๔
อ้อมแขนที่ไม่ปรารถนา
งานเลี้ยงดำเนินต่อไปอย่างสนุกสนาน ประกายดาวไม่สนใจอดีตสามีสักนิด หล่อนทำเหมือนไม่เห็นเขาหรือไม่มีเขาอยู่ในงานนี้ด้วย ที่สำคัญคนข้างกายของหล่อนก็ดูแลและทำตัวติดกันราวกับแฝดสยาม
ขณะที่อารัญนึกค่อนขอดประกายดาวอย่างลืมตัว หญิงสาวก็ลอบชำเลืองเมียงมองผู้ชายในอดีตเสียที เห็นเขามีสาวสวยเจ้าของร้านคอยเอาอกเอาใจไม่ห่าง หล่อนยอมรับว่าแปลกใจที่พบเขาที่นี่ แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายรู้จักกับเรวดีเป็นการส่วนตัวจึงเข้าใจทะลุปรุโปร่ง แต่อดคิดถึงดาราสาวคนสนิทของเขาเสียไม่ได้ ว่าไปอยู่เสียที่ไหน เหตุใดจึงไม่มาด้วยกัน แต่พอมองไปยังเรวดีจึงคิดได้อีกว่าจะมาได้อย่างไร หากพามารถไฟก็ชนกันพอดีน่ะสิ
อาการเหลือบแลไปยังอารัญของประกายดาวอยู่ในสายตาของชนาธิป ทำให้รู้สึกกระวนกระวายอยู่ลึกๆ จึงคิดตัดไฟเสียแต่ต้นลมด้วยการเอ่ยขึ้นว่า
“หนูดาวอยากกลับหรือยังครับ”
ประกายดาวดูนาฬิกาข้อมือจึงทราบว่าตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มครึ่งแล้ว หญิงสาวจึงยิ้มให้ชายหนุ่ม
“ดีเหมือนกันค่ะ งั้นหนูดาวขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหมครับ” เขาเอ่ยอาสา แต่หญิงสาวยิ้มหวานพลางส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ ห้องน้ำอยู่แค่นี้เอง” พูดจบหญิงสาวจึงคว้ากระเป๋าถือเดินหลบใครต่อใครตรงไปยังห้องน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ด้านข้าง
ระหว่างนั้นอารัญที่คอยลอบมองประกายดาวอยู่แล้วจึงเหลือบตามองไปยังชนาธิป เขาเห็นฝ่ายนั้นกำลังยกแก้วขึ้นชนกับเอกราชแล้วหัวเราะอะไรกันสักอย่าง พอดีกับที่เรวดีขอตัวไปส่งเพื่อนที่กำลังจะขอตัวกลับ เขาจึงถือโอกาสนี้ลุกจากโต๊ะและเดินหลบเลี่ยงผู้คนหายไปอีกด้านหนึ่ง
ประกายดาวทำธุระส่วนตัวเสร็จจึงออกมาล้างมือที่อ่างล้างหน้า หญิงสาวมองคนในกระจกแล้วพ่นลมหายใจเบาๆ เสียงเพลงจากด้านนอกดังแว่วเข้ามาภายในห้องน้ำ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจึงก้าวออกจากห้องน้ำ
ร่างกลมกลึงก้าวผ่านประตูห้องน้ำออกไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงทุ้มๆ ที่จำได้ขึ้นใจก็ทำให้คนตัวบางต้องชะงักกึก
“จะกลับแล้วเหรอ”
ประกายดาวกะพริบตาปริบๆ ก่อนหันกลับไปมองเจ้าของเสียงที่อยู่ด้านหลัง
อารัญขยับตัวก้าวมาหยุดตรงหน้าหญิงสาว มือทั้งสองข้างซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางสบายๆ
“ค่ะ ดาวกลับก่อนนะคะ” หญิงสาวตอบเขาเพียงสั้นๆ ทำท่าหันหลังให้คนตัวโตตรงหน้า แต่ต้องชะงักซ้ำสองเมื่อท่อนแขนกลมกลึงถูกมือใหญ่รั้งเอาไว้พร้อมกับดึงหลบไปอีกทางหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนที่เดินผ่านไปมา
“พี่อาร์ม! ปล่อยดาว”
น้ำเสียงห้วนๆ ของประกายดาวทำให้คนที่ดึงกึ่งลากหญิงสาวออกมาจนถึงด้านข้างผับที่ไร้ผู้คนเพราะทั้งหมดแออัดกันอยู่ในงาน อาจเคยมีบางคนออกมาสูบบุหรี่บ้างแต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว บริเวณนี้จึงมีเพียงพวกเขาแค่สองคนเท่านั้น
“คุยกันก่อน”
หญิงสาวทำคอแข็งอย่างแปลกใจเมื่อเขาเอ่ยออกมา พอนึกขึ้นได้ก็บิดแขนออกจากการเกาะกุมของเขา
“พี่อาร์มมีอะไรคุยกับดาวหรือคะ” หญิงสาวเข้าเรื่องทันทีอย่างไม่ยอมเสียเวลา ชายหนุ่มสบตาคู่สวยแวบหนึ่งพลางหยิบบุหรี่ออกมา แต่พอเห็นท่าทางอึดอัดของเจ้าหล่อนเขาจึงชะงัก
“ไม่ชอบคนสูบเหรอ” เขาเลิกคิ้วถามเจือรอยยิ้ม หญิงสาวส่ายหน้าพร้อมไหวไหล่
“ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่เกลียดค่ะ”
คำตอบชัดเจนจากเจ้าของเรียวปากอวบอิ่มทำให้คนตัวใหญ่หัวเราะออกมาเบาๆ เก็บบุหรี่กลับเข้ากระเป๋าตามเดิมแล้วซุกมือตามลงไป ดวงตาคมกริบเรียวเข้มจ้องมองคนตรงหน้าอย่างพินิจ
“ทำไมไม่ทักกัน”
คำถามของเขาทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วนิ่วหน้า
“กลัวแฟนใหม่ไม่พอใจ?”
เมื่อเขาเอ่ยออกมาอีกประโยค รอยยิ้มบางๆ จึงแย้มออกมาจากเรียวปากงาม
“ที่ไม่ได้ทักตอนแรก ก็เพราะเห็นว่าพี่อาร์มอยู่กับคุณเรต่างหากค่ะ”
คำตอบของหญิงสาวทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเลิกคิ้วราวกับไม่เชื่อนัก
“แต่พี่คิดว่าเธอกลัวหมอนั่นจะไม่พอใจมากกว่า”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกอ่อนใจเล็กน้อย แต่แล้วก็ไหวไหล่ราวกับไม่ยี่หระ
“แล้วแต่พี่อาร์มจะคิดเถอะค่ะ ว่าแต่พี่อาร์มมีอะไรจะพูดกับดาวอีกไหมคะ ถ้าไม่มี...”
“แค่อยากทักทายด้วยเท่านั้น ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีใช่ไหม”
คำตอบของเขาทำให้หญิงสาวนิ่งงันไปหลายอึดใจ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“สบายดีค่ะ พี่อาร์มล่ะ สบายดีเหมือนกันใช่ไหม ว่าแต่ดาราคนนั้นล่ะ ทำไมไม่พามาด้วย เลิกกันแล้วเหรอคะ”
คำถามพร้อมใบหน้าใสซื่อของหญิงสาวทำให้คนฟังหัวเราะหึๆ ในลำคอ หล่อนต้องการกวนอารมณ์เขา แต่ก็ทำหน้าใสซื่อราวกับไร้เดียงสา ทั้งที่ความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้นสักนิด
“ห่วงพี่เหรอ”
คนฟังนิ่วหน้า นึกหมั่นไส้คนที่ทำเป็นมองมายิ้มๆ นั่น
“เปล่าเลยค่ะ สงสารผู้หญิงคนนั้นมากกว่า”
“สงสารทำไม”
“ก็ถ้าเขารู้ว่าพี่อาร์มมีซัมติงกับผู้หญิงอื่นอีกคงเสียใจแย่”
คราวนี้ชายหนุ่มยกมือทั้งสองข้างขึ้นกอดอก แต่สายตาไม่คลาดไปจากใบหน้าของหญิงสาวสักนิด
“ทำมาเป็นรู้ดี”
หญิงสาวไหวไหล่พลางบอก
“เดาเอาค่ะ”
“งั้นลองเดาหน่อยสิ ว่าตอนนี้พี่คิดอะไร”
หญิงสาวสบตาคมเข้มที่มองมาแล้วจู่ๆ ก็รู้สึกขนกายลุกชัน เพราะแววตาที่มองมาเปลี่ยนไปจากที่เคยมองหล่อนมาโดยตลอด เป็นแววตาของเสือที่พร้อมตะครุบเหยื่อ และหากเขาเห็นหล่อนเป็นเหยื่อ เพียงขยับก็คงแหลกไม่มีชิ้นดี ทางที่ดีหาทางหลบหลีกเสียดีกว่า
เมื่อคิดได้เช่นนั้นหญิงสาวจึงขยับตัวเล็กน้อยพลางบอก
“ดาวเดาไม่ออกหรอกค่ะ ถ้าพี่อาร์มเรียกดาวเอาไว้แค่ทักทายกัน ดาวคงต้องขอตัว ป่านนี้พี่เชนคงแปลกใจที่ดาวออกมานานเกินไป ดีไม่ดีจะออกมาตามเสียอีก”
ทันทีที่ชื่อของผู้ชายคนนั้นหลุดจากปากจิ้มลิ้ม คนฟังก็แสยะยิ้มออกมาชั่ววินาทีก่อนกลับเป็นปกติ รวดเร็วจนหญิงสาวมองแทบไม่ทัน
“เป็นห่วงกันดีนะ นายเชนคนนี้น่ะ”
ประกายดาวยิ้มตอบ พลางคิดถึงชนาธิป
“ค่ะ พี่เชนเป็นห่วงดาวเสมอ”
ขณะตอบดวงตาคู่งามสบนัยน์ตาสีเข้มไม่กะพริบ ราวจะตอกย้ำให้อีกฝ่ายรู้ว่าตลอดเวลาที่อยู่ในฐานะสามีภรรยากัน เขาไม่เคยทำให้หล่อนรับรู้ถึงความรู้สึกเป็นห่วงเลยสักวินาที ตรงข้าม เขาทิ้งขว้างและไม่เหลียวแล
อารัญไม่อยากยอมรับว่าเป็นความจริงกับสิ่งที่หญิงสาวสื่อ พอดีกับที่เห็นร่างสูงของใครแวบๆ ไวๆ ผ่านไป เขาจึงยกยิ้มเล็กน้อยแล้วบอก
“ชักอยากจะรู้ ว่านายคนนี้นอกจากเป็นห่วงเธอนักหนา จะหนักแน่นด้วยหรือเปล่า”
สิ้นเสียงทุ้มๆ ของอารัญ ชายหนุ่มก็สืบเท้าชิดร่างบางพร้อมแขนทั้งสองข้างที่ตวัดรัดร่างระหงที่ยืนทำหน้างงเข้ามาในอ้อมแขนใหญ่โตและแน่นหนาราวกำแพงเมืองจีน