บรรยากาศในห้องโถงเกล็ดน้ำแข็งที่เคยสงบเงียบ...พลันเปลี่ยนไปในพริบตา เมื่อประตูน้ำแข็งเปิดออกเบา ๆ พร้อมแรงลมที่พัดเข้ามา ร่างของใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาอย่างสง่างาม สูงส่ง ดุดัน และเปล่งรัศมีสีทองรอบกายจาง ๆ ดวงตาสีทอง ของเขาคมกริบจนน่าหวาดหวั่น
แค่เขาเหลือบมองมาที่ฉัน...ฉันก็เหมือนถูกมองทะลุไปทั้งร่าง
“น้องสาม... เจ้าไม่เคยสนใจมนุษย์มาก่อน” เสียงทุ้มของเขาดังขึ้น พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่ฉันไม่อาจตีความได้ว่าอบอุ่น หรือแฝงคมดาบ
“ข้าสงสัย...ว่ามีเหตุผลอื่นซ่อนอยู่หรือไม่”
ฉันหันไปมองหลงอวิ๋นทันที เขายังคงนิ่งเงียบ ยืนอยู่ข้างโต๊ะด้วยท่าทางไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
แต่ฉันกลับรู้สึกได้...ว่าความเย็นรอบตัวเขากำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ละอองน้ำแข็งแผ่ขยายออกจากเท้าของเขาไปทั่วพื้นห้อง
มังกรน้ำแข็ง กับ มังกรเพลิงทองคำ
ยืนเผชิญหน้ากันในห้องเดียวกัน
แม้พวกเขาจะไม่ได้เอ่ยวาจาร้ายแรง แต่ก็ทำให้...วิญญาณรับใช้ทั้งหมดหายตัวไปในทันที เหลือแค่ความว่างเปล่า และแรงกดดันที่แทบทำให้ฉันหายใจไม่ออก
ไอร้อนของหลงเทียนเจิน ปะทะกับความเย็นเฉียบของหลงอวิ๋น ทำให้ไอหมอกบาง ๆ หมุนวนกลางห้องอย่างน่าพิศวง ผนังน้ำแข็งรอบด้านสะท้อนแสงสีทองกับสีฟ้าเย็นของพลังสองสาย เหมือนแสงของตะวัน...ที่กำลังท้าทายทุ่งน้ำแข็ง
หลงอวิ๋นขยับเท้าเล็กน้อย...แผ่นน้ำแข็งใต้เท้าแตกร้าวเบา ๆ ด้วยเสียง กริ๊ก กริ๊ก ที่ฉันไม่อาจละสายตาได้
“พี่ใหญ่... ข้าไม่เคยให้ความสนใจสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ‘มนุษย์ผู้นี้’...มีคุณค่าต่อการศึกษาของข้า”
ฉันเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ได้โกรธ...แต่ก็แอบจี๊ดเล็ก ๆ ‘การศึกษาเหรอ...’
โอเค ฉันเข้าใจนะว่าเขาพูดแบบมังกรเย็นชาที่เคยเป็น
แต่ใจก็ยังรู้สึกว่า...คำพูดแบบนั้นฟังดูห่างไกลชะมัด
หลงเทียนเจินเดินอ้อมโต๊ะอย่างช้า ๆ แววตาสีทองของเขามองทุกจานบนโต๊ะ คล้ายกำลังอ่านเรื่องราวจากรายละเอียดเล็ก ๆ ของการจัดอาหาร
“การศึกษาหรือ?” เขาทวนคำอย่างมีเลศนัย
“น้องสาม... เจ้าเคยให้ความสนใจกับสิ่งอื่นนอกจากตำรานานเพียงใด?”
ฉันแอบมองเห็น...มือของหลงอวิ๋นกำแน่นอยู่ข้างตัว ใบหน้าขาวซีดของเขาดูซีดลงอีกนิด
แต่สิ่งที่เขาทำต่อจากนั้นคือ...ขยับยืนบังฉันไว้โดยไม่พูดอะไร
หัวใจฉันเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว
“ข้าไม่จำเป็นต้องอธิบายเหตุผลของข้าให้ใครฟัง”
“แม้แต่กับพี่ใหญ่”
หลงเทียนเจินหัวเราะเบา ๆ แล้วหยิบแก้วน้ำของตัวเองขึ้น เขาโบกนิ้วเพียงนิดเดียว น้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีทองสดใส...เหมือนเปลวเพลิงเหลว
“ความลับของเจ้า...ไม่เคยเป็นความลับสำหรับข้า”
“แต่สิ่งที่ข้าอยากรู้คือ...นางรู้หรือไม่ ว่าตัวเองกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือ?”
ฉันหายใจสะดุด
แม้จะไม่ได้เข้าใจทั้งหมด แต่คำพูดนั้น...ชัดเจนพอจะรู้ว่าเขากำลังท้าทายอะไร
หลงอวิ๋นก้าวไปข้างหน้าทันที พายุหิมะเล็ก ๆ ก่อตัวขึ้นรอบฝ่าเท้าของเขา ราวกับกำลังตอบสนองต่ออารมณ์เจ้าของ
“พี่ใหญ่... การที่ท่านพยายามยุ่งเกี่ยวกับกิจธุระของข้า กำลังทำให้ข้ารู้สึกไม่พอใจ”
เสียงของเขาเย็นเยียบ...แต่ชัดเจน มันทำให้ฉันแทบลืมหายใจ
ห้องทั้งห้องเงียบลงอย่างประหลาด แม้แต่แสงไฟเวทมนตร์บนผนังก็สั่นไหวเบา ๆ ราวกับไม่กล้าส่องสว่าง
เขาหันมามองฉัน ดวงตาสีฟ้านั้นเต็มไปด้วยพลังที่นิ่ง...และปกป้องอย่างชัดเจน
“เอลาเรีย...”
“เจ้าอยู่ภายใต้การคุ้มครองของข้า”
“ไม่มีใครในวังนี้มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวกับเจ้า...แม้แต่ องค์รัชทายาท”
ฉันนั่งนิ่งในเงาหลังของเขา รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดเคลื่อนไหว
แต่สิ่งเดียวที่ฉันรับรู้ได้...คือไอเย็นบาง ๆ ที่แผ่จากเขา และความอุ่นบางอย่างที่โอบล้อมฉันไว้ แม้เขาจะพูดว่าฉันมี ‘คุณค่าเพื่อการศึกษา’ แต่ในตอนนี้...เขากำลังยืนอยู่ระหว่างฉันกับโลกทั้งใบอย่างไม่ลังเล
หลงอวิ๋นยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ร่างสูงในชุดคลุมสีเทาเงินขลิบฟ้าราวกับเงาสะท้อนจากผืนน้ำแข็ง
นิ่ง—สงบ—และเยือกเย็นอย่างทรงพลัง แต่...ในความนิ่งนั้นกลับมีบางสิ่งสั่นไหวอยู่ลึก ๆ ละอองหิมะเล็ก ๆ ลอยวนรอบกายเขามากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของอารมณ์ที่เขาเก็บไว้ ไม่เคยปล่อยให้หลุดออกมาจากสีหน้า
“เอลาเรียอยู่ภายใต้การคุ้มครองของข้า”
“จะไม่มีอันตรายใดแตะต้องเธอได้”
คำพูดนั้นสั้น เรียบ…แต่ทุกถ้อยคำดังก้องอยู่ในใจฉัน เหมือนเสียงสะท้อนในถ้ำหิมะที่ไม่มีวันจาง
‘เธอ’
เขาเรียกฉันว่า เธอ
ไม่ใช่ “มนุษย์ผู้นี้” ไม่ใช่ “ตัวแปร” หรือ “เครื่องมือ”
แต่มองฉัน…เป็น “คน” คนหนึ่ง
และแค่คำเรียกนั้น มันก็เหมือนละลายน้ำแข็งบาง ๆ ในใจฉันออกจนหมด
สายตาของหลงเทียนเจินทอดมองเราสองคน ดวงตาสีทองที่คมราวกับเปลวไฟไม่มีวันดับ มองมาเหมือนอ่านจิตใจทะลุ
“น้องชาย…” เขากล่าวเบา ๆ
“ข้าแค่ต้องการให้แน่ใจ ว่าเจ้าไม่ได้กำลังกระทำสิ่งที่อาจนำภัยมาสู่ราชวงศ์เรา”
คำว่า ราชวงศ์ ของเขาหนักแน่น เต็มไปด้วยพันธะ หน้าที่ และความกลัวสิ่งที่อยู่ “นอกกรอบอำนาจ”
บรรยากาศในห้อง...เยือกเย็นอย่างน่าประหลาด แม้จะไม่มีใครใช้เวทอีกต่อไป แต่ไอพลังเวทกลับลอยค้างอยู่ในอากาศ เหมือนฝนที่ยังไม่ตก แต่ก้อนเมฆได้ก่อตัวไว้เต็มท้องฟ้าแล้ว
หลงอวิ๋นสูดหายใจเข้าช้า ๆ แผ่นน้ำแข็งใต้เท้าสงบนิ่ง แต่ไอเวทบางเบาก็ยังแผ่ซ่านไปทั่วร่างเขา
“เธอเป็นประโยชน์ต่องานวิจัยของข้า”
เขายังพูดในแบบของเขา แม้จะฟังดูเหมือนเดิม แต่ฉันรู้...
