บทที่ 10 ลองดูสักตั้ง

3167 Words
เสียงพ่อค้าแม่ค้าที่เซ็งแซ่ตั้งแต่เช้าตรู่ดังลอดเข้าหูของศิลาตลอด ตั้งแต่ที่เขาลงจากรถมาถึงตลาดสดขนาดใหญ่แห่งนี้ จากคอนโดก็นับว่าไม่ได้ไกลมากนัก แต่คนตัวบางอย่างเขาก็ไม่ค่อยได้มาบ่อยสักเท่าไหร่เนื่องจากว่าอาโปไม่ค่อยชอบความเฉอะแฉะบริเวณโซนของสด ศิลาเดินตรงดิ่งเข้าไปที่ร้านขายเนื้อสดร้านประจำที่มักจะมาซื้ออยู่บ่อยๆ เนื่องจากเป็นร้านของแบรนด์ดังที่มั่นใจได้ในเรื่องของความสะอาดและถูกสุขอนามัย สองเท้าก้าวมาหยุดอยู่ที่หน้าแผงแล้วยืนมองบรรดาเนื้อหมูชนิดต่างๆ ในตู้ “วันนี้เอาแบบไหนดีคะ” แม่ค้าประจำร้านเอ่ยถาม “อืม... ขอคิดแป๊บนึงนะครับ” นิ้วเรียวแตะที่คางระหว่างที่คิด สายตากวาดมองไปทั่วตู้พลางนึกถึงเมนูที่จะทำกินในวันนี้ “เอาหมูบดครึ่งกิโลครับ” “เอาบดละเอียด หรือบดหยาบดีคะ” “บดหยาบครับ” “บดหยาบครึ่งโลนะคะ” “ครับ แล้วก็ผมขอสันคออีกครึ่งโลนะครับ” “ได้ค่ะ” แม่ค้ายิ้มตอบแล้วตักเนื้อหมูใส่ถุงซิปล็อก “เดี๋ยวผมกลับมาเอานะครับ” ศิลาเอ่ยพูดพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินออกมาจากหน้าร้านขายหมูเพื่อเดินตรงไปยังร้านขายขนมหวานที่เขามักจะมาบ่อยๆ ถามว่าเขาชอบกินขนมหวานเหรอ ก็คงไม่ใช่ แต่เป็นเพราะอยากจะซื้อไปฝากอาโปและกานต์ที่ชื่นชอบการกินขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจเสียมากกว่า เสียงกระดิ่งที่ติดไว้ตรงบานประตูดังขึ้นเมื่อร่างบางของศิลาผลักประตูแล้วเดินเข้าไปภายในร้าน ตู้โชว์ขนมหวานตรงเคาน์เตอร์ถูกเติมไว้จนเต็ม ทำเอาคนที่เพิ่งเดินเข้ามาลายตาไปหมด “ซื้อไรดีวะ” “ลองเค้กมะพร้าวน้ำหอมมั้ยคะ เพิ่งทำเสร็จเมื่อกี้เลยค่ะ” พนักงานพาร์ทไทม์สาวน้อยยิ้มกว้างแล้วเดินเข้ามาหาคนตัวสูงที่ยืนมองอยู่หน้าตู้ “งั้นเอาชิ้นนึงครับ” ศิลาชี้นิ้วไปที่เค้กมะพร้าวในตู้ก่อนจะสอดส่ายสายตาหาขนมชิ้นอื่นต่อ “ขอมาการองสี่ชิ้นด้วยนะครับ พิสตาชิโอสอง ชาไทยสองครับ” พนักงานหยิบที่คีบอาหารมาคีบขนมตามออเดอร์ที่ศิลาสั่งลงในกล่องแล้วปิดฝาเรียบร้อยก่อนจับใส่ถุงกระดาษแล้วยื่นให้ “เรียบร้อยค่ะ” ศิลายื่นมือข้างหนึ่งไปคว้าถุงขนม ส่วนอีกมือก็ยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานเพื่อชำระค่าขนมที่เขาเพิ่งสั่ง ก่อนจะหันหลังเดินออกมาจากร้านโดยที่ไม่ลืมรับบัตรเครดิตคืนมาใส่กระเป๋าเงินของตัวเองด้วย สองขายาวก้าวเดินกลับมายังหน้าร้านขายเนื้อหมูที่เพิ่งแวะซื้อเมื่อครู่ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเจ้าของร้านเมื่อศิลาเดินมาถึง “มาเอาหมูละค้าบ” “นี่จ้า” แม่ค้าคว้าถุงพลาสติกที่ใส่เนื้อหมูตามจำนวนที่สั่งยื่นให้ศิลา “ขอบคุณครับ” ทันทีที่ซื้อของที่ตลาดเสร็จศิลาก็รีบบึ่งรถกลับมาบ้านทันที ประตูบ้านถูกเปิดออก รองเท้าถูกถอดอย่างลวกๆ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงโคร้งเคร้งดังต่อเนื่องดังเช่นทุกเช้า ศิลาเริ่มต้นโปรยเสน่ห์ปลายจวักของตัวเองที่ถึงแม้จะมีอยู่น้อยนิด แต่มันก็ได้ผ่านการฝึกฝนขัดเกลาเพื่อเอาใจคนรักของตัวเองมายาวนานหลายปี จนเขามั่นใจแล้วว่าอาหารฝีมือเขาไม่เป็นสองรองใครแน่นอน เพราะอาโปบอกว่ากับข้าวฝีมือของเขาอร่อยที่สุดเสมอ! อาหารเช้าและอาหารว่างถูกเนรมิตขึ้นอย่างรวดเร็วใส่กล่องอาหารที่มีฝาปิดมิดชิด ศิลาหยิบใส่กระเป๋าเก็บอุณหภูมิและไม่ลืมที่จะหั่นผลไม้เป็นชิ้นพอดีคำแยกใส่อีกกล่องแล้วจับยัดลงกระเป๋าไปด้วย หลายคนที่ได้เห็นอาจสงสัยว่าวันนี้ศิลามีแพลนจะไปเที่ยวที่ไหนกับอาโปหรือเปล่า... แต่แท้จริงคือวันนี้เป็นวันออกกองถ่ายเอ็มวีของน้องนาโน เด็กฝึกตัวดีของสตูดิโอที่กว่าจะมาถึงวันนี้ก็เล่นเอาปวดหัวกันไปทั้งสตูฯ เพราะนอกจากจะต้องสู้รบกับอีโก้ของนาโนแล้ว ก็ยังต้องคอยรับมือกับคุณแม่จอมเขี้ยวของน้องอีกด้วย --------- The Story of Water and Stone 2 --------- หลายสัปดาห์ก่อนหน้า... ปึง! เสียงจากโต๊ะทำงานของอาโปดังขึ้นเมื่อคุณแม่ของนาโนฟาดมือลงมา พร้อมใบหน้าตึงเครียดที่บ่งบอกถึงอารมณ์โกรธได้เป็นอย่างดี ถ้ามนุษย์เรามองเห็นอากาศก็คงจะมองเห็นลมที่พุ่งออกมาจากหูของหล่อนแล้ว... “สรุปยังไงคะ น้องบอกว่าสตูฯ ทดสอบน้องไปแล้วแต่ยังไม่มีฟีดแบ็คอะไรกลับมาสักที” แม่ของนาโนเอ่ยถาม “คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ที่แจ้งผลช้าเพราะว่าหลังจากประเมินน้องไปแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อน เราก็กำลังเตรียมงานกันอยู่ครับ อยากให้ทุกอย่างแน่นอนแล้วบอกทีเดียวจะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด รับรองว่าลูกชายคุณแม่ได้ทำงานกับโปรดิวเซอร์ชื่อดังแน่ๆ ครับ “ได้ยินแบบนี้ก็ค่อยสบายใจหน่อย” จากสีหน้าโมโหแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีในเสี้ยววินาทีเมื่อได้ยินคำตอบ “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะคะ แม่ยินดีช่วยไม่อั้นเลยค่ะ” คุณแม่นาโนยิ้มหวานราวกับเป็นคนละคนจากตอนที่เดินเข้ามาทีแรก ทำเอาอาโปที่นั่งคุยอยู่ด้วยรู้สึกขนลุกแบบไม่ทันตั้งตัว คนอะไรจะตีสองหน้าได้มืออาชีพขนาดนี้... หลังจากเหตุการณ์นั้นก็ทำเอาวุ่นวายกันไปหมดทั้งสตูฯ เพราะพออาโปรับปากว่าจะปั้นนาโนให้เป็นศิลปินเดี่ยว ศิลาก็ต้องมารับช่วงต่อ คอยตามหาโปรดิวเซอร์ที่เหมาะกับสไตล์ของน้องเพื่อทำเพลงให้ ไหนจะเสื้อผ้าหน้าผม คอนเซปท์ต่างๆ ที่ศิลาต้องใช้คอนเน็กชั่นจากทุกคนที่เขารู้จักเพื่อตามหาคนมาร่วมทีมทำโปรเจ็คนี้ด้วย เล่นทำเอาทั้งอาโปและศิลาแทบจะไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันเลย แต่ทั้งคู่ก็ยังเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รับเงินเขามาแล้วแถมยังรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะทำเพลงให้ลูกชายเขา ก็ต้องทำออกมาให้ดีที่สุดเพราะมีชื่อเสียงของสตูฯ เป็นเดิมพัน ซึ่งก็ไม่ได้นำพาสักเท่าไหร่นัก เพราะถึงแม้ทั้งอาโป ศิลา รวมไปถึงกานต์และเตชินท์จะช่วยกันปลุกปั้นโปรเจ็คนี้กันด้วยความตั้งใจจนอดหลับอดนอนขนาดไหน แต่นาโนเองก็ดูจะไม่ได้ให้ความร่วมมือนัก ส่วนหนึ่งก็เพราะความมั่นใจในตัวเองที่มีอยู่สูงจนเกินไป คิดว่าตัวเองเก่งแล้วจนไม่ต้องซ้อมเยอะก็ได้ เพราะการทำแบบนั้นมันทำให้นาโนรู้สึกเหนื่อย และเขาก็ไม่ชอบที่จะปล่อยให้ตัวเองต้องเปียกเหงื่อด้วย อีกอย่างเขาก็เรียนเต้นมาตั้งแต่เด็ก ตอนมาออดิชั่นครั้งแรกทุกคนก็ยังพูดอยู่เลยว่าเต้นเก่งมาก เขาเลยไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยังไม่ได้มีผลงานสักที ในขณะที่เอ็มถูกป้อนงานให้ไม่หยุด “พักนานไปแล้วหรือเปล่า มาซ้อมต่อได้แล้ว” เอ็มเอ่ยทักเมื่อเห็นว่านาโนนั่งเล่นมือถือมาเกือบชั่วโมงแล้ว หลังจากซ้อมเต้นจบไปเพียงแค่ครั้งเดียว “มึงซ้อมไปก่อนเลย กูจำท่าได้ละ” นาโนตอบพร้อมเสียงเกมในมือถือดังลอดออกมาเป็นระยะ “เห้อ... แล้วก็ทำมาบ่นว่าสตูฯ ไม่สนใจ” เอ็มแอบบ่นเบาๆ ในลำคอก่อนจะหันกลับไปมองกระจกแล้วซ้อมเต้นต่อ “บ่นอะไร กูได้ยินนะ” “เล่นเกมเสร็จก็มาซ้อมต่อละกัน” เอ็มบ่นเสียงเหนื่อยหน่าย นี่ถ้าไม่ติดว่าอาโปมาขอร้องให้เขามาช่วยซ้อมเป็นเพื่อนนาโนเขาก็คงไม่มายุ่งกับไอ้นี่หรอก น่าหงุดหงิดชะมัดคนอะไรก็ไม่รู้ ทำตัวโคตรประหลาด เอ็มหันหลังเดินกลับไปเปิดเพลงเพื่อซ้อมเต้นต่อ พอเพลงดังขึ้นนาโนก็เงยหน้าขึ้นมามองแวบหนึ่งแล้วถอนหายใจออกมาก่อนจะบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ “ก็เต้นได้แล้วจะซ้อมทำไมเยอะๆ ชอบให้ตัวเองเหนื่อยรึไง ตลก” นาโนส่ายหัวแล้วละสายตาจากการมองเอ็มที่ซ้อมเต้นอย่างคล่องแคล่ว เพราะจำท่าเต้นได้ทั้งหมดแล้ว ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังอยู่หลายรอบเพราะเสียงเพลงที่เอ็มเปิดมันดังกลบจนหมด นาโนกับเอ็มหันไปมองที่บานประตูเมื่อสัมผัสได้ถึงสัญญาณจากภายนอก เอ็มรีบวิ่งมาเปิดประตูทันที “มีอะไรหรือเปล่าพี่” เอ็มเอ่ยถามศิลาอย่างสงสัย “พี่โปให้มาถามว่านาโนไม่ซ้อมหรอ เขาเห็นใน CCTV อะ อีกไม่กี่วันก็จะถ่ายเอ็มวีแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ขยันซ้อม” ศิลาถามเสียงนิ่ง “หึ” เอ็มหันไปมองนาโนแล้วแค่นหัวเราะออกมาในลำคอ “ผมบอกมันละ แต่ก็ไม่เห็นจะสนใจ” “ก็คนมันเต้นได้แล้ว ทำไมจะต้องมาซ้อมเยอะๆ ด้วย” นาโนลุกขึ้นตอบด้วยความหงุดหงิด แล้วเดินตรงดิ่งเข้ามาเหมือนจะหาเรื่องเอ็ม “หยุดเลยนะ ห้ามตีกันในนี้” สิ้นเสียงเตือนของศิลา คนทั้งคู่ก็เดินแยกกันไปคนละมุม “...” “...” ทั้งเอ็มทั้งนาโนหันยืนมองหน้ากันนิ่งแต่ภายในยังคงคุกรุ่นด้วยอารมณ์ร้อนที่ยังคงลุกโชนอยู่ ศิลายืนมองสองหนุ่มที่จ้องตากันราวกับปลากัดตัวผู้ที่กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการต่อสู้แล้วก็ได้แต่ถอนใจเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี หนึ่งคนก็คือเด็กที่สตูฯ หมายมั่นจะปั้นให้ขึ้นมือ ส่วนอีกคนก็ได้รับมอบหมายให้สร้างผลงานให้โดยมีชื่อเสียงสตูฯ เป็นเดิมพัน แต่เห็นแบบนี้แล้วจะล้มไม่เป็นท่าหรือเปล่าก็ไม่รู้... ศิลาเดินหน้าเครียดออกไปยังร้านกาแฟซึ่งห่างออกไปจากสตูฯ ไม่ไกลมากนัก ทันทีที่เดินผ่านประตูร้านเข้าไปก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นกานต์นั่งดื่มกาแฟอยู่ในร้านแล้ว “อู้งานเหรอพี่” ศิลาแซวแต่ใบหน้าไม่ได้สดใสนัก “วันนี้สตูฯ ไม่มีคลาสหนิ พี่ว่างๆ เลยแอบมาจิบกาแฟหน่อย ละแกอะ” “ก็ว่าจะมาอะไรกินให้สดชื่นหน่อยนี่แหละ ปวดหัวจะตายอยู่ละ” “เรื่องนาโนสินะ” “เออดิพี่ ไม่รู้จะทำยังไงดี พี่โปก็เครียดจะแย่ อีกไม่กี่วันจะออกกองเอ็มวีละ น้องยังดูไม่พร้อมเลย” ศิลายืนบ่นกับกานต์ได้แป๊บนึงก็หันเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ร้านกาแฟเพื่อสั่งโกโก้เย็นกับขนมกินเล่นนิดหน่อย ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเดียวกันกับที่กานต์นั่งอยู่ตั้งแต่แรก “คิดผิดคิดถูกไม่รู้ที่ตัดสินใจทำเพลงให้นาโนเนี่ย” ศิลาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะ “เอาน่ะ อย่างน้อยเงินลงทุนก็ของแม่น้องเขา สตูฯ ไม่ได้ออกสักบาท ดีจะตาย” กานต์พยายามพูดเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ช่วยสักเท่าไหร่นัก “ที่พี่พูดมันก็ถูก แต่ถ้าผลงานออกมาไม่ดี ไม่ใช่แค่ตัวนาโนที่โดนคนทั่วไปด่า แต่สตูฯ ก็จะโดนด่าไปด้วยนะพี่” “เอาหน่า ยังพอมีเวลาเว้ย ช่วยๆ กันเดี๋ยวมันก็ออกมาดีเอง” “ปวดหัวจัดๆ ไม่อยากจะคิดถึงวันถ่ายเอ็มวีเลย เห้ออออ!!” ศิลาขยี้หัวเพราะความเครียดจนหัวยุ่งก่อนจะยกกาแฟขึ้นดื่มเพื่อหวังจะให้รสชาติความขมปร่าและคาเฟอีนของกาแฟช่วยลดความกังวลในใจเขาลงได้บ้าง --------- The Story of Water and Stone 2 --------- “คัทท!!!” เสียงตะโกนสั่งคัทของเตชินท์ดังลั่นมายังหน้าเซ็ตที่กำลังถ่ายเอ็มวีกันอยู่ ทำเอานาโนที่กำลังเต้นต้องหยุดยืนนิ่งทันทีก่อนจะตามมาด้วยเสียงเพลงที่ดับลง อาโปนั่งกอดอกมองจอมอนิเตอร์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะภาพในหัวที่ได้พูดคุยวางแผนกันมากับทีมถ่ายทำมันแตกต่างกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นหน้าเซ็ต ความแข็งแรง สนุกสนานและกระตือรือร้นของตัวนาโนแทบไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ เขาจึงสะกิดบอกเตชินท์ที่รับหน้าที่เป็นผู้กำกับในครั้งนี้เพื่อให้ถ่ายใหม่อีกรอบ เพราะถ้าฝืนถ่ายจนจบเพลง สุดท้ายก็เอาฟุตเทจนี้ไปใช้งานไม่ได้อยู่ดี ซึ่งตั้งแต่เริ่มถ่ายเซ็ตแรกจนผ่านมาชั่วโมงกว่าก็ยังไม่ผ่านสักที พวกแดนเซอร์เริ่มมองหางตาใส่นาโนกันแล้วด้วย ถ้าไม่รีบแก้ปัญหาหน้างานที่กำลังเกิดขึ้น ก็คงจะต้องกลายเป็นว่าทีมสตูฯ อาจจะต้องมีปัญหากับทีมแดนเซอร์แทน “พี่ฝากดูหน่อย นาโนไร้เอเนอจี้มากตอนนี้ เหมือนทำไปงั้นๆ” อาโปเอ่ยบอกเตชินท์หลังสิ้นเสียงคัท “ได้พี่ เดี๋ยวผมจัดการให้” เตชินท์ลุกจากเก้าอี้หน้าจอมอนิเตอร์แล้วเร่งฝีเท้าตรงเข้าไปหานาโนที่กำลังยืนทำหน้าเบื่อๆ อยู่ “นาโนครับ เดี๋ยวพี่ขอพลังอีกนิดเนอะ เมื่อกี้มันเบาไปอะ นี่เพลงเปิดตัวนะ ขอเอเนอจี้เยอะๆ หน่อยนะครับ” เตชินท์บอกเสร็จก็ตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ เพื่อหวังจะให้กำลังใจก่อนจะหันหลังเดินกลับมานั่งประจำที่ตัวเองเหมือนเดิม “ร้อนจะตายอยู่ละ ใครมันจะไปมีแรงวะ ให้เต้นอยู่นั่นไม่ผ่านสักที” นาโนบ่นอุบพร้อมชักสีหน้าไม่พอใจใส่ช่างแต่งหน้าที่กำลังซับหน้าให้อยู่ หวังจะหาพวกเพื่อระบายความรู้สึกตัวเอง แต่ช่างแต่งหน้าก็ทำเพียงแค่ยิ้มแล้วซับหน้าให้จนเสร็จก่อนจะเดินออกไป เขาคงลืมไปว่าในกองถ่าย ช่างแต่งหน้าคือหน่วยข่าวกรองที่กระจายข่าวไวที่สุด “น้องเขาบ่นแล้วนะคะว่าให้เต้นอยู่ได้ไม่ผ่านซักที ร้อนจะตาย” เจ๊เก๋ช่างแต่งหน้าของกองเดินมายืนบ่นอยู่ข้างๆ หูเตชินท์หลังจากเดินออกมาจากหน้าเซ็ต “เออ กูรู้ละ ก็ความผิดตัวเองมั้ยนะ ทำไม่ได้เองกูจะให้ผ่านได้ไง” “พี่ว่าเรารีบถ่ายกันเถอะครับ ไม่อยากให้เสียเวลามากกว่านี้ เดี๋ยวจะเสร็จไม่ทันเอา” อาโปเอ่ยห้ามเมื่อได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจจากปากของเตชินท์ เพราะหากผู้กำกับมาอารมณ์เสียอีกคนงานนี้จะต้องพังแน่ๆ ลำพังแค่ต้องรับมือนาโนกับแม่ของน้องก็ปวดหัวมากเกินพอแล้ว... เสียงเตชินท์สั่งบรีฟดังขึ้นก่อนจะเริ่มถ่ายกันใหม่อีกครั้ง เพลงถูกเปิดดังขึ้นเพื่อสร้างบรรยากาศให้กับทั้งตัวของศิลปินและทั้งฝั่งของทีมงานด้วย “แอคชั่น!!!” สิ้นเสียงคำสั่งของเตชินท์การถ่ายทำก็เริ่มดำเนินไป ภาพจากหน้าจอมอนิเตอร์ฟ้องชัดว่านาโนทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้แล้วจริงๆ คงไม่สามารถบังคับขู่เข็ญให้เด็กคนนี้เต้นให้ดีขึ้นมากเกินไปกว่าที่จะเป็นในตอนนี้ได้ เพราะตัวนาโนเองที่อ่อนซ้อมและอีโก้ที่สูงเสียจนทุกคนปีนขึ้นไปดึงลงมาไม่ได้ อาโปนั่งจ้องหน้าจออยู่ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด สายตาฉายแววนึกคิดอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปสะกิดผู้กำกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วบอก “พี่ว่านาโนทำได้ดีสุดแค่นี้แหละ คงต้องปล่อยผ่านละ เดี๋ยวให้ตัดต่อช่วยเอา” “เอางั้นจริงอ่อพี่ คนตัดจะลำบากเอานะพี่” เตชินท์แย้ง “ก็ทำไรไม่ได้แล้ว ไม่งั้นวันนี้เราถ่ายไม่ทันแน่ๆ” “เคพี่ งั้นก็ตามนั้น” เตชินท์รับคำจากรุ่นพี่ก่อนจะหันไปมองจอมอนิเตอร์อีกครั้งแล้วออกคำสั่ง “คัทครับ! ผ่านครับ เปลี่ยนชุดเลย” “เห้ออออ” อาโปเอนหลังพิงลงกับเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ไม่รู้จะต้องรู้สึกยังไงในตอนนี้ เขารู้เพียงแค่ว่าต้องทำโปรเจ็คนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปให้ได้ ไม่น่าหาเหามาใส่หัวเลยจริงๆ “อุ้ย!” เสียงอุทานเพราะความตกใจดังขึ้นเมื่อมีขวดน้ำเย็นๆ ปะทะเข้าที่ผิวแก้มของอาโป เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่แอบลอบรังแกแก้มเนียนของเขาให้ต้องรับสัมผัสที่เย็นยะเยือก “ตกใจหรอครับ” เสียงนุ่มเอ่ยทักพร้อมมอบรอยยิ้มหวานให้ ทำเอาอาโปอดยิ้มตามออกมาไม่ได้ “มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” อาโปถามแล้วยื่นมือมารับขวดน้ำผลไม้ที่ศิลาเอามาให้ “พักนึงแล้วครับ แต่เห็นพี่กำลังทำงานผมเลยไม่อยากเข้ามาขัด” ศิลาลากเก้าอี้ตัวว่างที่วางอยู่ด้านหลังมานั่งลงข้างอาโป “อันนี้ข้าวกล่องครับผมทำมาให้” “ขอบคุณนะครับ” อาโปรับกล่องข้าวและกล่องผลไม้สดอีกสองกล่องมาวางไว้บนโต๊ะที่วางมอนิเตอร์แล้วหันมาหาศิลา “หนูไปนั่งรอที่ห้องแต่งตัวก็ได้นะจะได้เย็นหน่อย ตรงนี้มันร้อน” “อยากอยู่ให้กำลังใจพี่โปมากกว่าอะ” “แล้วแต่เลย แต่ถ้าร้อนก็เดินไปรอที่ห้องแต่งตัวได้” คนพี่บอกย้ำอีกครั้งก่อนจะหันไปคุยกับเตชินท์ที่เดินเข้ามาปรึกษาอะไรบางอย่าง ซึ่งศิลาก็ไม่ทันได้สนใจฟังสักเท่าไหร่เพราะมัวแต่มองนู่นนี่นั่น ห่างหายจากการออกกองไปเสียนานวันนี้ได้มาสัมผัสความรู้สึกเดิมๆ อีกครั้งก็ทำเอาคนน้องอดที่จะตื่นตาตื่นใจไม่ได้ “หวัดดีครับ” นาโนที่เพิ่งเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเดินออกมาหน้าเซ็ตยกมือขึ้นไหว้พร้อมเอ่ยทักทายศิลา “อ้าว หวัดดีน้อง หล่อเลยวันนี้” ศิลายิ้มแย้มทักทายกลับ แต่อีกฝ่ายดันทำหน้าตึงไม่ยินดียินร้ายกับคำชมที่เพิ่งได้รับ ไอ้เด็กนี่ จะทำเป็นไม่เห็นละกันนะ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD