Episode : [1/1]

682 Words
หลังจากเลิกเรียนเสร็จ ฉัน ออม และขนุนก็เดินมากินข้าวเที่ยงกันที่โรงอาหารของคณะ แต่ทำไมคนมันเยอะแยะแบบนี้กันวะ แค่เห็นก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว “ข้าว มึงไปหาโต๊ะนั่งรอก่อนดีกว่า เดี๋ยวกูกับขนุนไปซื้อข้าวกับน้ำเอง ไม่งั้นไม่มีโต๊ะนั่งแน่ ๆ ” ฉันพยักหน้าอย่างเห็นด้วยไปให้ออม แล้วบอกพวกมันสองคนว่าจะกินอะไร จากนั้นก็เดินไปหาโต๊ะนั่งกินข้าวทันที นั่นไง มีโต๊ะว่างพอดีเลย พอสายตาเห็นว่ามีโต๊ะตรงหัวมุมว่างอยู่ ฉันก็รีบเดินไปนั่งด้วยความรวดเร็ว ตุบ! แต่พอนั่งไปได้ไม่นานก็มีกระเป๋าสะพายสีชมพูแปร๋นวางลงมาบนโต๊ะตรงหน้าฉันเสียงดัง และพอเงยหน้าขึ้นไปมองก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นด้วยความมึนงงทันที “โต๊ะนี้ฉันจองแล้ว” เดี๋ยวนะ ยัยแก้มลิงนี่มาจองตอนไหนวะ ฉันหันกลับไปมองที่โต๊ะอีกครั้ง เผื่อว่ามันจะมีสิ่งของเล็ก ๆ ที่ยัยนี่จองอยู่จนมองไม่เห็น แต่ไม่ว่าจะเล็งขนาดไหน ฉันก็ยังไม่เห็นว่ามีอะไรมาว่าจองอยู่บนโต๊ะนี้อยู่ดี นอกจากกระเป๋าผ้าของฉันกับกระเป๋าสะพายสีชมพูของผู้หญิงที่เพิ่งมาและยืนมองหน้าฉันอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรนี่ไง “จองยังไง ฉันมานั่งไม่เห็นมีใครเลย” ฉันเงยหน้าบอกยัยแก้มลิง พร้อมกับพยายามส่งยิ้มบางกลับไปให้อย่างเป็นมิตร ถึงจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ก็ตาม “แก้มยุ้ยมีอะไร” แล้วผู้หญิงอีกสองคนก็เดินเข้ามาสมทบกับยัยแก้มลิง เอ๊ย ไม่ใช่สิ ฉันได้ยินเพื่อนยัยนี่พูดว่าแก้มยุ้ยนี่นา เหอะ แต่มันก็แก้ม ๆ เหมือนกันนั่นแหละ จะชื่ออะไรก็ช่างมัน “กิ๊บ มีคนมานั่งโต๊ะเรา” แก้มยุ้ยหันไปบอกคนถามเมื่อครู่ที่ชื่อกิ๊บด้วยสีหน้าหงุดหงิด “นี่มันโต๊ะพวกฉัน” กิ๊บหันขวับมามองหน้าฉัน แล้วชี้นิ้วไล่ คิ้วของฉันกระตุกขึ้นมาทันที อะไรของคนพวกนี้กันล่ะเนี่ย “โต๊ะพวกเธอได้ไง นี่มันโต๊ะมหา’ลัยไม่ใช่เหรอ” ฉันทำเป็นถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แล้วเลิกคิ้วถามอย่างกวนประสาทแทน “ก็พวกฉันมานั่งกินข้าวตรงนี้ทุกวัน ลุกไปได้แล้ว” กิ๊บกอดอกมองฉันอย่างไม่พอใจ แถมเสียงที่พูดยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จนฉันเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย คนยิ่งหิวข้าวอยู่ เมื่อเช้าก็ตื่นสายรีบวิ่งมาเรียน ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้แตะสักเม็ด ให้ตายสิ! “ไม่ลุก มีไรมั้ย” ฉันฉีกยิ้มท้าทายไปให้ทั้งสามคนทันที ใครจะไปยอมทำตามกันล่ะ เหตุผลบ้าบอแบบนี้ เหอะ ถึงแม้คนทั้งโรงอาหารกำลังมองมาอย่างมึนงงก็ตาม พรึ่บ! “น้ำหวาน เอาไปไว้ที่อื่น” แก้มยุ้ยหยิบกระเป๋าผ้าของฉันไปให้อีกคนที่ชื่อน้ำหวาน ฉันลุกขึ้นยืนด้วยความรวดเร็ว แล้วบอกด้วยเสียงราบเรียบอย่างหงุดหงิด “จะเอาไปไหน เอากระเป๋าฉันคืนมา” ฉันหันไปจ้องหน้าน้ำหวานนิ่ง และตวัดสายตาไปมองที่แก้มยุ้ยทันที “อยู่ปีหนึ่ง อย่าซ่าให้มันมาก” กิ๊บหันมาบอกฉัน พร้อมกับยิ้มเยาะเย้ย ฉันเลยยิ้มแบบเดียวกันส่งไปให้ทันที “ปีหนึ่งแล้วไง ใครจะไปยอมกับเหตุผลปัญญาอ่อนแบบนี้ล่ะ” “ว่าใครปัญญาอ่อนยะ!” กิ๊บยกนิ้วขึ้นชี้หน้าฉันอย่างโมโห อีกสองคนก็ทำท่าทางไม่ต่างกัน ส่วนฉันก็แค่ยักไหล่ แล้วยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ไอ้ข้าว มีไรวะ” ออมที่ในมือทั้งสองข้างถือแก้วน้ำอยู่หันมาถามฉันทันทีที่มาถึงด้วยความตกใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD