Episode : [1/2]

662 Words
“แค่เรื่องไร้สาระ กินข้าวเหอะ หิวแล้วเนี่ย” บอกออมจบ ฉันก็หันไปหยิบจานข้าวจากขนุนที่เพิ่งเดินมาถึง และมองฉันสลับกับผู้หญิงอีกสามคนที่ยืนทำท่าทางเป็นผีบ้าอย่างมึนงง ตุบ! “เฮ้ย ทำอะไรน่ะ” ฉันรีบวางจานข้าวลงบนโต๊ะ แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าผ้าของตัวเองที่น้ำหวานโยนลงบนพื้นจนของข้างในกระจัดกระจายไปหมด “เหอะ พวกฉันบอกดี ๆ แล้วนะ” น้ำหวานส่งยิ้มเยาะมาให้ฉัน เพื่อนของเธออีกสองคนก็หัวเราะอย่างสะใจ ฉันเก็บของเข้ากระเป๋าผ้าของตัวเอง แล้ววางลงไปบนโต๊ะอย่างแรงจนออมกับขนุนที่ยืนดูอยู่ด้วยความมึนงงถึงกับสะดุ้ง ปึง! “จะเอาไงว่ามาเลย” ฉันเดินเข้าไปใกล้ทั้งสามคนด้วยความรวดเร็ว แล้วมองจ้องหน้าทีละคนอย่างโมโห ยัยพวกนี้มันเป็นอะไรกันนักหนาวะ แค่เรื่องโต๊ะกินข้าวเนี่ยนะ! “ไอ้ข้าว ๆ ใจเย็นก่อน” ออมจับแขนฉัน แล้วดึงเอาไว้ไม่ให้เดินไปใกล้สามคนนั้นมากกว่าเดิม “เออ ถึงกูจะไม่ค่อยพอใจก็เหอะ แต่เราปีหนึ่งเว้ย อย่าเพิ่งมีปัญหา” ขนุนกระซิบบอกฉัน แล้วดึงแขนเสื้อของฉันเอาไว้ทันที “แกจะทำอะไรน่ะ อย่าเข้ามานะ” แก้มยุ้ยกับอีกสองคนถอยหนีฉันไปหลายก้าว ฉันสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ตุบ “มีไรกัน” แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นด้านข้างพวกเราซะก่อน พอฉันหันไปมองก็เห็นร่างสูงใหญ่ของเจ้าของเสียงเมื่อครู่ และเพื่อนของเขาอีกสองคนมองมาทางพวกเราอย่างสงสัย ว่าแต่...ใครวะ “พี่นาวิน” เสียงหวานจ๋อยของยัยสามคนตรงหน้าฉันดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงอย่างกับกำลังขับร้องเพลงประสานเสียง ทำไมมันแตกต่างจากน้ำเสียงที่พูดกับฉันแบบนี้กันล่ะ เหอะ “น้องมีปัญหาอะไรกันรึเปล่า” เพื่อนของร่างสูงใหญ่ที่ชื่อนาวินถามขึ้น “เอ่อ...เปล่าค่ะพี่เมฆ ไม่มีอะไร” ฉันหันขวับไปมองกิ๊บจนคอแทบเคล็ด ไม่มีอะไรตรงไหน เมื่อนี้ไม่ใช่เธอหรือไงที่มาหาเรื่องฉันก่อนน่ะ ให้ตายเถอะ “เปลี่ยนสีไวกว่ากิ้งก่าอีกนะ” ฉันทนฟังไม่ไหวจึงพึมพำออกมาทันที กิ๊บหันมามองฉันอย่างไม่พอใจด้วยความรวดเร็ว แต่สักพักก็กลับไปส่งยิ้มกว้างอย่างสดใสให้บุคคลที่มาใหม่อีกสามคนทันที “ไอ้ข้าว!” ออมบีบแขนฉัน แล้วกระซิบเตือนเสียงหนัก ส่วนขนุนก็ดึงแขนเสื้อฉันยิก ๆ อยู่นั่นแหละ นี่พวกมันสองคนจะดึงอะไรนักหนาเนี่ย! “อะไร กูพูดผิดตรงไหน ทีเมื่อกี้พวกนี้ยังด่ากูอยู่เลยนะ ทีงี้ล่ะพูดเสียงหวาน เหอะ” ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเซ็ง ๆ “กิ๊บกับเพื่อนไปก่อนนะคะ พอดีมีธุระค่ะ” พอได้ยินฉันพูดออกไปแบบนั้นอย่างหงุดหงิด ยัยสามคนนั้นก็รีบหยิบกระเป๋าสีชมพูแปร๋นของตัวเองแล้วหายวับไปด้วยความรวดเร็ว เหอะ สงสัยจะกลัวคนอื่นจะรู้ธาตุแท้ของพวกเธอล่ะสิ “ตกลงพวกน้องไม่ได้ทะเลาะกันอยู่ใช่มั้ย” คนที่กิ๊บเรียกว่าพี่เมฆถามขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าสงสัยไม่หาย ออมกับขนุนพยักหน้าหงึกหงักกันอย่างพร้อมเพรียง “ครับ/ค่ะ” คำว่าค่ะไม่ใช่ฉันนะที่พูด ของไอ้ขนุนมันน่ะ ถึงมันจะเป็นสาวประเภทสอง แต่มันก็เหมือนผู้หญิงนะ แถมนิสัยยังดูเป็นผู้หญิงมากกว่าฉันอีกมั้ง และชอบบ่นฉันอย่างกับแม่เลยให้ตาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD