เที่ยงนั้น ทั้งอารัญและประกายดาวรับประทานอาหารด้วยกันเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี หญิงสาวแทบไม่อยากสบตาคนปากเสียเลยสักนิด แต่จำต้องทำตัวปกติเพราะไม่อยากให้คุณอัญชันไม่สบายใจ เพราะท่านดูดีใจมากที่ตนมาหา
“หนูดาว กินเยอะๆ นะลูก”
หญิงสาวยิ้มอ่อนหวาน พร้อมกับตักกับข้าวใส่จานให้กับผู้สูงวัย
“คุณแม่ก็กินเยอะๆ นะคะ”
อารัญมองหญิงต่างวัยทั้งสองคนด้วยสายตาเบื่อๆ เล็กน้อย
“อาร์ม ตักกับข้าวให้น้องหน่อยสิลูก” เหมือนคุณอัญชันจะนึกได้ จึงเงยหน้าขึ้นบอกลูกชายที่กินข้าวไปเงียบๆ ไม่ได้มีส่วนร่วมในเรื่องที่มารดากำลังพูดคุยกับประกายดาว
เขาสบตาคู่งามแวบหนึ่ง ก่อนจะตักกับข้าวใส่จานให้หญิงสาวตามคำร้องขอของมารดา คนตัวเล็กเอ่ยอุบอิบขอบคุณ
เมื่อรับประทานอาหารเรียบร้อยหญิงสาวอยู่คุยกับคุณอัญชันนานนับชั่วโมงจึงเอ่ยขอตัวกลับ เป็นอีกครั้งที่ท่านหันไปบอกให้สาวใช้ตามตัวบุตรชายที่ปลีกตัวออกไปสักพัก
“น้องจะกลับแล้ว” ท่านบอกเมื่อลูกชายมาถึง เขาสบตาประกายดาวแวบหนึ่งแล้วบอก
“ขอบใจที่แวะมาเยี่ยมแม่พี่นะ”
หญิงสาวยิ้มตอบเพียงเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรค่ะ ดาวยินดี” พูดจบก็หันไปยังคุณอัญชัน “กลับก่อนนะคะ ถ้ามีเวลาหนูดาวจะแวะไปเยี่ยมคุณแม่ที่บ้าน”
หญิงสาวพนมมือไหว้ท่าน ก่อนจะหันไปไหว้ชายหนุ่ม
“ขับรถดีๆ นะลูก” คุณอัญชันบอก หญิงสาวยิ้มหวานพลางรับคำก่อนก้าวออกไปเงียบๆ โดยมีสายตาของสองแม่ลูกนิ่งมองเช่นนั้น กระทั่งคุณอัญชันหันมากระแอมใส่ลูกชายเบาๆ
“เดินไปส่งน้องสักหน่อยสิอาร์ม”
คนที่นั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนกะพริบตาปริบๆ สองครั้ง ก่อนลอบผ่อนลมหายใจแล้วผุดลุกเดินตามร่างบอบบางออกไปทันที
“พี่อาร์มมีอะไรหรือเปล่าคะ” ประกายดาวที่เปิดประตูรถหันมาถามชายหนุ่มเมื่อเห็นเขาเดินตรงมา
“เปล่า แม่พี่สั่งให้พี่เดินมาส่ง”
คำตอบแบบตรงไปตรงมาของเขาทำเอาคนรอฟังนิ่งอึ้ง ก่อนทำเสียงรับรู้ในลำคอเบาๆ
“อ้อ” รอยยิ้มอ่อนๆ เผยขึ้นจากเรียวปากงดงามชั่วครู่ก่อนจางหาย “ขอบคุณนะคะ ดาวกลับแล้วค่ะ”
ชายหนุ่มยืนกอดอกมองหล่อนเข้าไปนั่งในรถ เขามีความคิดมากมายอยู่ในหัว ดวงตาคมกริบเฝ้ามองอยู่เช่นนั้น ขณะเดียวกันคนในรถก็รู้สึกทั้งหงุดหงิดและหมั่นไส้ เขาไม่เต็มใจเดินออกมาจะมาทำไม เมื่อก่อนไม่เคยเห็นคิดจะตามใจแม่ มาตอนนี้จะต้องฝืนใจตัวเองทำไม เห็นหน้าแล้วยิ่งทำให้รู้สึกว้าวุ่น พานอยากอาละวาด
