ตอนที่ 1 ออเดอร์ลึกลับจากโลกที่ไม่มีในแผนที่

1567 Words
เสียงหัวเราะเยาะ... เสียงซุบซิบกระซิบกระซาบ... และเสียงก่นด่าอันแสบแก้วหู ดังก้องสะท้อนอยู่ในความฝันอันพร่าเลือน เอลาเรีย เวลเลนไฮม์ ยืนโดดเดี่ยวอยู่กลางจัตุรัสเมืองเก่า ที่ครั้งหนึ่งเคยอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของขนมปังสดใหม่และเสียงหัวเราะของผู้คนที่แวะเวียนมาเยี่ยมชม ตลาดที่เคยเต็มไปด้วยชีวิตชีวา บัดนี้กลับกลายเป็นเวทีประจานเย้ยหยัน เธอยืนอยู่ตรงนั้น ร่างกายสั่นสะท้านในเสื้อคลุมสีกรมท่าขาดรุ่งริ่ง ผมสีน้ำตาลเข้มแห้งกรอบปิดใบหน้าที่สวยสด สายลมหนาวกรูกราวพัดกระโชกจนชายเสื้อของเธอสะบัดฟาดไปมาเหมือนธงแห่งความพ่ายแพ้ ผู้คนมากมายรายล้อมเธอเป็นวงกลม แววตาที่เคยมองเธอด้วยความเลื่อมใส บัดนี้กลับเปลี่ยนเป็นสายตาแข็งกร้าว เคลือบด้วยความโกรธและความผิดหวัง โต๊ะไพ่ตัวเดิมที่เธอเคยนั่งประจำ ถูกพลิกคว่ำกลางลานหิน เสียงไม้กระแทกพื้นดังกึกก้อง ไพ่ทาโรต์สีสดปลิวกระจัดกระจายไปตามแรงลม ราวกับนกน้อยที่สิ้นแรงบิน พร็อพเวทมนตร์—ลูกแก้วพยากรณ์ กระดิ่งเงิน และเครื่องรางสีหม่น—กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น เหยียบย่ำจนแทบไม่เหลือสภาพ แผ่นป้ายไม้ที่สลักคำว่า "เอลาเรีย เวลเลนไฮม์ - หมอดูผู้หยั่งรู้โชคชะตา" ถูกเหยียบซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนตัวอักษรแทบเลือนหาย เหลือเพียงเศษไม้ผุ ๆ เปื้อนโคลน เธอโดนใส่ร้าย!! คู่แข่งที่ประสงค์ร้ายต่อเธอใส่ร้ายป้ายสีผ่านโลกโซเชียลที่เต็มไปด้วยความหลอกลวง ส่งผลให้เธอถูกประณาม "เธอก็แค่ต้มตุ๋น!" เสียงหนึ่งตะโกนขึ้น ทะลุทะลวงหมอกหนาในหัวของเธอ "คำพยากรณ์ไม่มีจริง!" อีกเสียงแหลมสูงแทรกขึ้นมา ตามด้วยเสียงโห่ไล่อีกระลอก "เราถูกหลอก!" เสียงสุดท้าย รุนแรงจนเหมือนตบหน้าด้วยฝ่ามือเย็นเฉียบ เสียงเหล่านั้นโหมกระหน่ำใส่เธอไม่หยุดหย่อน ไล่ล่าเธอเหมือนเงามืดที่ไม่มีวันหลุดพ้น เอลาเรียพยายามอ้าปากตะโกนอธิบาย พยายามเรียกคืนศรัทธาที่หายไป แต่คำพูดของเธอกลับกลืนหายไปในหมอกหนาทึบ ราวกับโลกนี้ไม่เหลือใครฟังเธออีกต่อไป เธอเหวี่ยงแขน คว้าไพ่ใบหนึ่งที่ลอยละลิ่วในอากาศ—แต่ปลายนิ้วของเธอกลับสัมผัสได้เพียงอากาศว่างเปล่า ไพ่กลับลอยหนีไป ราวกับเธอไม่มีตัวตน ขาของเธอเริ่มจมลงในหมอกหนา เย็นเยียบ และเหนียวหนืด ราวกับจะกลืนร่างของเธอทั้งเป็น ความรู้สึกโดดเดี่ยว ความสิ้นหวัง และความหวาดกลัว ท่วมท้นขึ้นมาจนแทบหายใจไม่ออก ในห้วงวินาทีนั้น เอลาเรียรู้สึกได้ว่า... เธอกำลังถูกโลกทั้งใบลืมเลือน แล้ว... ตี้ง! ตี้ง! ตี้ง! เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือดังก้องแสบแก้วหู ราวกับระฆังเร่งเร้าให้ลืมเลือนฝันร้าย เสียงนั้นกระชากเอลาเรียให้ผงะตื่นจากห้วงหลอนในพริบตา เธอสะดุ้งโหยง ลมหายใจติดขัด ดวงตาเบิกโพลง มองไปรอบห้องเช่าเล็ก ๆ ของตัวเองด้วยหัวใจที่ยังเต้นระรัว ผนังสีเทาหม่นแตกร้าวเป็นเส้น ๆ ด้านข้าง ผ้าม่านเก่าขาดวิ่นปลิวไหวไปมาตามกระแสลมอ่อนยามเช้า แสงแดดสีซีดส่องลอดผ่านรูตะเข็บเข้ามา ฉายเงาสั่นไหวบนพื้นไม้เก่า ๆ ที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดตามแรงลม กลิ่นอับชื้นและกลิ่นไม้เก่าผสมปนเปกันในอากาศ แต่มันกลับให้ความรู้สึกจริงยิ่งกว่าฝันเมื่อครู่หลายเท่า เอลาเรียหอบหายใจแรงราวกับวิ่งหนีฝันร้ายมาทั้งคืน เธอยกมือขึ้นนวดขมับเบา ๆ เพื่อบรรเทาความปวดหนึบที่เล่นงานราวกับจะตอกย้ำว่าฝันนั้นทิ้งร่องรอยไว้ในความจริง "ฝันบ้า ๆ ... อีกแล้ว..." เธอพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงแหบพร่า ริมฝีปากแห้งแตกแทบไม่มีน้ำเสียงเหลือ มือของเธอลูบผ่านข้างเตียง สัมผัสเจอโต๊ะไม้เก่า ๆ ที่วางของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้บนมัน ทั้งกองไพ่ทาโรต์เก่า กล่องไม้เก็บเครื่องราง และเหรียญทองแดงไม่กี่เหรียญที่เป็นเงินทุนก้อนสุดท้าย เธอสูดหายใจลึก กลืนก้อนแข็ง ๆ ที่ค้างอยู่ในลำคอลงไป ก่อนจะค่อย ๆ พาตัวเองลุกขึ้นจากเตียงผ้าใบเก่า ๆ ที่ส่งเสียงดังเอี๊ยดเบา ๆ วันนี้เป็นวันแรก — วันที่เธอไม่มีสิทธิ์ล้มเหลวอีกแล้ว เธอเหลือบมองไพ่ทาโรต์ที่วางกองอยู่ ขอบไพ่หลุดลุ่ยจนแทบจับไม่ติดกันแล้ว แต่เธอกลับยื่นมือไปหยิบมันขึ้นมาแนบอกแน่น ราวกับมันคือเศษเสี้ยวสุดท้ายของตัวตนที่เธอไม่ยอมปล่อยมือ ไม่ว่าโลกจะพังทลายลงกี่ครั้ง วันนี้... เธอจะต้องเริ่มต้นใหม่ให้ได้ หลังจากลุกขึ้นอาบน้ำ ล้างหน้าล้างตาจนความง่วงหายไป เอลาเรียเช็ดผมเปียกหมาด ๆ ด้วยผ้าขนหนูเก่า แล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเล็ก ๆ ข้างเตียง บนราวไม้แขวนเก่า ๆ มีชุดใหม่ล่าสุดแขวนอยู่ — ยูนิฟอร์มที่เพิ่งได้รับมาจากบริษัท Omnibite เมื่อวานนี้ เธอยื่นมือไปสัมผัสเนื้อผ้า พลางอดยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากไม่ได้ ความรู้สึกตื่นเต้นน้อย ๆ จาง ๆ ผุดขึ้นในอก ยูนิฟอร์มของ Omnibite ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันจนเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดว่ามันเป็นเพียง "ชุดทำงาน" เสื้อแจ็กเก็ตน้ำหนักเบา สีดำด้าน โครงเสื้อเข้ารูปเล็กน้อยเพื่อให้คล่องตัว ตัดเย็บด้วยผ้าที่ทั้งกันน้ำและระบายอากาศได้ดี พื้นผิวแต่งลายสะท้อนแสงสีเงินเป็นเส้นสายบาง ๆ พาดผ่านเหมือนรอยร้าวของอวกาศ ทว่าในแสงธรรมดามองแทบไม่เห็น เส้นสายเหล่านี้จะเปล่งแสงวาววับก็ต่อเมื่อสะท้อนกับแสงไฟยามค่ำคืน ตรงอกซ้ายปักตราสัญลักษณ์ตัว "O" รูปประตูมิติบิดเบี้ยวซ้อนกับภาพราเมนถ้วยเล็ก ปักด้วยด้ายสีขาวสะอาดตา ลายเส้นละเอียดจนดูเหมือนภาพมีชีวิต ด้านในเป็นเสื้อยืดสีเทาเข้มเนื้อผ้านุ่ม เบา และยืดหยุ่น รองรับการขยับตัวได้อย่างอิสระ กางเกงขาสามส่วนทรงแอคทีฟ ตัดเย็บด้วยผ้าเทคนิคอลชนิดพิเศษ ที่ทั้งกันน้ำ กันลม และยืดหยุ่นได้ดี แม้ต้องเผชิญฝนห่าใหญ่หรือวิ่งไล่ส่งอาหารในตรอกแคบ ๆ ก็ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ รองเท้าผ้าใบดีไซน์โฉบเฉี่ยว สีดำขลิบเส้นเงินสะท้อนแสง บริเวณข้อเท้ามีชิประบุตัวตนฝังอยู่เป็นมาตรฐานใหม่ของบริษัท เพื่อความปลอดภัยและการเช็กอินแบบไร้สัมผัส เมื่อสวมใส่ครบชุด เอลาเรียยืนพิจารณาตัวเองหน้ากระจกบานเล็กที่มีรอยแตกตรงมุมหนึ่ง ใครเห็นก็คงคิดว่าเธอเป็นสมาชิกของหน่วยปฏิบัติการลับจากองค์กรลึกลับ...ไม่ใช่แค่พนักงานส่งอาหารธรรมดาแน่นอน "อย่างน้อย...ก็ดูเท่ล่ะนะ" เอลาเรียหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง เสียงหัวเราะนั้นเจือด้วยความขมอมหวานและความหวังเล็ก ๆ ที่ก่อตัวขึ้นท่ามกลางความเปราะบางของชีวิตใหม่ เธอยืนอยู่หน้ากระจกบานเล็ก จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ ดึงซิปเสื้อแจ็กเก็ตขึ้นจนสุดคออย่างตั้งใจ ก่อนจะเอื้อมไปคว้ากระเป๋าส่งอาหารพิเศษของ Omnibite ที่แขวนอยู่ข้างประตู กระเป๋าใบนั้นมีผิวสัมผัสเนียนลื่น ลวดลายบาง ๆ เรืองแสงจาง ๆ บนพื้นผิวเหมือนเส้นทางในจักรวาลไกลโพ้น มันทั้งแข็งแรง กันกระแทก และดูเหมือนมีชีวิตในตัวเอง เอลาเรียสะพายกระเป๋าขึ้นบนหลัง จัดท่าทางให้มั่นใจอีกครั้ง เธอมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก ผมสีน้ำตาลเข้มถูกรวบขึ้นลวก ๆ ใบหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยร่องรอยความเหนื่อยล้า แต่ในดวงตาคู่นั้น—มีประกายของความกล้าอยู่ลึก ๆ "ส่งอาหารทะลุมิติ...เหรอ?" เธอนึกถึงตอนที่เห็นประกาศรับสมัครครั้งแรกทางออนไลน์ ภาพโฆษณาสีฉูดฉาด บอกว่างานนี้คือโอกาสสำหรับ "ผู้กล้าที่พร้อมเดินทางข้ามพรมแดนแห่งจักรวาล" มันฟังดูไร้สาระเสียจนเธอหัวเราะออกมาในตอนนั้น 'ส่งอาหารข้ามมิติ...ต้องบ้าแน่ ๆ' เธอเคยคิดแบบนั้นจริง ๆ — และก็ยังคิดอยู่นิดหน่อย แต่ตอนนี้ เธอกลับยืนอยู่ตรงนี้ สวมชุดยูนิฟอร์มเท่ ๆ และพร้อมจะก้าวออกไปสู่โลกใบใหม่ ที่แม้จะยังมืดมน...แต่ก็เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ไม่สิ้นสุด ตี้ง! เสียงแจ้งเตือนจากนาฬิกาข้อมือดังขึ้น ดึงเธอออกจากภวังค์ [คุณมีออเดอร์ใหม่จาก Omnibite : "โลเคชั่นไม่สามารถระบุได้"] เอลาเรียกะพริบตาปริบ ๆ มองข้อความที่กระพริบอยู่บนนาฬิกา ก่อนจะหลุดหัวเราะขม ๆ ออกมา "ไม่รู้โลเคชั่นงั้นเหรอ..." เธอพูดกับตัวเองเบา ๆ ราวกับจะถามโลกนี้กลับไป “เอาสิ...อยากรู้เหมือนกันว่าจะไปมิติไหน” เสียงหัวเราะของเธอเบาแต่จริงใจ คราวนี้ไม่มีความกลัวเจืออยู่เลย เอลาเรียยกนิ้วจิ้มปุ่ม "ตกลงรับงาน" อย่างไม่ลังเล — โดยไม่รู้เลยว่า การตัดสินใจครั้งนี้ จะนำพาเธอไปสู่การผจญภัยที่ไม่อาจหวนกลับ และจะเปลี่ยนชีวิตของเธอ...ตลอดกาล 🧊 🧊 🧊 🧊 🧊
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD