บทนำ
บทนำ
ประกายดาวอ่านทวนเอกสารเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะส่งคืนให้กับทนายความ อีกฝ่ายขยับแว่นตาเล็กน้อยแล้วเอ่ยถาม
“หนูดาวอยากให้ผมแก้ไขตรงไหนอีกไหมครับ”
หญิงสาวยิ้มตอบเล็กน้อยพลางส่ายหน้า
“เรียบร้อยดีแล้วค่ะ หลังจากนี้ดาวรบกวนคุณอาช่วยจัดการส่งเอกสารให้พี่อาร์มด้วยนะคะ”
ทนายสัญชัยรับคำ จากนั้นเขาจึงกลับออกไป หญิงสาวกวาดตามองไปรอบบ้านที่อยู่อาศัยมาเป็นระยะเวลากว่าห้าปีสูดลมหายใจเต็มปอด ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกจากห้องทำงาน แต่เมื่อก้าวออกไปก็ได้พบกับมารดาของอารัญที่นั่งรออยู่บนรถเข็นพร้อมสาวใช้อีกสองคนรวมทั้งแม่บ้านที่มองมายังหญิงสาวด้วยนัยน์ตาแดงเรื่อ
“คุณแม่” ประกายดาวสบตาคุณอัญชัน แล้วมองไปยังคนอื่นๆ
“หนูดาวจะไปจริงๆ เหรอ จะทิ้งแม่กับแม่พวกนี้ไปจริงๆ น่ะเหรอ”
คนถูกถามนิ่งงันไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นตรงหน้ารถเข็นของคุณอัญชัน
“ดาวไม่ได้อยากทิ้งคุณแม่กับพี่ๆ ไปไหนหรอกนะคะ แต่นี่มันก็สมควรแก่เวลาแล้วจริงๆ ในเมื่อพี่อาร์มไม่คิดจะกลับมาเหยียบที่นี่อีก ดาวก็คิดว่าควรจะไปเสียที ชีวิตคนเราจะต้องก้าวต่อไปค่ะคุณแม่ ไม่ใช่หยุดนิ่งอยู่กับที่หรือว่าเดินถอยหลัง ดาวอยากให้คุณแม่เข้าใจในจุดนี้ด้วย เห็นใจดาวเถอะนะคะ”
คุณอัญชันข่มเสียงสะอื้น ท่านรักและเอ็นดูประกายดาวมาก วาดหวังว่าเมื่อได้หญิงสาวเข้ามาเป็นสะใภ้ ครอบครัวของท่านจะกลายเป็นครอบครัวใหญ่ที่แสนอบอุ่น ลูกชายจะอยู่ติดบ้านมากขึ้น มีหลานๆ สองสามคนคอยส่งเสียงให้คนแก่สดชื่น มีชีวิตชีวา
แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น แต่งงานกันวันเดียว อารัญก็ออกจากบ้านและไม่กลับเข้ามาอีก ตรงกันข้ามกับประกายดาวที่ทำหน้าที่ลูกสะใภ้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่นับวันหญิงสาวก็ยิ่งเงียบ ทุกอย่างดูแย่ลง ในที่สุดเรื่องที่ท่านไม่อยากให้เกิดก็เกิด ลูกสะใภ้ของท่านตัดสินใจหย่าขาดจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวน เรียกว่าหย่ากันโดยที่ยังไม่ได้ร่วมหอกันสักครั้งก็คงไม่ผิดนัก
หากจะมีใครสักคนผิด ก็คงเป็นท่านที่ทำผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งต้องเสียเวลาไปถึงห้าปีเต็มกับผู้ชายที่ไม่ได้สนใจหล่อนเลย
“แม่ขอโทษนะหนูดาว หนูควรได้เจอกับคนที่ดีกว่าพี่อาร์ม ลูกชายของแม่มันมีตาแต่หามีแววไม่ มีเพชรอยู่ในมือแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่สนใจไยดี”
หญิงสาวส่ายหน้า พลางตอบ
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ พี่อาร์มไม่ได้เป็นแบบนั้น ดาวมั่นใจว่าเขาเป็นผู้ชายที่ฉลาดพอและรู้ว่าใครที่เหมาะกับเขามากที่สุด กับดาว พี่อาร์มคงไม่ได้คิดว่าไม่ดี แต่แค่รู้สึกว่าไม่เหมาะกับเขาเท่านั้น ดาวยังไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาต้องการร่วมชีวิตด้วย”
คำตอบของประกายดาวชัดเจนจนทำให้ทุกคนได้แต่เงียบงัน หญิงสาววางมือลงประกบมือคุณอัญชันแล้วกล่าวออกมา
