วันนี้มีเรียนแค่บ่ายวิชาเดียวค่ะ
เพราะงั้นฉันกับแกงค์เพื่อนสนิทเลยตกลงกันว่าจะทานข้าวให้เรียบร้อยก่อนเข้า ม. เนื่องจากไม่อยากเบียดเสียดผู้คนในโรงอาหารคณะนั่นล่ะ
พอ 11 โมง... ฉันกับฝันก็ลงมาสั่งข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าหอ ระหว่างรอข้าวอยู่นั้น เอมกับแก้มยุ้ยก็เดินมาหาที่ร้าน จากนั้นเราสี่คนก็ขึ้นมานั่งทานข้าวที่ห้องฉันกัน
“อร่อยอ่ะ มันไม่ได้เผ็ดอย่างเดียวแบบบางร้านแต่นี่มีครบทุกรส มิน่า... คนถึงเยอะมาก” หลังจากได้ลิ้มรสหมูผัดพริกแกงไข่ดาวเพียงคำแรก แก้มยุ้ยก็ออกปากชมทันที
“ข้าวผัดของฉันก็อร่อยเหมือนกัน แกลองชิมดู” เอมยื่นข้าวผัดไปทางแก้มยุ้ยบ้าง กลายเป็นว่าสองคนนี้แลกข้าวกันชิมซะงั้น
“เออ! ข้าวผัดก็อร่อย คราวหลังถ้ามีเรียนบ่ายแค่ตัวเดียว เรามาทานข้าวร้านนี้กันก่อนเหอะ... อร่อยกว่าใน ม. เยอะมาก” คำชวนของแก้มยุ้ยทำเอาฉันกับฝันหัวเราะออกมา
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ฉันก็เบื่ออาหารที่คณะไม่ต่างจากแกหรอก” ฝันว่ายิ้มๆ ก่อนจะตักข้าวใส่ปาก
“มันส่งอะไรมาวะ” เอมพึมพำขณะกำลังจ้องหน้าจอมือถือ แล้วก็โพล่งหน้าตาตื่นซะงั้น “พวกแกดูไรนี่! ลิซ่ามันส่งมา” ลิซ่าคือเพื่อนเก้งในเอกที่นิสัยดีแถมสร้างเสียงหัวเราะให้พวกเราเป็นประจำอีกด้วย ชื่อจริงของมันคือเมธา แต่มันบอกให้เรียกลิซ่าเพราะมันสวยระดับไอดอลเกาหลี ฮ่าๆ
“มีไรเหรอ” ฝันกับแก้มยุ้ยถามพร้อมกัน เอมไม่ได้ตอบ นอกจากวางมือถือลงบนโต๊ะก่อนจะเร่งเสียงดังจนสุด
หือ! คลิปวีดีโอ? ของใครอ่ะ? สักพักฉันก็ได้คำตอบเพราะคนถ่ายซูมเข้าไปใกล้ๆ จนเห็นว่าคนในคลิปเป็นพี่เทมส์! ละอีกคนคือผู้หญิงหน้าตาสะสวยกำลังยื่นไอโฟนไปตรงหน้าพี่เฮ้ดว้ากคณะวิศวะ เธอพูดด้วยสีหน้าสดใสว่า
“พี่เทมส์คะ หนูขอถ่ายรูปคู่กับพี่ได้มั้ย หนูปลื้มพี่มากเลย” แปล๊บ! เกิดอะไรขึ้นกับหัวใจฉันกัน ทำ ไมมันกระตุกแปลกๆ พี่เทมส์จะตกลงหรือปฏิเสธ? ฉันเผลอเม้มปากด้วยความอยากรู้
เดี๋ยวนะ! แล้วทำไมฉันต้องอยากรู้ ในเมื่อมันไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย ฉันคิดอย่างแตกตื่น
“.............” หือ! พี่เทมส์เงียบ แถมยังมองผู้หญิงหน้าตาสะสวยอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินไปสมทบกับพวกพี่เดย์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น... น่าสงสารอ่ะ คำนี้ผุดขึ้นมาในหัวฉันเป็นอันดับแรก ความรู้สึกถัดมาคือโล่งใจ
เจ้ย! นี่ฉันนิสัยเสียถึงขั้นเห็นผู้หญิงด้วยกันวืดแล้วโล่งอกงั้นเหรอ ทำไมเป็นคนแบบนี้ห๊ะลูกพีช!
“ก็หน้าแตกไปเลยสิคะ” เสียงของแก้มยุ้ยทำให้ฉันสั่งตัวเองหยุดคิดบ้าบอ ก่อนจะตักข้าวใส่ปากทันควัน
“เป็นฉันนี่อายมากเลยนะ โดนมองเป็นธาตุอากาศขนาดนั้น” ฝันพูดพลางกอดข้อศอกด้วยสีหน้าสยด สยอง
“ก็อย่างว่าแหละ พี่เทมส์ดูไม่ใช่ผู้ชายที่ยอมทำตามคำขอใครง่ายๆ” เอมออกความเห็นพลางเก็บมือถือ
“แต่พี่เขายอมทำตามคำขอพีชมันนะ ทำแบบง่ายๆ โดยที่พีชไม่ต้องออกปากขอซ้ำสองด้วย” ฝันพูดลอยๆ ก่อนที่เอมและแก้มยุ้ยจะชะงัก
ขวับ! แล้วเพื่อนทั้งสามก็มองหน้าฉันอย่างตะลึง
“หรือว่าพี่เทมส์จะชอบแก!” เอมถามหน้าตาตื่น
“บ้าเหรอ! ไม่มีทาง” ฉันระรัวส่ายหน้าแบบไม่กลัวหัวหลุดจากคอ พี่เขาจะมาชอบฉันได้ไงในเมื่อเจอกันแค่ไม่กี่ครั้งเองเหอะ
“ทำไมจะไม่มี ขนาดตัวท็อปคณะบริหารเข้าไปขอถ่ายรูป พี่เขายังไม่ยอมเลย แต่ทีแกขอ... พี่เทมส์เป็นฝ่ายกดชัตเตอร์เองด้วยซ้ำ” ฝันร่ายยาวแบบไม่หายใจหายคอ
“พี่เขาอาจจะสงสารฉันก็ได้ป่ะ ไหนจะโดนรุ่นพี่ในเอกแกล้ง ไหนจะโดนกลุ่มพี่ว้ากเพื่อนเขาโห่แซว เพราะงั้นเลยยอมช่วยให้มันจบๆ ไป” ฉันบอกพลางยกไหล่ขึ้นเหมือนไม่คิดไรมาก ในใจก็สั่งให้ตัวเองอย่าเพ้อไปตามข้อสันนิษฐานของสามคนนี้
“แต่ฉันว่าพี่เทมส์ชอบแก ไม่งั้นจะเนียนขอไลน์แกทำไม” แก้มยุ้ยพยักหน้าเหมือนชวนเชื่อ ฉันงี้รีบส่ายหน้าอย่างไว
“โนจ้า! พี่เขามีไลน์ฉันก็จริงแต่ไม่เคยทักมาเหอะ” ว่าแล้วฉันก็หยิบมือถือตัวเองขึ้นมา เข้าหน้าแชทไลน์ของพี่เทมส์ ก่อนจะยื่นให้สามคนนี้ดู เราสองคนไม่ได้คุยอะไรกันเลย มีเพียงรูปที่พี่เทมส์ส่งมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น “เห็นป่ะ พี่เทมส์ไม่ได้จีบฉัน ไม่เคยชวนคุยไรด้วย” ฉันย้ำอีกครั้งทำเอาสามคนนี้ทำหน้างงเหมือนมึนตึ๊บ
“แปลกมาก ตอนรับน้องพี่เขามองแกออกบ่อย ทำไมพอมีโอกาส... เขาไม่คุยกับแกวะ” ฝันกอดอกด้วยสีหน้าครุ่นคิด บ่นพึมพำอย่างไม่เข้าใจ
“เขาอาจจะมองเพื่อนเอกจีนที่นั่งข้างฉันก็ได้ป่ะ รายนั้นโคตรสวยเลย” ฉันบอกเหมือนไม่คิดอะไร แต่ในใจดันรู้สึกโหวงเหวงพิกล
“แกๆ คนนั้นไง ที่ได้ถ่ายรูปกับพี่เทมส์”
“เฮ้ย! น่ารักอ่ะ เหมือนตุ๊กตาเลย”
“มึง! เด็กนั่นที่เข้าไปขอถ่ายรูปกับเทมส์”
“แหม่! ช่างกล้า คิดว่าน่ารักตายล่ะ”
“นั่นไง คนนั้นที่...บลาๆ ”
“อีกละ” ฉันถอนหายใจด้วยความเซ็งระหว่างเดินเข้ามาใน ม. แล้วดันมีผู้หญิงทั้งรุ่นเดียวกันรวมถึงรุ่นพี่ ต่างซุบซิบแล้วชี้มาทางนี้ ซ้ำร้ายบางคนถึงกับเบ้ปากใส่ ทั้งหมดเป็นเพราะรุ่นพี่ปี 3 ในเอกนั้นแหละ แกล้งให้ฉันไปขอถ่ายรูปคู่กับพี่เทมส์ เป็นไงล่ะ... โดนเม้าท์ โดนหมั่นไส้เลย ชีวิตอยู่ยากไปอีก!