หญิงสาวได้แต่คิดแล้วสตาร์ตรถ ครั้งหนึ่งก็แล้ว สองครั้งก็แล้ว สามครั้งก็แล้ว แต่รถเจ้ากรรมดันสตาร์ตไม่ติด กระทั่งลองครั้งที่สี่ กระจกรถด้านข้างหล่อนก็ถูกเคาะเบาๆ จึงลดกระจกลงพร้อมกับมองสบตาคนข้างนอก
“ขอพี่ลองหน่อย”
ไม่จำเป็นต้องให้เขาพูดซ้ำ หญิงสาวลงจากรถแล้วปล่อยให้เขาเข้าไปแทนที่ ลองสตาร์ตรถสองครั้งก่อนจะเดินลงไปแล้วเปิดกระโปรงรถ ทำอะไรอยู่สักครู่แล้วเงยหน้าขึ้นพร้อมออกคำสั่ง
“ลองสตาร์ตรถ”
หญิงสาวรีบปฏิบัติตามทันที แต่สุดท้ายรถเจ้ากรรมก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาใช้งานได้ เขาจึงปิดฝากระโปรงรถแล้วบอก
“คงต้องเรียกช่างมาลากรถแล้วล่ะ”
หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด พลางมองรถยนต์ตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์นัก ไม่รู้จะมาเสียอะไรกันตอนนี้
“ขอบคุณนะคะ ว่าแต่แถวนี้พอจะมีรถรับจ้างไหมคะ”
คนตัวสูงหันมามองหล่อนนิ่ง สายตาค่อนข้างเรียบเฉย ก่อนบอก
“พี่ไปส่งเอง”
คนฟังขบเม้มปาก หล่อนไม่อยากนั่งรถไปกับเขาอีก มันอึดอัดบอกไม่ถูก นานวันไปเขากับหล่อนยิ่งเหมือนคนแปลกหน้า
ดูเหมือนว่าคนที่มองอยู่จะรู้ทันความคิด เขากระตุกยิ้มเล็กน้อยแล้วบอก
“ทำไม ไม่อยากไปกับพี่เหรอ”
คนตัวเล็กสะดุ้งในใจ เหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง
“ดาวไม่อยากรบกวนพี่อาร์มค่ะ อีกอย่างห้องพักของดาวก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ด้วย”
“ไม่รบกวนอะไร มาเถอะ พี่ไปส่งเอง”
หญิงสาวไม่ทันปฏิเสธ เขาก็หันไปเรียกสาวใช้แล้วสั่งความสองสามประโยค จากนั้นก็หันมาพยักหน้ากับหญิงสาวแล้วเดินนำไปยังรถยนต์ส่วนตัวของเขาที่จอดอยู่ในโรงจอดรถด้านข้าง
เมื่อเข้ามานั่งด้วยกันในรถหญิงสาวเอาแต่นิ่งเงียบจนคนที่ทำตัวเป็นสารถีตวัดตามอง ริมฝีปากเหยียดยิ้ม
“จะไม่พูดอะไรสักคำหรือไง”
ประกายดาวที่นั่งสงบจิตสงบใจมานานหันไปมองคนถาม ดวงตาสองคู่สบกันแวบหนึ่งก่อนที่ต่างฝ่ายต่างเมิน
“ไม่รู้จะพูดอะไรค่ะ”
“อะไรก็ได้ ดินฟ้าอากาศหรือไม่ก็เรื่องแฟน”
คนฟังขมวดคิ้วนิ่วหน้า พลางหันไปมองค้อนคนปากไม่ดีอย่างลืมตัว แต่เขาไม่เห็นเพราะมัวแต่มองถนนข้างหน้า
“ไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ ค่ะ”
“งั้นจะถามเอง” เขาบอกยิ้มๆ “คิดยังไงกับนายคนนั้น”
หญิงสาวรู้สึกคิดผิดจริงๆ ที่นั่งรถมากับเขา
“พี่อาร์มหมายถึงใครคะ”
คราวนี้รอยยิ้มของอารัญกว้างขึ้น
“อ้อ มีหลายคน”
ประกายดาวนับหนึ่งถึงสิบในใจ ก่อนเอ่ยออกมา
“ทำไมต้องกวนดาวด้วยคะ อยากถามถึงใครก็เจาะจงมาเลยดีกว่า”
คำถามของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มหันไปมองยิ้มๆ พลางเลิกคิ้วกวนประสาท
“อ้าว พี่จะรู้เหรอว่าเธอมีใครอยู่ในสต็อกบ้าง”
“พี่อาร์ม!” หญิงสาวชักหมดความอดทน แต่ดูเหมือนอารัญจะสนุกที่ได้ยั่วให้หล่อนโมโหได้
“แต่ยังไงก็คงน้อยกว่าพี่อาร์มแล้วกัน” หญิงสาวไม่คิดจะยอมลงให้เขาง่ายๆ ดวงตาที่มองไปนั้นวาววับและท้าทาย ทำให้อารัญหรี่ตาลงแวบหนึ่ง
“ตอนยังเป็นเมียพี่ทำไมไม่เก่งแบบนี้นะ”
คำพูดของเขาทำเอาหัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ พวงแก้มอิ่มกลายเป็นสีแดงจัด ทั้งอายและโกรธผสมกัน โดยเฉพาะคำจำกัดความที่เขาไม่เคยเรียกหล่อนเลยสักครั้งตอนที่ยังมีสิทธิ์ในกันและกัน แต่มาตอนนี้ถือดีอะไรมาเอ่ยคำนั้น
“ดาวก็เป็นของดาวแบบนี้มาตั้งนาน พี่อาร์มต่างหากที่ไม่เคยใส่ใจ”
ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกว่าคำตอบของหญิงสาวนั้นฟังดูน้อยใจ ชายหนุ่มหันไปมองแต่อีกฝ่ายเหม่อออกไปยังข้างทางแทน
“ก็ ไม่ใช่ไม่ใส่ใจ แต่พี่แค่...” เขาพูดได้แค่นั้นกลับเงียบลงไปอีก เรียกสายตาของหญิงสาวให้หันมามองเขาอย่างค้นคว้า
“แค่อะไรคะ”
เขายิ้ม แต่ไม่มีคำตอบเหมือนเดิม
“ช่างเถอะ ไหนๆ เราก็จบกันแล้วนี่นะ ที่ถามถึงแค่อยากเตือน ว่าจะคบใครให้ดูดีๆ บางทีคนที่คิดว่าดีแล้วอาจไม่ได้ดีอย่างที่คิดก็ได้”
เหมือนพี่อาร์มใช่ไหม
หญิงสาวเกือบยั้งปากเอาไว้ไม่ทัน แต่มาคิดๆ แล้วอารัญก็ไม่เคยปิดบังว่าเขาเป็นแบบไหนเลยสักครั้ง เป็นหล่อนเองที่หวังอยู่ลึกๆ ว่าเขาจะหันมาสนใจหล่อนบ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย และหล่อนไม่ด้านพอจะเรียกร้องให้เขาสนใจด้วย ผู้หญิงที่รายล้อมรอบกายอารัญมีแต่คนเก่งและงดงามทัดเทียม ส่วนหล่อนเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาหน้าตาทั่วไป อาจไม่ถึงกับขี้ริ้วแต่ก็ไม่จัดว่าสวยจนทำให้คนอย่างอารัญที่ถูกล้อมด้วยหญิงงามต้องเหลียวหลังมอง
หญิงสาวเผลอคิดอย่างน้อยใจ แต่หล่อนไม่รู้เลยสักนิด ว่าตนเองนั้นมีความงามน่ารักเตะตาใครหลายคน ผู้หญิงรูปร่างกลมกลึง ไม่ผอมแต่ก็ไม่อ้วน เรียกว่าสัดส่วนกำลังพอดี หน้าตาน่ารักเหมาะเจาะโดยเฉพาะดวงตากลมโตกับจมูกโด่งเล็ก ริมฝีปากอิ่มรูปกระจับ เป็นจุดเด่นเตะตาทั้งหญิงชายเสมอ ไม่เว้นแม้กระทั่งคนข้างๆ ที่หล่อนเอาแต่คิดเสมอว่าเขาไม่เคยสนใจไยดีตนเองนั่นแหละ
ยังคาใจ... หญิงสาวเหลียวมอง สิ่งที่เขาเอ่ยค้างเอาไว้ ทำท่าจะพูดแต่ก็เลือกจะเงียบ หมายความว่าไงนะ