หนุ่มหล่อเกินต้าน
“อยู่คนเดียวได้จริงๆ นะลูกพีช” คุณป้าถามด้วยสีหน้าเป็นกังวลเมื่อต้องปล่อยฉันไว้คนเดียวในห้องใหม่แห่งนี้ ห้องที่ฉันอาจจะอยู่ยาวถึงเรียนจบมหาลัยเลยล่ะ
“สบายมากค่ะ” ฉันตอบด้วยรอยยิ้มกว้างหวังให้ทุกคนคลายกังวล
“ให้พี่เค้กอยู่เป็นเพื่อนสักคืนก่อนมั้ย มาถึงก็อยู่คนเดียวเลย ลุงว่ามันจะเหงาเอานะลูก” คุณลุงถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง ไม่ต่างจากคุณป้าแม้แต่น้อย
“ได้นะ ให้พี่อยู่เป็นเพื่อนก่อน ยังไงมหาลัยพี่ก็เปิดช้ากว่าของพีชวันนึงอยู่ละ”
พี่เค้กซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กของคุณลุงคุณป้าระรัวพยักหน้าทำให้ฉันยิ้มออกมา
“พีชอยู่ได้จริงๆ ค่ะ อีกอย่างพี่เค้กต้องย้ายของเข้าคอนโดเหมือนกัน ไหนรุ่นพี่จะนัดพรุ่งนี้ตอนบ่ายอีก อย่าให้พีชเป็นต้นเหตุทำให้พี่เค้กช้ากว่าเดิมเลยค่ะ... นะคะ...น๊า” ฉันออดอ้อนแบบที่ชอบทำอยู่บ่อยๆ ทำเอาคุณลุงกับคุณป้ามองหน้ากันด้วยสีหน้าชั่งใจ
“เราอ้อนขนาดนี้ป้าจะขัดยังไงไหว” คุณป้าถอนหายใจยาวก่อนจะอ้าแขนออก “มา... ขอป้ากอดให้ชื่นใจหน่อย เดี๋ยวจะไม่เจอกันอีกหลายเดือน” ฉันยิ้มกว้าง โผเข้ากอดป้าสะใภ้ซึ่งเลี้ยงดูฉันมาเป็นอย่างดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“ถึงไม่เจอกันแต่เรายังวีดีโอคอลหากันได้ทุกวันนะคะ พีชรักคุณป้าน๊า” ฉันออดอ้อนก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดอันอบอุ่น แล้วก็เห็นน้ำใสๆ คลอที่เบ้าตาของคุณป้า
“ป้าก็รักลูกพีชนะลูก ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ” คุณป้าย้ำอีกครั้ง
“ค่ะ” ฉันพยักหน้าพลางยิ้มจนตาหยี ก่อนจะหันมากอดคุณลุงบ้าง
“เจอกันอีกทีช่วงปิดเทอมนะคะคุณลุง พีชฝากดูแลคุณป้ากับคุณตาด้วยนะคะ”
“เราก็ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะตัวแสบของลุง” คุณลุงบอกพลางลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน
“วางใจได้ค่ะ เรื่องดูแลตัวเองพีชจะทำให้ดีที่สุดเลย”
ฉันผละออกจากอ้อมกอดแล้วยิ้มแฉ่งให้พี่ชายคนเดียวของคุณแม่ ก่อนจะหันมาหาพี่เค้กซึ่งเป็นทั้งลูกพี่ลูกน้องและเพื่อนที่สนิทที่สุด พี่สาวคนนี้อายุมากกว่าฉันหนึ่งปีแต่เรียนชั้นเดียวกันมาตลอด 6 ปีเลยล่ะ
“ไว้นัดกันอีกที” พี่เค้กบอกพลางอ้าแขนกว้าง ฉันพยักหน้าพลางโผเข้าสวมกอดร่างบางอย่างเต็มรัก อีกไม่กี่อึดใจเราสองคนจะกลายเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง แถมยังต้องใช้ชีวิตคนเดียวเพราะสอบติดคนละที่ เจอกันได้ก็ต่อเมื่อว่างตรงกันเท่านั้น
“ไว้นัดกัน” ฉันผละออกจากอ้อมกอดแล้วขยิบตาให้พี่เค้กหนึ่งที เราสองคนหัวเราะคิกคักแบบรู้กัน
แกร๊ก!
พอปิดประตูลง ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดด้วยความตื่นเต้น ตั้งแต่วันนี้ไปต้องใช้ชีวิตคนเดียวแล้วสินะ
อันที่จริงฉันเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิดค่ะ ปะป๊าของฉันเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น – ไทย ส่วนคุณแม่เป็นคนเหนือโดยกำเนิดอย่างจังหวัดแพร่ ท่านทั้งสองเจอกัน รักกัน ก่อนจะตกลงแต่งงานในที่สุด แล้วก็มีฉันออก มาเป็นพยานรักนั่นล่ะ
แต่ด้วยหน้าที่การงานที่ค่อนข้างใหญ่โตของปะป๊าทำให้ท่านต้องไปประจำที่สาขาประเทศอังกฤษเป็นเวลา 5 ปี คุณแม่ยอมลาออกจากงานเพื่อไปด้วยกัน อันที่จริงเราจะย้ายไปทั้งครอบครัว แต่คุณยายแย้งว่าไม่ควรเอาฉันไปด้วยเพราะฉันกำลังจะเข้าเรียนชั้นมัธยม ถ้าย้ายไป 5 ปี กลับมาอีกทีฉันจะขึ้นชั้น ม.6... การเรียนอาจไม่ต่อเนื่องได้
ก็อย่างที่รู้... การศึกษาของแต่ละประเทศค่อนข้างแตกต่างกัน ปะป๊ากับคุณแม่ตัดสินใจอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจขายบ้าน แล้วฝากฉันไว้กับคุณตาคุณยาย คุณลุงคุณป้าที่ จ.แพร่ในที่สุด
จากนั้นเป็นต้นมา เด็กที่อยู่ กทม. ตั้งแต่เกิดอย่างฉัน ก็ได้ย้ายไปเรียนชั้นมัธยมที่ จ.แพร่ ซึ่งเป็นจัง หวัดเล็กๆ ทางภาคเหนือ เอาจริง! ฉันไม่ได้รู้สึกเหงาหรือขาดความอบอุ่นอะไรเลย อยู่ที่นั่นสนุกมากเพราะมีลูกพี่ ลูกน้องวัยไล่เลี่ยกันอย่างพี่เบสและพี่เค้กคอยเป็นเพื่อน แถมคุณตาคุณยายก็มีไร่ผลไม้รวมถึงโรงแรมขนาดใหญ่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพัก คุณลุงคุณป้าก็ช่วยดูแลกิจการด้วยอีกแรง ฉันเลยเติบโตมาท่ามกลางความรักและความเอาใจใส่ของญาติพี่น้องยังไงล่ะ
ถึงตัวจะไกลจากผู้ให้กำเนิดหลายพันไมล์ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะห่างจากปะป๊ากับคุณแม่ไปเลยนะคะ ฉันสนิทกับคุณแม่มากค่ะ ปิดเทอมทุกครั้งฉันต้องบินไปอยู่กับท่านทั้งสองที่อังกฤษตลอด ใช้เวลาร่วมกันให้มากที่สุด แล้วพออยู่ห่างกันคนละซีกโลกก็วีดีโอคอลหากันทุกวัน เล่าว่าวันนี้ทำอะไรมาบ้างให้ท่านทั้งสองฟัง แม้จะไม่ได้กอดกันแต่ก็รับรู้เสมอว่าปะป๊ากับคุณแม่รักฉันมาก
