ใกล้จะทุ่มครึ่งละ ฉันยังไม่ได้กลับหอแถมตอนนี้ฝนเริ่มลงเม็ดแล้วด้วย... เซ็งชะมัด
ฉันเข้ามานั่งรอคัดตัวหลีดตั้งแต่สี่โมง นึกว่าเต้นเสร็จจะได้กลับ
แต่เปล่าเลย...รุ่นพี่ดันบอกว่าให้รอก่อนเพราะต้องซ้อมท่าพื้นฐานให้เพื่อนที่คัดตัวผ่านแล้ว รอไปรอมา รอจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ก็ไม่อยากคิดหรอกนะว่านี่คือการกลั่นแกล้ง แต่มันเห็นเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย
ไม่อยากเชื่อเลยว่าระดับอุดมศึกษาจะมีเรื่องแบบนี้ด้วย นี่ถ้ารุ่นพี่เอกญี่ปุ่นเป็นหลีดคณะสักคน ฉันคงได้กลับหอนานแล้ว แต่เพราะเอกฉันตั้งแต่ปี 1 ยันพี่ปี 4 ไม่มีใครสนใจเรื่องพวกนี้... ฉันเลยต้องมานั่งแกร่วอยู่คนเดียว
ถ้าไม่เพราะอยากให้ใครบางคนที่รักมากสมปรารถนา ฉันคงไม่ทนมาถึงขนาดหรอก ฉันแค่อยากเรียนจบที่มหาลัยแห่งนี้ อยากใช้ชีวิตนักศึกษา 4 ปีอย่างสงบสุข แต่พอมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้มันโคตรบั่นทอนจิตใจเลย เฮ้อ!
“น้องลูกพีชคะ” หนึ่งในรุ่นพี่ที่บอกให้ฉันมาคัดตัวเรียกฉันเสียงแข็ง
“ขา”
ฉันปิดหน้าแชทไลน์ที่คุยกับฝัน รายนั้นเป็นห่วงฉันมาก อันที่จริงฝันจะมารอเป็นเพื่อน คือซ้อมเชียร์เลิกตอนหกโมงครึ่งแล้วไง แต่ฉันยับยั้งไว้เพราะรู้ว่าเพื่อนต้องหิวข้าวแน่นอน แล้วพอฝันรู้ว่าฉันไม่มีร่ม ถึงกับจะเดินจากหอเพื่อมารับจนต้องรีบห้ามไว้อย่างไง ละบอกว่าเดี๋ยวนั่งแกร๊ปกลับเองง่ายกว่า
“พวกพี่ลงความเห็นกันว่าน้องไม่ต้องคัดตัวแล้วค่ะ ปีหนึ่งที่คัดผ่านทำได้ดีมาก พวกพี่ไม่ต้องการหลีดเพิ่มละ น้องกลับได้เลย”
“โอเคค่ะ งั้นหนูกลับเลยนะคะ สวัสดีค่ะ” แม้จะเซ็งแค่ไหนที่โดนแกล้ง ฉันก็ยังยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อมเพราะไม่อยากโดนข้อหาไม่เคารพรุ่นพี่เพิ่มอีกกระทงไงเล่า
ยี่สิบนาทีผ่านไป
ข่าวร้าย! หลังจากเรียกแกร๊ปมาสักพักดันไม่มีใครรับ เพราะงั้นฉันเลยตัดสินใจวิ่งลุยฝนออกจากตึกคณะมาทางประตูหลังให้รู้แล้วรู้รอด ตอนนี้ใน ม. ค่อนข้างเงียบ นักศึกษามีให้เห็นบ้างแต่ค่อนข้างบางตา
ส่วนลูกพีชคนนี้... กำลังทำตัวเป็นนางเอกเอ็มวีวิ่งตากฝนปรอยๆ ในชุดนักศึกษา กระเป๋าที่มีก็ต้องกอดไว้กับอกเพราะกลัวคนอื่นเห็นบรา มีใครซวยกว่านี้อีกมั้ย ตอบ!
ปิ๊น!
เสียงแตรรถที่ขับสวนไปไม่สามารถเรียกความสนใจจากฉันได้ ฉันยังคงวิ่ง วิ่งและวิ่งโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
พรึ่บ! จนกระทั่งมีอะไรบางอย่างเข้ามาคลุมหัว
กึก! ฉันหยุดชะงักและพยายามหาคำตอบว่ามันคืออะไร?
แสงของหลอดไฟนีออนตามตึกรวมถึงแสงไฟจากรถยนต์ที่ขับใน ม. ทำให้ฉันสังเกตเห็นว่าบริเวณพื้น... นอกจากจะมีเงาของตัวเองแล้ว ดันมีเงาของใครอีกคน!
ขวับ! ฉันหันหลังอย่างหวาดหวั่นปนผวา ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลล่ะก็... จะกรี๊ดให้สุดชีวิตเลย แต่แล้วต้องตาโตโดยทันควัน
“พี่เทมส์!” ฉันเรียกรุ่นพี่ตรงหน้าอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะเป็นเขา ไม่คิดว่าพี่เทมส์จะยืนอยู่ตรงนี้!
“ขึ้นรถ เดี๋ยวไปส่ง” ว่าแล้วพี่เทมส์ก็จับแขนข้อศอกฉันอย่างละมุนละม่อมพลางดึงมายังรถของพี่เขา ในสถานการณ์นี้ฉันไม่ได้ขัดขืนแถมยอมเดินตามแต่โดยดี
อย่างน้อยพี่เทมส์ก็เป็นรุ่นพี่ในมหาลัย เป็นคนที่เคยช่วยฉันเมื่อโดนรุ่นพี่ในเอกแกล้ง ถือว่าไว้ใจได้ในระดับนึง เขาคงไม่คิดร้ายกับฉันหรอก ดีเสียอีกที่ไม่ต้องเปียกฝนจนถึงหอ... วิ่งกลับคนเดียวยังอันตรายกว่าขึ้นรถพี่เขาด้วยซ้ำ
แกร๊ก! พี่เทมส์เปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้ฉันเข้ามานั่ง ก่อนที่พี่เค้าจะอ้อมไปสตาร์ทรถบ้าง
“ขอบคุณพี่เทมส์มากเลยนะคะ” ฉันยกมือไหว้หนุ่มหล่อเกินต้านอย่างนอบน้อม
พี่เทมส์ไม่ได้พูดอะไร นอกจากมองเข้ามาที่ดวงตาฉันนิ่งๆ มองจนฉันสู้สายตาไม่ไหว ใจเต้นตึกตัก ก่อนจะเฉไฉทำเป็นสนใจสิ่งที่คลุมหัว
หมับ! ฉันหยิบมันลงมาดู แล้วค้นพบว่ามันคือเสื้อช็อปคณะวิศวะ
“เอ่อ เดี๋ยวหนูซักคืนให้นะคะ มันเปียกหมดแล้ว” ฉันยิ้มแหยพลางชูเสื้อช็อปของพี่เขาขึ้น
“ตามใจเราดิ แล้วมืดค่ำขนาดนี้ทำไมกลับคนเดียว วันนี้ก็ไม่เข้ารับน้อง”
เออเนอะ! ฉันคิดมาตลอดว่าพี่เขาเป็นคนนิ่ง... นิ่งแบบไม่ค่อยพูด อันที่จริงก็พูดยาวๆ ได้แฮะ ว่าแต่พี่เทมส์รู้ด้วยว่าฉันไม่เข้ารับน้อง สังเกตกันด้วย?
“หนูไปคัดตัวหลีดมาค่ะ” ฉันตอบเสียงเบาบาง ซะที่ไหนกันเล่า... ฉันไปเข้าโรงเชือดให้รุ่นพี่แกล้งต่าง หาก เฮ้อ!
“เช็ดหน้าเช็ดผมด้วย เดี๋ยวหวัดจะกินเอา” ว่าแล้วก็ยื่นผ้าขนหนูมาให้ ฉันไม่กล้ารับเพราะแค่นี้พี่เทมส์ก็หยิบยื่นน้ำใจมาให้เยอะมากแล้ว
“พี่เทมส์ก็เปียกเหมือนกัน พี่เช็ดเถอะค่ะ” ฉันบอกอย่างเกรงใจ
“อย่าดื้อ รับไป” พี่เทมส์ใช้น้ำเสียงดุเหมือนตอนเป็นพี่ว้ากทำเอาฉันคว้าผ้าขนหนูอย่างเกร็งๆ ก่อนจะเช็ดหน้าเช็ดผมอย่างรวดเร็ว
“อยากเป็นหลีดเหรอ” เอ้า! เปลี่ยนโหมดละ ชวนฉันคุยเสียงนิ่งซะงั้น หนูปรับอารมณ์ตามไม่ทันแล้วค่ะคุณพี่
“ก็เปล่าค่ะ แต่รุ่นพี่หลีดสั่งให้ไปหนูก็เลยไป แล้วพี่เทมส์ล่ะคะ ทำไมถึงกลับช้า” ฉันชวนคุยบ้าง
“ทำโปรเจ็คกับเพื่อนเพิ่งเสร็จเลยเพิ่งกลับ” หมายความว่าฉันโชคดีสินะที่กลับเวลาเดียวกับพี่เทมส์ ไม่งั้นคงต้องวิ่งป่าราบเปียกซ่กจนถึงหอเพราะแกร๊ปไม่ยอมรับนั่นล่ะ
“หอหนูอยู่ตรงซอย 4 นะคะ” ฉันเอ่ยปากเมื่อพี่เทมส์ขับรถออกจากประตูหลังมาแล้ว ร่างสูงใหญ่หมุนพวงมาลัยไปตามทางที่บอก สักพักรถคันหรูก็เข้าจอดยังหน้าหออย่างนิ่มนวล
“ขอบคุณนะคะที่มาส่งหนู ขอบคุณที่ให้ยืมเสื้อและผ้าขนหนูด้วย หนูจะรีบซักมาคืนให้เร็วที่สุดค่ะ” ฉันไหว้ขอบคุณพี่เทมส์อีกครั้งพร้อมกับส่งยิ้มอย่างสดใสในความมีน้ำใจของพี่เขา
“ไม่ต้องรีบก็ได้ ยังไงเราสองคนมีเวลาเจอกันอีกนาน” หือ! ประโยคหลังพี่เขาพึมพำอะไร ฉันแทบไม่ได้ยินเลย
“งั้นหนูไปนะคะ” ฉันบอกพลางจับประตู
“คราวหลังถ้าต้องกลับค่ำคนเดียวไลน์มานะ เดี๋ยวมาส่ง”
“...........” ฉันหันขวับมาทางพี่เทมส์อย่างอึ้งๆ เราสองคนไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นสักหน่อย ทำไมฉันต้องไลน์บอกพี่เขาให้มาส่งด้วย
“ไปได้ละ รถข้างหลังบีบแตรแล้ว” พี่เทมส์บอกหน้านิ่ง นิ่งจนฉันประมวลผลไม่ทันว่าพี่เขาต้องการสื่ออะไรกันแน่
“ค่ะ” ฉันลงรถอย่างเบลอๆ ก่อนจะเดินเข้าหอแบบงงในงง