หัวใจดวงน้อยกระตุกโลดด้วยความตกใจ นิ่งตะลึงงันไปหลายวินาทีกระทั่งใบหน้าคมโน้มลงมาหาจึงรู้สึก รีบสะบัดร่างเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมแขนที่อุ่นจนร้อนของเขาด้วยหัวใจเต้นสะท้าน
“ปล่อยนะพี่อาร์ม!”
คนที่ไปหยุดบริเวณหน้าห้องน้ำหญิงและชายที่ติดกันหันไปตามเสียงหวานที่คุ้นหู ความเป็นห่วงทำให้ชนาธิปรีบเดินผ่านพุ่มไม้ประดับของร้านเดินผ่านห้องน้ำออกไปด้านนอก ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เขาเบิกตากว้าง มือเท้าชา สาวเท้าเร็วรี่ตรงไปยังร่างเล็กที่ตกอยู่ในอ้อมอกของใครบางคน กระชากร่างบางพร้อมกับผลักร่างหนาออกห่าง ทันทีที่เห็นใบหน้าชนาธิปก็ง้างกำปั้นสูงเตรียมฟาดลงบนเป้าหมายสุดแรงเกิด
“อย่าค่ะพี่เชน!”
มือนุ่มนิ่มที่กระชากแขนเอาไว้ก่อนที่ชนาธิปจะฟาดกำปั้นลงไปบนใบหน้าของใครอีกคนทำให้เขาชะงักงัน หันไปมองหญิงสาวที่มองเขาอย่างขอร้องนั้นด้วยแววตาไม่เข้าใจ ก่อนจะตวัดสายตามองไปยังตัวการที่ขยับเสื้อเล็กน้อยพร้อมกับมองมาด้วยสายตาวาววับ ริมฝีปากติดยิ้มเจือจาง ราวจะยั่วสติของเขาให้ดูเหมือนไอ้โง่ต่อหน้าประกายดาว
“หนูดาวเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เขาหันมามองหญิงสาวอย่างเป็นห่วง
“ไม่ค่ะ เรากลับกันเถอะ” หญิงสาวที่หน้าแดงสลับซีดรีบบอกพร้อมกับดึงแขนของเขาให้ออกไปจากตรงนี้
ชนาธิปตวัดสายตาขุ่นขวางมองไปยังร่างสูงใหญ่ของอารัญแวบหนึ่ง ดวงตาอาฆาตราวจะประกาศว่าหากมีคราวหน้าเขาไม่ปล่อยเอาไว้แน่ก่อนจะจูงมือหญิงสาวตัวเล็กเดินออกไปจากตรงนั้น
เวลาเดียวกันประกายดาวหันไปมองเขา สายตาที่มองนั้นวาววับโกรธกรุ่น แต่กลับทำให้คนที่ซุกมือล้วงกระเป๋ารู้สึกพอใจเสียยิ่งกว่าเวลาที่หล่อนทำนิ่งเฉยหรือทำเป็นสนิมสร้อยกับเขาเป็นร้อยเท่า
เมื่อเข้ามานั่งภายในรถยนต์ด้วยกันแล้ว ชนาธิปหันไปมองคนตัวบางที่นั่งข้างๆ ด้วยสายตาที่ครุ่นคิด ทำให้คนที่นั่งนิ่งแต่มือยังสั่นระริกหันไปมองเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมองอยู่
“หนูดาวห้ามพี่ทำไม” เขาถามอย่างที่กังขา ทำให้ประกายดาวร้อนวูบวาบจนแก้มเป็นสีจัด หลบสายตาคมปลาบวูบหนึ่ง ก่อนจะตอบออกไปเสียงแผ่ว
“เขาไม่ได้จะทำอะไรหนูดาวหรอกค่ะ”
คำตอบของหญิงสาวทำเอาชนาธิปขมวดคิ้วมุ่น ไม่เข้าใจ เพราะที่เขาเห็นมันตรงข้ามกับสิ่งที่หล่อนบอก
“แต่พี่เห็นว่า...”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาคนพูด เขาจึงชะงักงัน
“เขาแค่อยากแกล้งหนูดาวเท่านั้น ไม่ได้จะทำอะไรอย่างนั้นจริงๆ หรอกค่ะ แล้วที่หนูดาวห้ามพี่เชนเอาไว้ ก็เพราะไม่อยากให้พี่เชนต้องเจ็บมือและเสียเวลากับผู้ชายคนนั้น”
คำตอบของหญิงสาวทำให้อารมณ์ร้อนราวกับถูกไฟเผาของเขาเย็นลงแทบทันที ดวงตากร้าวพลอยอ่อนโยนลงเช่นกัน
“แล้วทำไมเขาต้องแกล้งหนูดาวด้วย” เขายังคงไม่เข้าใจ แต่แล้วก็เริ่มรู้เมื่อกวาดตามองดวงหน้าหวานน่ารักตรงหน้า บางทีหมอนั่นอาจเพิ่งรู้ตัวว่าได้ทำเพชรหลุดมือกระมัง
ชายหนุ่มหลุบตามองคนที่ยังดูตกใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ด้วยสายตาอ่อนแสง เขาอยากรั้งหล่อนมากอดปลอบเสียจริง
หลังมือนุ่มที่วางไว้บนตักถูกฝ่ามือใหญ่วางลงมาเบาๆ ทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นไปสบตากับชายหนุ่ม เมื่ออีกฝ่ายยิ้มมาอย่างอ่อนโยน หัวใจของประกายดาวก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น
“ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวบอกเขาออกไปด้วยความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ชายหนุ่มจึงยิ้มตอบแล้วค่อยๆ ดึงมือกลับไปอย่างเสียดาย เพียงครู่เดียวรถยนต์หรูของชนาธิปจึงเคลื่อนตัวออกไปจากด้านหน้าของผับกึ่งร้านอาหารของญาติ โดยมีร่างสูงของอารัญที่เดินออกมาหยุดใกล้กับรถสปอร์ตของตนเอง มองตามท้ายรถยนต์ของคนทั้งคู่ไปจนลับตา
อารัญกลับออกมาจากผับโดยไม่ได้บอกลาใครแม้แต่เรวดี เขาขับรถออกไปเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดหมาย แต่กลายเป็นว่าขับทับเส้นทางที่ชนาธิปกำลังขับรถไปส่งประกายดาว รถสปอร์ตของเขาเคลื่อนเลยหน้าบ้านของหญิงสาวเมื่อรถยนต์ของฝ่ายนั้นเข้าไปภายใน เวลานี้เองที่เขาเพิ่งรู้ว่าได้ทำตัวเหลวไหลไปเสียแล้ว แต่ลึกๆ เขากลับสบายใจที่ได้ทำ โดยเฉพาะได้รู้ว่าใครบางคนกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย
ประกายดาวเองหลังจากที่แยกกับชนาธิปหญิงสาวก็กลับเข้าห้อง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หัวใจของหล่อนยังประสบปัญหาไม่คลาย จังหวะเต้นถี่รัวทุกครั้งที่คิดถึง ริมฝีปากอิ่มขบเม้มเข้าหากัน ใบหน้าบึ้งตึง แต่กลับวูบวาบเมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่ตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาโดยไม่มีเวลาป้องกันตัวเองแบบนั้น
“พี่อาร์มทำแบบนี้ทำไม” หญิงสาวนึกเกลียดเขาที่ทำให้คนที่กำลังจะลืมต้องกลับมาคิดถึงเขาจนอยากกรีดร้อง รู้สึกเหมือนคนที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สับสนวุ่นวายไม่หยุดหย่อน
แต่เมื่อคิดถึงชนาธิปความสับสนเหล่านั้นก็ค่อยๆ บางเบา หล่อนรู้แล้วว่าอารัญทำแบบนั้นทำไม เขาแค่อยากจะแกล้งให้หล่อนกับชนาธิปเข้าใจผิดกัน
“คนเลว” หญิงสาวกัดริมฝีปากล่างอย่างนึกขุ่นเคือง เขาคงคิดว่าหล่อนกับชนาธิปคบหากันอยู่ จึงหาทางกลั่นแกล้ง แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมเขาจะต้องแกล้ง ตัวเองมีความสุขได้ แต่พอหล่อนจะมีความสุขบ้างเขากลับทำตัวเป็นอันธพาลไปเสีย
“คนนิสัยไม่ดี”
หญิงสาวก่นด่าเสียงอุบอิบ พลางนั่งลงปลายเตียงด้วยอาการอ่อนแรง อุปาทานไปว่าอ้อมกอดและกลิ่นกายของเขายังคงลอยอบอวลอยู่รอบกาย สัมผัสรัดรึงที่โอบล้อมมานั้นยังชัดเจนในความรู้สึก อกต่ออกตอนนั้นยังแจ่มชัดมาถึงตอนนี้ พลันนวลแก้มก็แดงเรื่อ ก่อนหลุบตาลงมองมือที่วางอยู่บนตัก คิดถึงช่วงชีวิตยามอยู่ภายใต้ร่มเงาของเขา ไม่สิ ร่มเงานั้นไม่ใช่จากเขา แต่เป็นจากมารดาของเขาต่างหาก เรือนหอก็ถูกทิ้งร้าง มีเพียงหล่อนที่เป็นเจ้าของเพียงผู้เดียว เขาเห็นหล่อนเป็นแค่เงาของสิ่งมีชีวิตที่เขาจะไม่ย้อนกลับมามองอีก
ดังนั้นสิ่งที่เขาทำคืนนี้หล่อนก็ไม่ควรจะเก็บเอามาคิดให้ใจว้าวุ่นอยู่เช่นนี้ต่อไป คิดเสียว่าเขาเป็นแค่คนคนหนึ่งที่ผ่านมาและผ่านไป เป็นแค่ประสบการณ์ชีวิตไร้ค่า ว่างเปล่า และไม่มีอะไรให้จดจำหรือระลึกถึง...
แต่แล้วภาพวันวานที่ย้อนไปไกลแสนไกลกลับผุดขึ้นกลางใจกลางความคิดถึง
ภาพเด็กหนุ่มสูงชะลูดใบหน้าหล่อเหลากำลังอุ้มหนูน้อยช่างพูดไปตามชายหาดก็ผุดขึ้นในความทรงจำ ทำให้ดวงหน้างามเผลอยิ้มออกมา แต่แล้วภาพใบหน้าหล่อเหลาอบอุ่นก็ถูกแทนที่ด้วยแววตากระด้างห่างเหินเหมือนคนแปลกหน้าในคืนส่งตัว จากนั้นเงาร่างสูงใหญ่ก็จากไปโดยไม่หวนกลับมาอีก
ดวงตาคู่งามหลุบลงอีกครั้ง วูบหนึ่งหยาดน้ำใสๆ เจือรื้นออกมาจนกระบอกตาร้อนผ่าว
ทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน เป็นความลวง อ้อมกอดของเขาก็เช่นกัน ไม่มีอะไรจริง อารัญเป็นได้แค่ความฝันไม่มีวันเป็นความจริง