค่ะคุณพ่อ ขอโทษนะคะที่รสไม่ได้บอกก่อน คือรสเปลี่ยนใจจะไปหาน้ำค่ะ พอดีว่ารสเพิ่งเห็นข่าวของน้ำ”
“น้ำ...อ๋อ...เพื่อนของลูกที่บริษัทของพ่อเขากำลังมีปัญหาใช่ไหม”
“เอ๊ะ...คุณพ่อก็รู้ด้วยหรือคะ”
“รู้สิลูก ข่าวใหญ่ขนาดนั้น ป่านนี้...คงจะ ‘ได้รู้’ กันทั่วถึงแล้วล่ะ” เกรียงไกรเน้นเสียงอย่างมีนัย แต่ปลายสายไม่ได้สังเกตและคิดเองว่าคงไม่น่าแปลกเท่าไหร่ที่คนที่มีตำแหน่งเป็นถึงรัฐมนตรีอย่างบิดาของเธอจะรับรู้และใส่ใจเรื่องนี้ด้วย
“ใช่ค่ะ รสเป็นห่วงน้ำเลยอยากจะเข้าไปหาสักหน่อย อยากไปให้กำลังใจน้ำน่ะค่ะ ต้องขอโทษจริงๆ นะคะที่สุดท้ายต้องผิดนัดคุณพ่อแบบนี้ ฝากขอโทษเพื่อนของคุณพ่อด้วยนะคะ”
“ไปเถอะลูก เพื่อนของลูกยังต้องการกำลังใจอีกเยอะเลยล่ะ” เป็นอีกครั้งที่เกรียงไกรตอบบุตรสาวด้วยคำพูดแปลกๆ จนทำให้รสสุคนธ์เริ่มเอะใจขึ้น
“คุณพ่อหมายความว่ายังไงคะ”
คนเป็นพ่อหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะบอกปัด
“ไม่มีอะไรหรอกอย่าสนใจเลยลูก ส่วนเรื่องของเพื่อนพ่อ ลูกไม่ต้องห่วงหรอกนะ เขาไม่โกรธลูกหรอก อีกอย่าง...ลูกกับเขาคงได้เจอกันอีกอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะน่าเสียดายที่ไม่ใช่วันนี้ แต่ในวันข้างหน้า ลูกกับเขาจะได้คุ้นเคยกันแน่”
“หืม...คุณพ่อพูดจาแปลกๆ อีกแล้วนะคะ รสเลยอยากรู้อีกแล้วว่าเพื่อนของคุณพ่อเป็นใคร แต่คุณพ่อคงไม่ยอมบอกอีกแล้วใช่ไหมคะ”
“อืม...พ่อขอเก็บไว้เป็นเซอร์ไพรส์ดีกว่า แต่เชื่อเถอะว่าลูกจะต้องดีใจที่จะได้มีโอกาสรู้จักกับเขา แค่นี้ก่อนนะลูก พ่อปล่อยให้เพื่อนของพ่อรอนานแล้วล่ะ”
“โห...ก็ได้ค่ะ แล้วเย็นนี้เจอกันค่ะ”
“จ้ะ เดี๋ยวเจอกัน” เกรียงไกรกดวางโทรศัพท์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างทุกครั้งที่ได้คุยกับบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขา รสสุคนธ์คือแก้วตาดวงใจดวงเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตจนทำให้เขาทุ่มเทและสามารถทำทุกอย่างเพียงเพื่อให้เด็กสาวได้สมหวังในสิ่งที่ฝันไว้ ทุกอย่าง...ไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตาม ชายวัยกลางคนลดยิ้มบนใบหน้า ดวงตาเคร่งขรึมเมื่อสังเกตเห็นคนที่เขานัดหมายที่กำลังนั่งรออยู่ในมุมส่วนตัวในร้านอาหารหรู เขาวางตัวให้ดูมีอำนาจมากขึ้นก่อนจะเอ่ยทักทายอีกฝ่ายที่มีท่าทีนอบน้อมและกระตือรือร้นทันทีที่ได้เจอเขา
“สวัสดีครับท่าน” อรรถพลที่ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งส่งเสียงทักอีกฝ่ายก่อนจะทำความเคารพ เกรียงไกรพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะนั่งลงในที่นั่งตรงกันข้ามที่ลูกน้องเลื่อนเก้าอี้ให้แล้วอรรถพลจึงนั่งลงตาม
“มานานแล้วหรือคุณอรรถ”
“ไม่นานหรอกครับท่าน ผม...”
เสียงโทรศัพท์ของอรรถพลดังขึ้น เจ้าของมีสีหน้าลำบากใจทำท่าจะกดตัดสายแต่เกรียงไกรห้ามไว้เสียก่อน
“รับก่อนเถอะคุณอรรถ บางทีอาจจะเป็นเรื่องด่วนนะ”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวสักครู่นะครับ” อรรถพลลุกขึ้นก่อนจะปลีกตัวออกไป เกรียงไกรมองตามคอยจับสังเกตอีกฝ่ายจนได้เห็นสีหน้าลำบากใจและดูหงุดหงิดของคู่นัดหมายของเขา คนมองยกยิ้มขึ้นมุมปากเมื่อได้ยินบางประโยคที่ทำให้พอจะนึกเดาสถานการณ์บางอย่าง
“เฮ้อ...ฉันจะลองดูก็แล้วกัน จะพยายามเต็มที่ไม่ต้องห่วงนะเพื่อน เออๆ แค่นี้ก่อนนะพอดีฉันมีธุระ เดี๋ยวค่อยคุยกันอีกที”
“มีอะไรหรือคุณอรรถ ท่าทางคุณดูไม่ดีเลยนะ” เกรียงไกรหยั่งเชิงเมื่ออรรถพลวางสายและกลับมานั่งที่โต๊ะเหมือนเดิม
“เพื่อนผมน่ะครับ คนที่ท่านเคยเตือนผมเรื่องธุรกิจของเขา อยู่ๆ ก็จะมาขอให้ผมช่วย คิดว่าผมเป็นซุปเปอร์แมนหรือยังไง” อรรถพลส่ายหัวท่าทางเหนื่อยหน่ายใจ คนมองลอบยิ้มก่อนจะเอ่ยต่อ
“อะไรกัน...นั่นเพื่อนสนิทของคุณไม่ใช่เหรอ อีกอย่างเห็นลูกสาวของผม...รสสุคนธ์น่ะ เล่าให้ฟังอยู่ว่าลูกชายของคุณกับลูกสาวของเพื่อนของคุณก็วางแผนที่จะแต่งงานกันแล้วนี่”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับท่าน” อรรถพลรีบปฏิเสธ “เรื่องระหว่างตาคีกับน้ำเขาก็แค่ความรักตามประสาเด็กๆ เท่านั้นแหละครับ ถึงยังไงความเห็นของผู้ใหญ่อย่างเราย่อมสำคัญกว่าอยู่แล้ว จริงไหมครับท่าน”
พูดจบก็สบตาอีกฝ่ายเพื่อสื่อความหมายบางประการ คู่สนทนาไม่ตอบหากแต่ยกยิ้มเพียงบางเบาเท่านั้น
“ว่าแต่...พูดถึงหนูรส เดี๋ยวก็คงจะตามมาใช่ไหมครับ”
“ลูกสาวผมเขาติดธุระด่วน คงมาไม่ได้แล้ว เห็นว่าจะไปให้กำลังใจเพื่อนของเขา...น้ำ...ลูกสาวของเพื่อนคุณไง”
คนฟังหน้าเสียไปเล็กน้อย ก่อนจะปรับใบหน้าให้กลับมามีรอยยิ้ม
“แหม...น่าเสียดายจังเลยนะครับ เลยยังไม่มีโอกาสได้เจอกันเสียที”
“นั่นสินะ...ลูกสาวของผมเองก็เคยพูดถึงลูกชายของคุณอยู่เหมือนกัน ถ้ามีโอกาส...ผมเองก็อยากรู้จักกับลูกชายของคุณเอาไว้บ้าง”
“จริงหรือครับ ผมจะรีบสร้างโอกาสนั้นให้เร็วที่สุดเลยครับท่าน”
เกรียงไกรยิ้มรับ พยักหน้าพอใจกับท่าทีตอบรับของอีกฝ่ายที่มีให้อย่างรวดเร็ว
“พูดถึงลูกสาวผม อีกไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบแล้ว ไอ้งานที่ผมทำท่าทางก็ไม่เหมาะกับเขาเท่าไหร่ ถ้ายังไงขอฝากให้ลูกชายของคุณช่วยสอนงานให้หน่อยได้ไหมล่ะ”
อรรถพลตาวาวทันที หัวใจเต้นรัวเมื่อเห็นว่าเส้นทางของตนเปิดกว้างขึ้นอีกหนึ่งเส้นทาง
“ด้วยความยินดีครับท่าน ท่านไม่ต้องห่วง ผมจะให้เจ้าคีดูแลหนูรสอย่างดีเลยแหละครับ”
“ดีมาก...ผมจะถือว่านี่คือคำสัญญาจากคุณนะ” เกรียงไกรเน้นเสียงในเชิงข่มขู่ แต่คนฟังไม่นึกกลัวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นกว่าเดิม
“ได้ครับท่าน ผมสัญญา”
อีกฝ่ายพยักหน้าพอใจก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อไปยังเรื่องที่ทำให้ดวงตาของผู้ร่วมโต๊ะเรืองรองมากกว่าเดิม
“เอาล่ะ...ทีนี้เราก็มาเริ่มคุยเรื่องงานประมูลที่คุณต้องการนำเสนอมาได้เลย”