ล่าสุดปะป๊าถูกย้ายไปประจำที่สาขาอเมริกาอีก 4 ปีถึงจะได้ย้ายกลับมาเมืองไทยถาวร ถ้าฉันเรียนจบเมื่อไหร่...ครอบครัวของเราคงได้อยู่พร้อมหน้ากันสักทีนั่นล่ะ
ฉันเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน รื้อกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เพื่อเอาเสื้อผ้าเข้าตู้เป็นอันดับแรก อันที่จริงปะป๊า คุณแม่ คุณตา คุณลุง คุณป้าอยากให้ฉันอยู่คอนโดมากกว่าหอพัก พวกท่านมองว่ามันปลอดภัยมากกว่ากัน แต่คอนโดที่ใกล้มหาลัยมากที่สุดดันอยู่ห่างประมาณ 5 กิโลได้ แถมมาเรียนก็ต้องนั่งบีทีเอสมาอีก เพราะงั้นฉันเลยออดอ้อนขอให้เช่าหอพักแถวหลัง ม.ให้อยู่แทน... ก็แบบ ถ้าวันไหนมีเรียนเช้าจะได้เข้าทันไงเล่า
แล้วก็เป็นโชคดีมากที่ได้อยู่หอนี้ เป็นหอพักใหม่เอี่ยมเพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน ที่สำคัญฉันได้อยู่ห้องมุมด้วยล่ะ ห้องกว้างเป็นสัดส่วนแยกกันชัดเจน มีทั้งห้องนอน ห้องน้ำ ห้องรับแขก ห้องครัวอยู่ในตัว แถมระบบรักษาความปลอดภัยก็โอเคมากเพราะงั้นผู้ใหญ่เลยวางใจได้น่ะนะ
ฉันจัดของโน่นนี่นั่นให้เข้าที่เข้าทางจนเสร็จ รู้สึกตัวอีกทีคือท้องร้องแล้ว พอหยิบมือถือขึ้นมาดูหน้าจอ
เออ... ก็ว่าอยู่ทำไมหิว! นี่ปาเข้าไปเกือบหกโมงครึ่งละ หาไรกินก่อนดีกว่า
หมับ! ฉันเอื้อมมือหยิบกระเป๋าตังค์ ปิดแอร์ให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินตรงไปยังลิฟท์ซึ่งอยู่กลางตึก แต่ยังไม่ทันถึงที่หมายก็ชะงักเล็กน้อยเมื่อมีห้องนึงเปิดประตูออกมา
“น้องกำลังยะลงไปกิ๋นข้าวจ้าว... จ้าว...หวัดดีจ้าว” หือ! ภาษาเชียงใหม่นี่!
ฉันแอบเหล่ไปทางคนพูดก็เห็นผู้หญิงผมยาว ผิวขาว ตาโต หน้าตาน่ารัก ท่าทางเป็นมิตรกำลังส่งยิ้มมา ฉันยิ้มตอบก่อนจะเดินไปกดลิฟท์โดยมีเธอเดินตามมาติดๆ
“คือว่า... เธอกำลังเข้าปี 1 เอกญี่ปุ่นใช่เปล่า” เธอทักฉันอย่างเป็นกันเอง แอบงงที่อีกฝ่ายรู้ว่าฉันเป็นเฟรชชี่เอกญี่ปุ่น แต่ก็พยักหน้าให้อ่ะนะ
“อื้อ”
“เย้! นึกว่าจะหน้าแหกละ ดีใจที่ทักถูกคน เราฝันหวานนะ เรียกฝันเฉยๆ ก็ได้ เอกญี่ปุ่นปี 1 เหมือนกัน”
กรี๊ด! ตาฉันวิ้งในบัดดล ได้เพื่อนแล้วแถมเป็นเพื่อนเรียนเอกเดียวกันด้วย ไม่ว้าเหว่ละลูกพีชเอ๊ย!
“จริงป่ะเนี่ย! เราชื่อลูกพีชนะ เรียกพีชอย่างเดียวก็ได้” ฉันรีบแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มกว้าง “ดีใจอ่ะ เจอเพื่อนเอกเดียวกันตั้งแต่ก่อนเปิดเทอม ว่าแต่ฝันรู้ได้ไงว่าเราเรียนเอกญี่ปุ่น เราสองคนยังไม่เคยเจอกันป่ะ” ฉันมุ่นคิ้วถามอย่างไม่แน่ใจพลางเดินเข้าลิฟท์โดยมีฝันเดินตามมาติดๆ
“อันที่จริงยังไม่เคยเจอหรอก แต่รุ่นพี่บอกเรามาว่าหอนี้มีเพื่อนเอกญี่ปุ่นพักอยู่ด้วย อ๊ะ! อย่าเพิ่งทำหน้างง รุ่นพี่ที่ว่าก็คือพี่เอ...ประธานเอกญี่ปุ่นปี 2 ไง”
“อ๋อ! พี่เอที่หล่อๆ แต่แทนตัวเองว่าพี่สาวใช่ป่ะ” ฉันถามอย่างนึกได้ วันรายงานตัวมีรุ่นพี่ปี 2 เข้ามาคุยด้วย บอกว่าวันปฐมนิเทศถ้าเสร็จพิธีแล้วอย่าเพิ่งกลับ ให้อยู่รอพบเพื่อนในรุ่นก่อน
“ใช่ๆ พี่เอคนที่สวยที่สุดในปี 2 นั่นล่ะ” ว่าแล้วฝันก็หัวเราะคิกคักทำให้ฉันหัวเราะตาม ก็พี่เอที่เราสองคนพูดถึงคือสตรีข้ามเพศที่เป็นกันเองกับรุ่นน้องม๊ากมาก ตอนแนะนำตัวกับฉันก็บอกว่าพี่สวยที่สุดในบรรดาปี 2 แล้ว ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจถามคนสวยอย่างพี่ได้เลย พี่ไม่กัดคอแน่นอนถ้าไม่ใช่ผู้ชาย
“แล้วทำไมฝันถึงคิดว่าเราคือคนที่พี่เอพูดถึงล่ะ ถ้าเดาคือเก่งมากนะ เดาถูกด้วย” ฉันเลิกคิ้วถามด้วยความรู้สึกโคตรจะเหลือเชื่อ
“หึ!” ฝันส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่ได้เดาเก่งไรหรอก ก็พี่เออีกนั่นแหละบอกเราว่า เพื่อนที่อยู่หอเดียวกันไว้ผมยาว ผิวขาว ตัวบางๆ ตาโต จมูกโด่ง แก้มอิ่มๆ มองบางมุมก็สวย มองบางมุมก็น่ารัก เราเห็นหน้าพีชครั้งแรกคิดว่าใช่เลย... นี่แหละต้องเป็นคนที่พี่เอบอกแน่” ฝันบอกพร้อมกับยิ้มหวาน ว้าว! เป็นรอยยิ้มที่โคตรมีเสน่ห์เลย
“ฝันยิ้มน่ารักจัง” ฉันเผลอบอกไปตามที่ใจคิด ฝันทำหน้าเหรอหราก่อนจะหัวเราะเขินๆ
“โดนคนน่ารักอย่างพีชชม เราทำตัวไม่ถูกแล้วเนี่ย” ว่าแล้วเราสองคนก็หัวเราะให้กันซะงั้น
ติ๊ง!
พอประตูลิฟท์เปิดออก ฉันกับฝันเดินออกมาพร้อมกัน เราตกลงกันว่าจะไปทานข้าวที่ร้านดังแถวซอยหลัง ม. ซึ่งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ระหว่างนี้ก็คุยเล่นกันเรื่อยเปื่อยเพื่อเพิ่มความสนิทสนมไปในตัว
และเป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด ฝันเป็นคนเชียงใหม่ เบื่อเชียงใหม่เพราะอยู่มาตั้งแต่เกิดเลยเลือกมหาลัยในกรุงเทพ แล้วพอฉันบอกว่ามาจากแพร่ ฝันก็ตื่นเต้นเข้าไปอีกที่ได้เพื่อนคนแรกเป็นคนเหนือเช่นกัน
“แม่งโคตรน่ารัก”
“เออ! ตุ๊กตาชิบหาย ไม่เคยเห็นมาก่อนปีหนึ่งแน่ว่ะ คณะไรวะ”
“เชี่ย! พวกมึงดูดีๆ อีกคนก็น่ารักเว้ย หน้าโคตรหวาน”
“หยุดเดินทำไมวะ” น้ำเสียงนิ่งๆ ของใครบางคนทำให้หนุ่มสามคนที่มัวแต่พูดถึงเด็กสาวทั้งสองหันขวับมาทางคนถามอย่างรวดเร็ว
“มึงดูน้องคนนั้นดิไอ้เทมส์ เกินต้านชิบหาย ตุ๊กตาชัดๆ”
“ใคร?” เทมส์... หนุ่มฮ็อตอันดับต้นๆ ของมหาลัยเลิกคิ้ว เพื่อนสนิทของเขาพากันส่งซิกซ์ไปทางเด็กสาวซึ่งเป็นหัวข้อสนทนาทำให้หนุ่มหล่อหันมองตาม
จังหวะเดียวกันนั้น เธอเดินสวนเขาพอดี ด้วยความที่อากาศร้อนหรืออะไรก็ไม่ทราบได้ เด็กสาวหน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตาใช้มือรวบผมที่ยาวจนเกือบถึงเอวขึ้นเป็นหางม้าแล้วเขย่าเบาๆ
กึก! แต่ทันใดนั้น ปลายผมของเธอดันเกี่ยวเข้ากับกระดุมเสื้อของเทมส์ซะงั้น...
“อุ๊ย!” ฉันเผลออุทานอย่างตกใจเมื่อรู้สึกดึงรั้งที่ปลายผมเหมือนมันเกี่ยวเข้ากับบางอย่าง พอหันมองตามสัญชาติญาณก็พบว่าปลายผมของตัวเองดันติดแหง่กอยู่กับกระดุมเสื้อของใครบางคน
จะบ้า! เพราะอากาศร้อนทำให้ฉันอ๊องจนได้เรื่องแล้วมั้ยล่ะ ฉันโอดครวญในใจก่อนจะออกปากขอโทษคู่กรณีโดยเร็ว
“ขอโทษค่ะ... โอ๊ย!” ฉันรีบค้อมหัวขอโทษ แต่ปลายผมยิ่งดึงรั้งจนเจ็บหนังหัวมากขึ้นไปอีก
“อยู่นิ่งๆ” น้ำเสียงเรียบเฉยที่เอ่ยขึ้นมาทำให้ฉันรู้สึกขายหน้าในความเอ๋อของตัวเองเข้าไปใหญ่
ขวับ! พอเงยหน้ามองเจ้าของกระดุมเสื้อ ฉันเกิดอาการตัวแข็งค้างในชั่ววินาที ละ... หล่อมากกก!
หล่อจนลูกพีชคนนี้แทบลืมหายใจเลย ผู้ชายอะไรเบ้าหน้าฟ้าประทานชัดๆ เริ่มจากกรอบหน้าได้รูปที่ชัดมาก ตาคมแต่วิ้งวับ คิ้วเข้มเรียงเป็นระเบียบ ริมฝีปากสีชมพูได้รูปสวย จมูกนี่พุ่งออกมาชัดมากแต่โคตรรับกับใบหน้าเลย ไหนจะตัวสูง ไหล่กว้าง ยิ่งใส่เชิ้ตดำตัดกับผิวขาวดูสุขภาพดีของเขาด้วยแล้ว... ยิ่งทำให้หนุ่มคนนี้ดูหล่อแบบเกินต้าน หล่อแบบออลคิล ประติมากรรมชั้นเลิศที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาเป็นแบบนี้สินะ!