คาดเข็มขัดจะไปส่ง

1536 Words
เมื่อคืนฉันจัดการนำเสื้อช็อปของพี่เทมส์เข้าเครื่องพร้อมกับซักผ้าขนหนูเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ยังตากไว้ที่ระเบียงเหมือนเดิมให้โดนแดดบ้างไรบ้าง ไม่ได้เก็บเข้ามารีดแต่อย่างใดเพราะกลัวไปเรียนเช้าไม่ทันน่ะ แฮร่! ฉันออกมาเรียนพร้อมกับฝันเหมือนเดิม ระหว่างเดินมา ม. ก็เม้าท์เรื่องเมื่อวานให้เพื่อนสนิทฟัง ฝันดูหงุดหงิดมากที่ฉันโดนแกล้งให้รอจนฝนตก อ้อ! ฉันไม่ได้เล่าเรื่องที่พี่เทมส์เข้ามาช่วยหรอกนะ กลัวฝันจะฟันธงว่าพี่เทมส์ชอบฉันอีกไง เพราะขนาดไม่มีไรยังคิดว่าชอบเลยเถอะ “พวกแก! ไหนๆ ไม่มีเรียนบ่าย ไปดูหนังสักรอบดีมั้ย ยังไงก็กลับมารับน้องเข้าเชียร์ทัน” เอมหันมาชวนหลังเลิกคลาส ฝันที่นั่งข้างฉันรีบพยักหน้าทันที “เออๆ เข้าท่า! นี่กำลังอยากทานชาบูอยู่พอดี ทานแต่ข้าวในโรงอาหารโคตรเบื่อเลย จัดเนื้อในชาบูแล้วต่อด้วยดูหนังสักเรื่อง โอเคป่ะ” “แกสองคนว่าไง พีช แก้มยุ้ย... ไปป่ะ?” อืด! ยังไม่ทันได้ตอบตกลง โทรศัพท์ในกระเป๋าของฉันดันสั่นขึ้นมาขัดจังหวะทำให้ต้องรีบล้วงออกมาดู ตอนแรกก็นึกว่าพี่เทมส์ แต่กลับเป็นพี่เค้กน่ะสิ... พี่สาวสุดที่รักทักไลน์มาถามว่าตอนนี้ว่างรึเปล่า คุยได้มั้ย ฉันพิมพ์ตอบไปว่าเพิ่งเลิกเรียน ก่อนจะเป็นฝ่ายโทรหาพี่เค้กด้วยตัวเองเลย “ว่าไงพี่เค้ก มีไรเปล่า” ฉันทักพี่สาวเสียงใส “วันนี้อาจารย์ยกเลิกคลาสบ่าย จำได้ว่าวันนี้พีชไม่มีเรียนบ่ายเหมือนกัน มาทานข้าวด้วยกันสักมื้อเถอะ...คิดถึง” “ได้ๆ คิดถึงเหมือนกัน” ฉันตอบตกลงแบบไม่เสียเวลาคิด ถึงเราสองคนพี่น้องจะคุยไลน์กันทุกวัน แต่ภารกิจของเด็กปีหนึ่งโคตรรัดตัวเลยไง ฉันต้องซ้อมเชียร์หลังเลิกเรียน ไหนพี่เค้กต้องซ้อมหลีดทุกวันอีก ไม่มีเวลานัดเจอกันเลย วันนี้ล่ะ...เหมาะมากที่จะได้เห็นหน้าค่าตากันแล้ว เย้! “งั้นเจอกันที่ห้าง M ตอนเที่ยงดีป่ะ พีชจะได้กลับไปทันรับน้อง นั่งรถไฟฟ้าแป๊บๆ ก็ถึง” “ได้เลย เดี๋ยวเจอกัน ถ้าถึงพีชโทรหาพี่เค้กอีกที” ฉันบอกอย่างสดใส วางสายแล้วฉันก็หันมาทางเพื่อน ปรากฏว่าตอนนี้กลายเป็นยกโขยงไปกันครึ่งเอกได้มั้ง อย่างว่าแหละ เนอะ ช่วงเวลาว่างค่อนข้างยาวนาน กว่าจะถึงเวลาซ้อมเชียร์ รออยู่ใน ม. ก็เซ็งแย่ สู้ออกไปเปิดหูเปิดตาแล้วกลับมาทำหน้าที่ของเด็กปีหนึ่งยังพอหายเบื่อได้บ้าง พอฉันบอกพวกฝันว่าจะไปหาพี่สาว ทุกคนก็เข้าใจดี ฉันเลยแยกจากเพื่อนเพื่อกลับมาเอาของขวัญที่คุณแม่ส่งมาจากเมกาไปให้พี่เค้กเนื่องในโอกาสเป็นนักศึกษาใหม่ และระหว่างกำลังเตรียมของอยู่ พี่เทมส์ก็โทรไลน์มาพอดี “สวัสดีค่ะพี่เทมส์ เลิกเรียนแล้วใช่มั้ยคะ” “อือ เราอยู่ที่คณะใช่ป่ะ” พี่เทมส์ถามเสียงเรียบ “เปล่าค่ะ ตอนนี้หนูอยู่หอ พี่เทมส์รอหนูแป๊บนึงนะคะ ไม่เกินสิบห้านาทีเดี๋ยวหนูเอากระเป๋าไปให้ที่คณะค่ะ” ฉันบอกยาวเหยียดพลางเอาของขวัญใส่ลงถุงกระดาษอย่างระมัดระวัง “งั้นรอนั่นแหละ เดี๋ยวพี่ขับรถไปเอาที่หอเราเอง” “โอเคค่ะ” ฉันตอบตกลงอย่างง่ายดาย ดีซะอีกที่พี่เทมส์เป็นฝ่ายมาเอาเอง ฉันไม่ต้องเสียเวลาเข้า ม. ไงเล่า จัดการคืนกระเป๋าตังค์เรียบร้อยก็ขึ้นรถไฟฟ้าไปหาพี่เค้กได้เลย ฉันออกมายืนรอพี่เทมส์ที่หน้าหอ มือข้างนึงถือถุงกระดาษ อีกข้างก็ส่งไลน์หาคุณแม่ว่ากำลังจะออกไปทานข้าวกลางวันกับพี่เค้ก เดี๋ยวจะเอาของขวัญที่คุณแม่ส่งมาไปให้ด้วยเลย “น้องครับ! ให้พี่ช่วยถือของมั้ย ถุงใบใหญ่ท่าทางลำบาก” น้ำเสียงแหบห้าวของใครบางคนที่ดังเหมือนอยู่ใกล้ทำให้ฉันละสายตาจากมือถือพลางเงยหน้ามอง แล้วก็เจอนักศึกษาชายตัวสูงใหญ่สามคนกำลังส่งยิ้มมา หนึ่งในนั้นยื่นมือมาด้วย “ไม่เป็นไร กูจัดการเองได้” ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบปฏิเสธก็ได้ยินน้ำเสียงนิ่งติดหงุดหงิดแทรกขึ้นมา หมับ! แถมมีมือของใครบางคนคว้าที่ข้อศอกของฉันด้วย ขวับ! ฉันเงยหน้ามองเจ้าของมือทันควัน พอเห็นว่าเป็นพี่เทมส์ก็ไม่ได้โวยวายอะไร นอกจากส่งยิ้มให้ พี่เทมส์เอื้อมมือมาที่ถุงกระดาษซึ่งฉันยื่นให้แต่โดยดี... พี่เขากำลังช่วยฉันจากการโดนจีบสินะ ว่าแต่มาตอนไหนไม่เห็นรู้เรื่องเลย “ไปเถอะ” หนุ่มหล่อเกินต้านพูดด้วยน้ำเสียงหวานเกินคาดแถมยังส่งยิ้มละลายใจมาด้วยหนึ่งกรุบ ถึงจะรู้ดีว่าสิ่งที่พี่เทมส์ทำอยู่คือการตบตาผู้ชายสามคนนี้ ฉันก็อดใจสั่นตึกตักในความเจิดจ้าของหนุ่มหล่อฟ้าประ ทานไม่ได้ มุแง๊! ไม่ดีต่อหัวใจของหนูเลยค่ะคุณพี่ จะเจิดจ้าไปถึงหนาย! “ค่ะ” ฉันตอบตกลงก่อนจะเดินตามพี่เทมส์มาที่รถคันหรู เพิ่งรู้ว่าจอดเลยหอมาเยอะเหมือนกัน มิน่าล่ะถึงมองไม่เห็น “นี่ค่ะ กระเป๋าของพี่เทมส์” ฉันล้วงกระเป๋าตังค์ออกมาคืน ในขณะที่พี่เทมส์กำลังเปิดประตูฝั่งข้างคน ขับเหมือนจะให้ฉันเข้าไปนั่ง พี่เทมส์ไม่ได้รับไปถือ นอกจากพูดเสียงนิ่งๆ ว่า “ค่อยคืนบนรถ ไอ้สามคนนั้นยังมองอยู่” ขวับ! ฉันหันไปทางหอก็เห็นผู้ชายพวกนั้นยังมองอยู่จริง เพราะงั้นเลยยอมเข้ามานั่งในรถอย่างง่ายดาย เล่นละครมาขนาดนี้แล้ว...ต้องเล่นให้สุดป่ะ พี่เทมส์ปิดประตูให้ ก่อนจะเดินอ้อมไปที่ฝั่งคนขับแล้วสตาร์ทรถหรูในเวลาต่อมา “ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนูอีกแล้ว นี่ค่ะ” ฉันบอกขอบคุณพร้อมกับยื่นกระเป๋าตังค์คืน พี่เทมส์รับไปก่อนจะถามว่า “จะไปไหนล่ะถึงถือถุงมาด้วย” “พอดีหนูมีนัดที่ห้าง M นิดหน่อยค่ะ” ฉันบอกหน้าซื่อตาใส “ไปคนเดียว?” พี่เทมส์เลิกคิ้วเหมือนแปลกใจ “ค่ะ แต่หนูกลับมาทันรับน้องแน่นอน” ฉันรีบยิ้มให้พี่เทมส์จนตาหยี ก่อนจะนึกได้ว่ามีเรื่องต้องขออนุญาตพี่เขาอีกอย่าง “ว่าแต่หนูขอคืนเสื้อกับผ้าขนหนูพรุ่งนี้ได้มั้ยคะ ที่จริงหนูซักไว้แล้วแต่ยังไม่ได้รีดเพราะมีนัดซะก่อน แต่ถ้าหนูกลับมาถึงหอเร็ว หนูสัญญาว่าจะคืนให้วันนี้เลย แต่ถ้าช้า... หนูขอเป็นพรุ่งนี้แทน” “ไงก็ได้ ไม่ได้รีบ” พี่เทมส์พูดเหมือนไม่คิดไรมาก และนั่นทำให้คนฟังอย่างฉันสบายใจอย่างบอกไม่ถูก “ขอบคุณนะคะที่เข้าใจ ถ้างั้นหนูขอถุงกระดาษคืนด้วยค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทันเวลานัด” ว่าแล้วฉันก็ยื่นมือเรียวบางออกไปเพื่อจะรับถุงมาถือเอง แต่พี่เทมส์ยังคงเฉย ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ที่ทำเอาคนฟังอย่างฉันงงไปเลย “เดี๋ยวไปส่ง” “หา?” วินาทีนี้ฉันร้องเสียงหลง “พี่จะไปทานข้าวที่นั่นพอดี ไปพร้อมกันนี่แหละ” “เอ่อ...” ฉันอึกอัก จะให้นั่งรถไปสองคนกับพี่เทมส์อีกครั้งเนี่ยะนะ! อย่างเมื่อวานมันจำเป็นไง แต่วันนี้ฝนไม่ตกแถมฟ้าสว่างโร่ขนาดนี้ เกิดมีใครตาดีเห็นฉันนั่งอยู่บนรถพี่เทมส์สองต่อสอง มีหวังโดนสาวๆ หมั่นไส้มากกว่าเดิมเป็นแน่...ลูกพีชไม่เสี่ยงดีกว่าค่ะ แค่โดนรุ่นพี่แกล้งครั้งนึงก็จำไปจนวันตายละ “...............” พี่เทมส์เลิกคิ้วเหมือนรอคำตอบ “หนูว่า หนูนั่งรถไฟฟ้าไปเองดีกว่าค่ะ หนูเกรงใจ” อื้อ! อ้างว่าเกรงใจนี่แหละเหมาะสุดละ คนเรารบ กวนคนอื่นมากไปไม่ดีใช่เปล่าล่ะ ถึงจะไปที่เดียวกันก็ตามเถอะ “ไม่ไว้ใจกันงั้นสิ” พี่เทมส์ถามด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก “มะ ไม่ใช่นะคะ!” ฉันปฏิเสธเสียงหลง ยกมือโบกอย่างไว “หนูเกรงใจจริงๆ ค่ะ” “ถ้างั้นไม่ต้องเกรงใจ พี่เต็มใจไปส่งเอง” “แต่ว่า...” “คาดเข็มขัดจะไปส่ง!” พี่เทมส์ใช้เสียงห้วนแถมมองมาด้วยแววตาดุๆ เหมือนตอนเป็นพี่ว้ากทำเอาฉันสะดุ้ง รู้ตัวอีกทีคือตัวเองคาดเข็มขัดเรียบร้อยละ ความกลัวทำให้คนเราคิดอะไรไม่ค่อยออกสินะ... ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นนั่นแหละ แง! เป็นแบบนี้ไปได้ไงล่ะเนี่ย!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD