“มึงก็ทำเสียงดุ น้องเค้านิ่งไปละเห็นมั้ย” เสียงแหบห้าวที่ลอดเข้าหูทำให้ฉันรู้สึกตัว ก่อนจะเบนสายตามายังคนพูด แล้วก็เห็นผู้ชายหน้าตาดีมากอีกสามคนกำลังส่งยิ้มมา ฉันยิ้มตอบก่อนจะหันกลับมาที่คู่กรณีเนื่องจากหมุนไปทางไหน...ปลายผมก็ยิ่งดึงรั้ง เจ็บจนรู้สึกได้
“ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจ”
ความที่ถูกอบรมพร่ำสอนมาแต่เด็กว่ามารยาทเป็นสิ่งสำคัญทำให้ฉันเอ่ยปากขอโทษอีกครั้ง ทว่าหนุ่มหล่อเกินต้านไม่ได้พูดอะไร นอกจากใช้สายตาคู่คมกริบมองมานิ่งๆ... มองจนฉันรู้สึกร้อนที่ใบหน้า ใจเต้นตึกตักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “เอ่อ... หนูจะรีบเอาผมออกเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”
หมับ! เฮือก! ฉันเอื้อมมือไปที่ปลายผมซึ่งติดอยู่กับกระดุมเสื้อของร่างสูงตรงหน้า ชั่วเวลาเดียวกันนั้น มือใหญ่ของคู่กรณีก็สัมผัสเข้าที่มือเรียวบางของฉันพอดีเป๊ะ เล่นเอาฉันสะดุ้งวาบราวกับโดนไฟฟ้าช็อต ก่อนจะชักมือออกอย่างรวดเร็ว
“บอกให้อยู่นิ่งๆ ติดแน่นขนาดนี้จะเอาออกเองได้ไง” น้ำเสียงเรียบเฉยของคนพูดทำเอาฉันใจเต้นโครมครามหนักกว่าเดิม ยืนตัวแข็งทื่อ สั่งสองตาตัวเองให้จดจ้องที่ไหล่ข้างขวาของอีกฝ่าย ไม่กล้าหลุดโฟกัสไปมองใบหน้าอันหล่อเหลาแม้แต่แวบเดียว
เชื่อมั้ยว่าขณะที่ร่างสูงกำลังสาละวนเอาปลายผมออกจากกระดุม ฉันดันรู้สึกร้อนวูบวาบตั้งแต่ใบหน้าลงมาจรดปลายเท้า นี่เป็นครั้งแรกที่โดนผู้ชายซึ่งไม่ใช่คนในครอบครัวจับต้องผมอันยาวเฟื้อยของตัวเอง...
เขินมาก... เขินไม่ไหว... เขินที่สุดในจักรวาล
ตึก! หนุ่มหล่อขยับขาเข้ามาใกล้มากขึ้น ฉันก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ ใจดวงน้อยเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม
“อย่าถอยดิ อยู่ไกลเอาออกไม่ถนัด”
“ขะ ขอโทษค่ะ” ฉันเอ่ยปากขอโทษก่อนจะเม้มปากแน่น นี่มันใกล้เกินไปแล้วนะ ใกล้จนได้กลิ่มน้ำหอมอ่อนๆ ออกมาจากตัวคนตรงหน้า แถมยังรู้สึกได้ว่าเขาสูงกว่าตัวเองเยอะมากจริงๆ
“น้องสองคนมาเที่ยวหาเพื่อนแถวนี้เหรอครับ” หนึ่งในผู้ชายสามคนที่มากับหนุ่มหล่อดาเมจรุนแรงชวนคุยอย่างเป็นกันเอง ฉันไม่ได้หันไปมอง ยังคงยืนนิ่ง... ไม่กล้ากระดุกกระดิกตัวไปทางไหน
“เปล่าค่ะ หนูกับเพื่อนเพิ่งออกมาจากหอค่ะ” ฝันตอบด้วยน้ำเสียงสดใส
“พักแถวนี้แสดงว่าเรียน ม.A อ่ะดิ”
“ใช่ค่ะ” ฝันยังคงทำหน้าให้คำตอบที่ดีต่อไป
“ปีหนึ่ง?”
“ค่ะ”
“แล้วเรียนคณะไรกันบ้างครับ พวกพี่สี่คนก็เรียนวิศวะ ม.A เหมือนกัน”
“พวกหนูสองคนเรียนเอกญี่ปุ่นค่ะ”
พรึ่บ! ในที่สุดปลายผมของฉันที่ติดแหง่กกับกระดุมก็หลุดออก ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบขยับตัวห่างจากหนุ่มหล่ออย่างรวดเร็ว ก่อนจะค้อมหัวขอบคุณอย่างเด็กมารยาทดีเมื่อมีใครช่วยทำอะไรให้
“ขอบคุณนะคะ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้พี่ต้องเสียเวลา”
“ไม่เป็นไร ก็เราไม่ได้ตั้งใจนี่” แม้จะเป็นประโยคที่แสนธรรมดา น้ำเสียงก็โคตรนิ่ง แต่หน้าตาคนพูดนี่สิ... พรีเมี่ยมมาก พรีเมี่ยมถึงขนาดทำเอาฉันใจเต้นแรงกว่าเดิมสิบระดับได้
“^__^” ฉันส่งยิ้มเล็กๆ ให้คนตรงหน้าราวกับไม่รู้สึกอะไรทั้งที่เขินแทบแย่ ทำทีเป็นหันหน้าไปทางอื่นเรื่อยเปื่อยเนื่องจากต้านทานใบหน้าหล่อฟ้าประทานไม่ไหว ขืนมองนานกว่านี้...นี่ว่าตัวเองมีเข่าทรุดอ่ะ
“งั้นพวกหนูสองคนขอตัวก่อนนะคะ... ไปทานข้าวกันเถอะฝัน เราหิวมากแล้วเนี่ย” ฉันบอกพี่ผู้ชายสี่คนนี้ ก่อนจะหันไปชวนฝันด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“เอาสิพีช ไปเถอะ” ฝันพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เราสองคนจะบอกสวัสดีพวกเขาอย่างมีมารยาทแล้วเดินออกมา...