ข่าวที่เด้งขึ้นมายังหน้าฟีดทำให้ประกายดาวต้องมองนิ่ง หัวใจมันกระตุกเบาๆ อย่างไม่อาจห้ามเมื่อได้อ่านบทความตรงหน้า
‘ปิดไม่มิด นางเอกสาวหน้าเฉี่ยวคนดัง สวมแหวนเพชรเม็ดเป้งเข้ากอง คาดมีข่าวดีเร็วๆ นี้ ว่าแต่ผู้โชคดีคนนั้นจะใช่ไฮโซหนุ่มนักธุรกิจคนดังหรือเปล่าน้า’
ประกายดาวปัดฟีดข่าวนั้นออกจากหน้าจอด้วยความรู้สึกหวิวโหวงในอก เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่านักข่าวหมายถึงใคร นางเอกคนนี้คงเป็นตัวจริงในชีวิตของเขาสินะ
น้ำตารื้นคลอหน่วยตางามวูบหนึ่ง ก่อนจะรีบปัดความรู้สึกเจ็บปวดนั้นออกจากใจ พอดีกับที่สาวใช้เดินมาตามไปรับประทานอาหารเย็น
“คุณหนูดาวคะ ตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ สักครู่ดาวตามลงไปนะคะ”
เมื่อสาวใช้กลับออกไป หญิงสาวที่นั่งหน้าโต๊ะอ่านหนังสือก็ถอนหายใจยาว ยามผุดลุกก็เหมือนว่าไม่ค่อยมีแรง มันระโหยแปลกๆ หัวจิตหัวใจดูอ่อนแอลงอย่างรู้สึกได้ จึงรีบสะบัดหน้าแรงๆ หลายทีเรียกพละกำลังกลับคืนมา
“หยุดน้อยใจได้แล้วหนูดาว อย่าลืมสิว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกับเขาอีกแล้ว เขาจะรักใคร หรือแต่งงานกับใครมันก็เรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเราเลยสักนิด”
หญิงสาวบอกตนเองเช่นนั้นขณะก้าวเท้าออกจากห้อง แต่ภวังค์ลึกเร้นกลับมีเงาของเขาติดตรึงอยู่ไม่ยอมจางหายไปไหนง่ายๆ ใช่สิ มันจะลืมกันได้ง่ายๆ ได้อย่างไร ในเมื่อเขาคือ...
รักแรกที่อยู่ในใจของหล่อนมานาน รักเขาโดยไม่มีใครได้รู้แม้แต่ตัวของเขาเอง และหล่อนจะขอเก็บมันเอาไว้เป็นความลับไปจนตาย
เสียงพูดคุยเบาๆ ทำให้หญิงสาวชะงักปลายเท้าที่ก้าวเดิน หัวใจกระตุกแรงและค่อยๆ เต้นระรัวเมื่อได้ยินเสียงนุ่มทุ้มที่คุ้นหูดี
จะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่...
“หนูดาวไม่เข้ามาล่ะลูก ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนานๆ แบบนี้เสียมารยาทนะ”
เสียงเตือนของมารดาปลุกหญิงสาวตื่นจากความตกใจ ก็ใครจะคิดว่าขณะที่กำลังสับสนเรื่องของเขาอยู่นั้น อารัญกลับมานั่งร่วมโต๊ะอาหารแบบนี้ นี่มันผีหลอกชัดๆ แล้วดูพ่อกับแม่ของหล่อนสิ หน้าตายิ้มแย้ม ไม่เหมือนตอนอยู่ตามลำพังกับหล่อนเลย โดยเฉพาะมารดาที่ต่อว่าเขาจนไม่มีชิ้นดี
“เอ่อ สวัสดีค่ะคุณแม่ พี่อาร์ม ดาวไม่ทราบว่าจะมา ต้องขอโทษที่ให้รอนานนะคะ”
หญิงสาวขอโทษคนทั้งสอง แต่คุณอัญชันกลับยิ้มอ่อนโยนด้วยความเอ็นดู
“ไม่เป็นไรลูก แม่กับพี่เพิ่งมาได้สักครึ่งชั่วโมงเท่านั้น พอดีแม่ไปเยี่ยมเพื่อน แล้วผ่านมาทางนี้ ก็เลยแวะมาทักทาย เสร็จแล้วก็จะกลับ แต่แม่กับพ่อของหนูชวนให้แม่กับพี่อาร์มอยู่กินข้าวด้วยกันก่อน”
หญิงสาวไม่ตอบอะไร เพียงแต่ยิ้มหวานให้ท่าน พร้อมกับนั่งลงข้างๆ มารดา ซึ่งตรงกับอารัญที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามพอดิบพอดี บิดาของหล่อนนั่งหัวโต๊ะ มารดากับคุณอัญชันนั่งตรงกัน ทำให้หล่อนกับอารัญต้องนั่งเผชิญหน้ากันไปโดยปริยาย
ช่างน่าขัน หญิงสาวบอกตนเองขณะลอบมองใบหน้าคมคายของอดีตสามี ก็ตอนแต่งงานกัน จะหาโอกาสพบหน้านั้นยากเย็นแสนเข็ญราวกับงมเข็มในมหาสมุทร แต่พอหย่าร้าง กลับกลายเป็นว่าเจอกันบ่อยอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่อยากเจอก็ยังต้องมาเจอ
บรรยากาศในโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างราบรื่น อารัญถูกซักถามถึงเรื่องงาน เขาก็ตอบอย่างสุภาพ รอบรู้ชำนาญน่าชื่นชม ทั้งบุคลิกท่าทางของเขาชวนมองไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถแบบไหน ชวนให้หญิงสาวคิดถึงเนื้อหาข่าวก่อนหน้านี้วูบหนึ่ง จนเผลอตวัดสายตามองค้อน แต่ช่างบังเอิญที่ชายหนุ่มเองก็กำลังมองหล่อนอยู่เหมือนกัน ทำให้เขามองเห็นอากัปกิริยานั้นอย่างชัดเจน ทั้งคู่ต่างชะงักลงเล็กน้อย และเป็นประกายดาวที่หลุบตามองจานข้าวทันที ส่วนอารัญนั้นแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือผิดสังเกต เขาหันไปยิ้มให้กับคนอื่นๆ ในโต๊ะ กระทั่งรับประทานอาหารอิ่มหนำกันแล้ว สองแม่ลูกจึงลากลับ ระหว่างนั้นประกายดาวถูกสั่งให้เดินไปส่งคนทั้งสอง ชายหนุ่มปิดประตูรถให้มารดาแล้วหันมามองหญิงสาว
“ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้” เขาบอกเสียงทุ้มสุภาพปกติ ไม่มีอาการยั่วเย้ากวนอารมณ์เหมือนอย่างเคย
หญิงสาวยิ้มตอบ ดวงตากลมโตสบกับดวงตาสีเข้มคมใหญ่ ก่อนเอ่ยออกมาว่า
“ยินดีค่ะ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมคุณพ่อกับคุณแม่นะคะ แล้วก็ ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วย”
คำพูดและรอยยิ้มราวจะหยอกล้อของประกายดาว ทำให้คนฟังหรี่ตาแคบ เพราะไม่รู้ว่าหญิงสาวพูดเรื่องเพ้อเจ้ออะไร
“ยินดีเรื่องอะไร”
หญิงสาวทำหน้าเหลอหลาพลางบอก
“อ้าว ก็เรื่องแต่งงานนะสิคะ”
คราวนี้ชายหนุ่มเลิกคิ้ว เขามองหล่อนนิ่งอย่างใคร่ครวญ แต่ไม่ได้ตอบว่าอะไร เพียงยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้น ครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถโดยไม่เอ่ยคำลา ปล่อยให้หญิงสาวยืนมองท้ายรถของสองแม่ลูกไปจนลับสายตาด้วยความงุนงง เพราะไม่ได้รับคำตอบจากปากของเขาเลยสักคำ
“เขาคงไม่อยากบอกเรา” หญิงสาวบอกตัวเองแผ่วเบา รู้สึกน้อยใจขึ้นมาอีก ก่อนหมุนตัวกลับเข้าบ้าน
“หนูดาว”
เสียงของมารดาทำให้คนที่กำลังจะกลับขึ้นห้องนอนต้องเปลี่ยนเส้นทางไปยังมารดาที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
“หนูดาวคิดว่าแม่จะขึ้นห้องแล้ว” หญิงสาวยิ้มอ่อนขณะนั่งลงข้างๆ มารดา ส่วนท่านนั้นกวาดตามองลูกสาวนิ่ง
“หนูดาวไม่เป็นอะไรใช่ไหม ที่วันนี้เราต้องรับแขกโดยไม่ได้เตรียมตัวแบบนี้” ท่านถามอย่างนึกเป็นห่วงความรู้สึกของลูกสาว เพราะสังเกตเห็นได้ชัดว่าประกายดาวลอบมองอดีตสามีอยู่หลายครั้งหลายครา บางครั้งเหมือนครุ่นคิด แต่บางครั้งก็ค้อนขวับๆ จนท่านนึกสะดุ้งในใจเกรงว่าคุณอัญชันจะหันมาเห็นกิริยาไม่น่าดูของบุตรสาวเข้า
“ไม่หรอกค่ะ แค่แปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าพ่อกับแม่จะต้อนรับพี่อาร์ม” หญิงสาวตอบพลางยิ้มล้อเลียนมารดา ทำให้ท่านค้อนลูกเบาๆ กลับ ก่อนจะยิ้มอ่อน
“แม่น่ะ อาจจะไม่ชอบใจตาอาร์มนัก แต่ที่ไม่ไล่ตะเพิดออกไปก็เพราะว่ายังเห็นใจและสงสารพี่อัญมากกว่า เลยคิดว่าไหนๆ เรื่องราวก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้หนูดาวเองก็มีความสุขไม่คิดมากอีกแล้ว ถึงได้ต้อนรับขับสู้เขาได้อีกครั้ง”
หญิงสาวได้แต่นิ่งฟังยิ้มๆ แม่ของหล่อนไม่รู้อะไร ว่าจริงๆ แล้วลูกสาวไม่ได้เป็นอย่างที่แม่คิด หล่อนยังอ่อนแอ เพียงแค่แสร้งทำว่าเข้มแข็งเท่านั้น เรียกว่าหน้าชื่นอกตรมของแท้เลยทีเดียว
ก็ดูเถอะ พอจะตัดใจจากเขา คนใจดำนั่นก็ขยันแวะเวียนมาให้เห็นหน้าอยู่บ่อยครั้ง มากระตุ้นความรู้สึกที่เคยมีต่อเขาให้แจ่มชัด แล้วแม่ดาราสาวสวยก็ขยันให้ข่าวเกี่ยวกับเขาเสียจริง หากเป็นเมื่อก่อนอารัญไม่ยอมเป็นข่าวกับใครง่ายๆ เขาหวงความเป็นส่วนตัวจะตายไป แต่เหตุใดตอนนี้จึงปล่อยปละละเลย อาจเป็นเพราะตอนนั้นเขายังมีหล่อน แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว เลยทำอะไรก็ได้ จะเป็นข่าวกับสาวคนไหนก็ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องระวังตัวใช่ไหม
หญิงสาวยิ้มขื่นให้ตนเอง อยากหยุด แต่จิตก็คะนึงถึงเขาไม่คลาย เจ็บใจที่ยังโง่งมงายคิดถึงคนที่ไม่เคยรักไม่เคยเห็นค่าตัวเองเลยสักนิด