มันไม่ใช่คำแก้ตัว แต่มันคือ กำแพง ที่เขายังต้องตั้งไว้ เพื่อกันไม่ให้ใครตั้งคำถามกับความรู้สึกที่เขายังอธิบายไม่ได้
“ข้าอยากจะขอให้พี่ใหญ่...เคารพการตัดสินใจของข้า”
เสียงเขานิ่งมาก...นิ่งจนทุกคำเหมือนถูกหลอมจากน้ำแข็งชั้นดี แต่ในถ้อยคำเหล่านั้น ฉันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่เปราะบาง เหมือนเขาเพิ่ง กล้าพูด คำนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต
หลงเทียนเจินเงียบไปนาน เขาไม่ได้ตอบทันที แต่เพียงยืนมองน้องชายของเขาอย่างลึกซึ้ง ดวงตาสีทองนิ่งราวกับเปลวเพลิงที่กำลังชั่งใจ และในที่สุด...เขาก็พยักหน้าช้า ๆ
“ได้…”
“ข้าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องนี้”
คำตอบนั้น...เหมือนคลายมนต์สะกดทั้งห้อง อุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย หิมะที่ลอยอยู่ในอากาศค่อย ๆ หยุดนิ่ง
“ข้าขอบคุณในความเข้าใจของพี่ใหญ่”
หลงเทียนเจินพยักหน้าให้น้องชายเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะทอดสายตามองมายังฉันอีกครั้ง
และก่อนที่เขาจะจากไป เขายังทิ้งท้าย...ราวกับประกาศ
“แต่จำไว้…”
“ข้ากำลังจับตาดูอยู่”
“มนุษย์ไม่เคยนำสิ่งใดมาสู่เราเลย...นอกจากปัญหา”
เมื่อเขาหันหลังและก้าวออกจากห้อง แสงทองจากร่างของเขาสว่างวาบเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ประตูน้ำแข็งจะปิดลงอย่างช้า ๆ
กึก…
เสียงปิดประตูเงียบงัน แต่กลับดังสะท้อนอยู่ในอกฉัน
...
หลงอวิ๋นยังยืนนิ่งอยู่ตรงที่เดิม เงียบ ราวกับกำลังฟังเสียงหัวใจตัวเอง...หรือเสียงเงียบในห้องที่เพิ่งผ่านพายุ
จากนั้นเขาก็ปล่อยลมหายใจออกมา ลมหายใจที่เหมือนเขาเก็บไว้...มานานเกินไป ความเย็นที่เคยเกาะอยู่บนไหล่ของเขา เริ่มคลายตัวช้า ๆ อย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
“เขาไปแล้ว”
น้ำเสียงเขายังเรียบเฉย...แต่ฟังดูเหมือนคนที่ “โล่งอก” เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
ฉันกลืนน้ำลาย
“พี่ชายของคุณ...ดูไม่ไว้ใจฉันเลยนะคะ”
“เขาไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น”
“โดยเฉพาะสิ่งที่เขาควบคุมไม่ได้”
ฉันนิ่งไป คำพูดนั้น...สะท้อนอะไรบางอย่างในใจฉัน
ฉันมองเขาอย่างจริงจัง ก่อนจะถามเสียงเบา
“…แล้วคุณล่ะคะ?”
หลงอวิ๋นหันมามองฉัน แววตาสีฟ้าน้ำแข็งของเขานิ่ง...แต่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
มันอ่อนลง ลึกขึ้น และอาจมีประกายบางอย่าง...ที่เรียกว่า “ความรู้สึก”
“...ข้าอาจเริ่มเรียนรู้”
“ว่าบางสิ่ง...ไม่ควรถูกควบคุม”
...
หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว คำพูดของเขา...มันไม่ใช่คำสารภาพ
แต่มันคือ คำเปิดทาง
ห้องโถงที่เคยตึงเครียดเหมือนสนามรบ
ตอนนี้...เหลือเพียงความเงียบที่อบอุ่นอย่างน่าประหลาด ละอองหิมะลอยช้า ๆ เหมือนถูกชะลอเวลา
และในความเงียบนั้น...หัวใจของมังกรน้ำแข็ง —อาจกำลังละลายอย่างเงียบงัน
...เพราะใครบางคนที่เขาเคยคิดว่า “ไม่ควรถูกเลือก”