“ดาวต้องไปแล้ว คุณแม่กับพี่ๆ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ แต่ดาวมั่นใจว่าอีกไม่นานพี่อาร์มคงกลับมา ถ้ารู้ว่าดาวไปแล้ว”
หญิงสาวกราบคุณอัญชันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวตรงไปยังประตูแล้วหยุดนิ่งด้วยความรู้สึกใจหาย ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา หล่อนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่กับทุกคนอย่างสงบสุข แม้จะเป็นภรรยาที่สามีไม่ยอมรับ แต่ไม่ใช่กับทุกคนในบ้านที่รักและเอ็นดูหล่อน เมื่อต้องจากไปทำให้ใจหายอยู่เหมือนกัน
หญิงสาวสูดลมหายใจเอาอากาศที่นี่เข้าปอดเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะตัดใจและก้าวออกไปจากชีวิตของทุกคนในที่สุด
บนเตียงขนาดคิงไซซ์ มีร่างสูงใหญ่ของใครบางคนกำลังนอนหลับ ที่นี่คือเพนต์เฮาส์ส่วนตัวของอารัญ รัตนหิรัญ เป็นอาณาจักรของเขาที่ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาเหยียบย่าง เป็นที่ที่เขาจะมีเอาไว้เพื่อพักผ่อนหย่อนใจและหลบลี้ผู้คน บุคคลที่เขาอนุญาตให้เข้าออก ณ ที่แห่งนี้ได้มีเพียงทนายความส่วนตัวกับแม่บ้านเท่านั้น
อารัญลืมตาตื่นจากความฝันแสนยุ่งเหยิง นานเท่าไรแล้วที่เขาไม่ฝันถึงภรรยาตัวน้อย ใบหน้าหวานแฉล้มที่มารดาจับยัดใส่มือของเขาทันทีที่เหยียบย่างถึงแผ่นดินไทย เขาก็แต่งให้เหมือนกันโดยไม่คิดจะโวยวาย แต่ทันทีที่งานมงคลสมรสแสนยิ่งใหญ่จบลง เขาก็เดินออกจากบ้านใหญ่ของมารดาแล้วไม่กลับไปเหยียบที่นั่นอีก แม้ว่าท่านจะเพียรส่งคนมาตามเขากลับไปครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ชายหนุ่มไม่คิดจะทำตามความต้องการของท่านอีกเป็นครั้งที่สอง เขาจะแต่งงานกับใครก็ได้ทั้งนั้นบนโลกใบนี้ แต่กับผู้หญิงที่เขาจะอยู่ด้วยจะต้องเป็นคนที่เขาเลือกเท่านั้น
เขาจึงแต่งงานกับผู้หญิงที่แม่หาให้ แต่เลือกอยู่กับผู้หญิงที่เขาพอใจแทน...
แต่แล้วจู่ๆ วันนี้เขากลับฝันถึงแม่แน่งน้อยหน้าหวานคนนั้นขึ้นมาโดยที่ไม่ได้คิดถึงมาก่อน
ชายหนุ่มสะบัดผ้าห่มผืนหนาพ้นตัว คลึงหัวคิ้วอยู่สักพัก ก่อนจะผุดลุกจากเตียงแล้วตรงไปยังห้องน้ำ
ธนินท์ คือทนายความส่วนตัวของอารัญ ที่ไม่ได้เป็นแค่ทนายแต่เขายังรับหน้าที่เลขาฯ ส่วนตัวของชายหนุ่มอีกด้วย กำลังนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกพร้อมกับเอกสาร เงยหน้าขึ้นทันทีที่ร่างสูงเดินออกมาจากห้องนอน
“มานานหรือยัง” ชายหนุ่มเอ่ยถามทนายความคนสนิท ที่อายุอานามเท่ากันกับเขานั่นคือสามสิบห้าปี เป็นทนายความฝีมือดี ฝีปากจัดจ้านและฉลาดเป็นกรด เพราะความเก่งกาจเช่นนี้ อารัญจึงไม่รีรอที่จะเลือกให้มาอยู่ข้างกาย เพื่อเป็นมือเป็นสมองให้เขาในบางครั้ง
“สักพักครับ”
อารัญรินกาแฟให้ตนเองก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งลงบนโซฟากลาง หลุบตามองเอกสารที่ฝ่ายนั้นเลื่อนมาให้เขาตรงหน้า
“มีอะไรแต่เช้า” เขาสบตาทนายความคู่ใจแวบหนึ่ง ก่อนยกแก้วกาแฟขึ้นจิบด้วยท่าทางเบื่อหน่าย
ธนินท์ยกยิ้มเล็กน้อยก่อนรอยยิ้มจะคลายลงเมื่อตอบคำถามคนที่เป็นกึ่งเจ้านายกึ่งเพื่อน
“เมื่อวานตอนบ่าย ทนายสัญชัยให้เลขาฯ ส่งเอกสารชุดนี้มาให้คุณอาร์ม เป็นเอกสารจากคุณดาวครับ”
คนที่กำลังจะวางแก้วกาแฟลงมีอาการชะงักไปเล็กน้อย ก่อนวางแก้วแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนพูด
“จากเด็กนั่นเหรอ”
“ครับ จากคุณดาว ภรรยาของคุณ” ธนินท์เอ่ยย้ำชื่อภรรยาในนามของเขา ทำให้อารัญตวัดสายตามองอย่างปรามอีกฝ่ายนิดๆ เพราะเขาไม่ชอบให้ใครเอ่ยถึงเด็กสาวนัยน์ตาแป๋วคนนั้นให้ได้ยิน แต่ธนินท์ไม่เคยทำตามกลับยกยิ้มราวจะยั่วอารมณ์ ก่อนจะเสหลุบตาลงมองแก้วกาแฟแล้วหยิบขึ้นมาดื่มบ้าง
อารัญไม่ค่อยสบอารมณ์นักแต่ก็หยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน เมื่อรับรู้ถึงใจความข้างในคนตัวโตก็ถึงกับนิ่งเงียบไปหลายอึดใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาทนายความของตนเองอีกหน
“พรุ่งนี้คุณอาร์มว่างตลอดช่วงบ่าย จะให้ผมนัดวันเวลากับคุณดาวเลยไหมครับ” ธนินท์เอ่ยถามอย่างมีประสิทธิภาพ และหากเป็นเรื่องอื่นๆ อารัญคงพยักหน้าทันที แต่กับเรื่องนี้อารัญยังคงเงียบงันอยู่เช่นนั้น สายตาคมกริบหลุบมองเอกสารในมือ ก่อนจะวางลงบนโต๊ะแล้วตอบออกมาสั้นๆ
“ติดต่อทนายสัญชัยให้ฉันที”
ธนินท์หรี่ตาแคบเมื่อเจ้านายกล่าวออกมาเช่นนั้น
“แล้วคุณดาวล่ะครับ”
คำถามของธนินท์ทำให้อารัญเริ่มตาขวางอีกหน ฝ่ายนั้นยิ้มน้อยๆ แล้วบอกเมื่อรับรู้ถึงสัญญาณอันตราย
“ผมจะรีบติดต่อคุณสัญชัยให้นะครับ”
อารัญมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเตือนว่าหากกวนประสาทเขาอีกหนได้เจอดีแน่
จากนั้นแม่บ้านวัยสี่สิบก็ก้าวเข้ามาพร้อมรถเข็นอาหาร ทั้งคู่ใช้เวลาบนโต๊ะอาหารเพียงครึ่งชั่วโมงจึงออกจากเพนต์เฮาส์ไปพร้อมกัน
ภายในห้องทำงานส่วนตัวของอารัญ ชายหนุ่มนั่งมองเอกสารชุดเดิมอีกครั้ง ไม่คิดว่าวันนี้จะมาเร็วกว่าที่คิด มารดาของเขาเคยย้ำหนักแน่นว่าไม่ต้องการผู้หญิงคนไหนเข้ามาเป็นสะใภ้นอกจากประกายดาว แต่เหตุไฉนจู่ๆ เด็กนั่นถึงส่งเอกสารขอหย่าผ่านทนายความมาให้เขาแบบนี้ บางทีหล่อนอาจเบื่อหน่ายชีวิตนกน้อยในกรงทองกระมัง
ในที่สุดความหวังของเขาก็เป็นจริง เขารอให้หล่อนเบื่อจนเป็นฝ่ายขอหย่าเองนี่แหละ
ชายหนุ่มยิ้มหยัน นี่อย่างไร ผู้หญิงที่มารดาหมายมั่นปั้นมือ เขาใช้เวลารอแค่สี่ห้าปีหล่อนก็ทนไม่ได้เสียแล้ว จะว่าไป เขาชักอยากจะเจอหน้าหล่อนขึ้นมาเสียแล้วสิ ไม่รู้ว่าจากวันนั้นถึงวันนี้ จะโตขึ้นสักแค่ไหน
เมื่อหวนคิดไปในวันแต่งงาน ก็ทำใจให้ร่วมหอกับเด็กนั่นไม่ได้สักที เขาไม่ได้มีรสนิยมชอบกินเด็กสักหน่อย เขาชอบประเภทรู้งาน เอาใจเก่ง ไม่ใช่เด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง แค่เขาปรายตามองก็สะดุ้งโหยง ยิ่งทำให้หงุดหงิด น่ารำคาญ
แต่ก่อนลาขาด เขาจะเซ็นเช็คให้สักก้อน เป็นค่าเสียเวลาที่ต้องมาจมอยู่กับคนแก่ในบ้านของเขาแทนที่จะเอาเวลานั้นไปทำอย่างอื่นที่คนวัยหล่อนทำกัน
อารัญรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยที่รู้ว่ากำลังจะได้เป็นอิสระ แต่แล้วภาพดวงตากลมโตที่มองตามเขาจนลับตาในวันนั้น กลับดึงรั้งให้สุขไม่สุด ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มารู้สึกผิดเอาตอนนี้