“เอาน่าแก อย่าคิดมาก เดี๋ยวคนก็ลืม” ฝันที่เดินข้างกันยื่นมือมาแตะไหล่อย่างให้กำลังใจ สมละที่เป็นเพื่อนสนิท ฉันยังไม่ทันบ่นไร อีกฝ่ายก็ดันรู้ความในใจซะแล้ว
“พวกแกคิดดูดิ เรื่องมันผ่านมาตั้งหลายวันละ ยังเม้าท์ไม่เลิกอ่ะ” ฉันบู้ปากอย่างเหนื่อยหน่าย เกิดเรื่องตั้งแต่วันศุกร์ นี่ก็วันจันทร์ ทำไมยังพูดถึงกันอีกคะ... ไม่เบื่อกันบ้างเหรอ
“ก็เพราะแกน่ารักไง คนเลยพูดถึงเป็นธรรมดา” ว่าแล้วเอมก็ยื่นมือมาบิดแก้มขวาของฉันเบาๆ ด้วยสีหน้ามันเขี้ยว
“ไอ้พวกที่มองอย่างหมั่นไส้ก็ไม่มีไรหรอก อิจฉาแหละดูออก... แกเลิกคิดมากได้ละ โอเค้?” แก้มยุ้ยยกไหล่ แบสองมือออกมาด้านหน้าและยักคิ้วให้
“อือ” ฉันพยักหน้าเนือยๆ จนสามคนนี้หัวเราะออกมา
อันที่จริงนอกจากพูดขอบคุณไปแล้ว ฉันควรต้องไหว้ / ย่อสามคนนี้ด้วยซ้ำ เพราะถ้าไม่ได้ฝัน เอม และแก้มยุ้ยเข้ามาช่วยเคลียร์... เรื่องน่าจะออกมาเลวร้ายมากกว่านี้อีกมั้ง
ก็แบบศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา ทั้งรุ่นพี่ทั้งเพื่อนในเอกต่างไลน์มาถามสามคนนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันคลั่งพี่เทมส์ถึงขนาดเข้าไปขอถ่ายรูปคู่เลยเหรอ สามสาวก็ช่วยอธิบายว่าฉันไม่ได้ชอบพี่เทมส์ ไม่ได้คิดอะไรกับเฮ้ดว้ากคณะวิศวะทั้งนั้น แต่ที่ทำไปเพราะโดนรุ่นพี่ปี 3 สั่งเพื่อแลกกับลายเซ็นก็เท่านั้น
เราสี่คนเดินขึ้นตึกอย่างไม่เร่งรีบเพราะยังเหลือเวลาอีกประมาณสิบนาทีกว่าจะเข้าเรียน พอเปิดประตูเข้าไปในห้องก็แอบงงนิดหน่อยเมื่อเห็นรุ่นพี่ผู้หญิงเอกอื่นยืนเรียงหน้ากระดานถึงห้าคน
“รุ่นพี่เค้ามาทำอะไรกันเหรอ” พอหย่อนตูดลงบนเก้าอี้ ฉันกระซิบถามลิซ่าที่นั่งในห้องอยู่ก่อนแล้ว
“มาตามหาหลีดหน้าใหม่ เค้าบอกว่าทั้งคณะมีแค่เอกเราเอกเดียวที่ไม่ไปคัดตัว” ลิซ่ากระซิบกลับ
“น้องลูกพีชคะ”
เฮือก! เสียงเรียกของรุ่นพี่ทำเอาฉันแอบตกใจก่อนจะเงยหน้าขานรับ “คะ”
“พี่อยากให้น้องไปคัดตัวในวันนี้ด้วยค่ะ” รุ่นพี่พูดเสียงเข้มแถมมองฉันด้วยแววตาแข็งกร้าว... อะไรอ่ะ? ไหงมองเหมือนโกรธกันเลย งงนะ!
“แต่หนูไม่ค่อยถนัดอะไรแบบนี้เท่าไหร่นะคะ” ฉันบอกไปตามตรง
จริงๆ นะ! ไม่ได้โกหกเลย ตอนอยู่ ม.ปลายเวลาเห็นพี่เค้กซ้อมหลีดยังคิดเลยว่าทำไมมันยากจัง คือไม่ใช่เวย์ฉันอย่างแรงอ่ะ
“แค่ลองดูก่อนค่ะ เอ๊ะ! หรือกลัวว่าถ้าเป็นหลีดจะไม่ได้เจอพี่เฮ้ดว้ากคณะวิศวะทุกวันคะ” รุ่นพี่อีกคนถามเยาะๆ ทำเอาฉันหน้าชา ทำไมต้องเจาะจงเหมือนกับฉันอยากเจอพี่เทมส์ขนาดนั้นด้วย...ไม่เห็นเกี่ยวกันสักนิดเลย
“แค่ลองไปคัดตัวหลีด น้องทำเพื่อคณะไม่ได้เหรอคะ ไม่ได้รับน้องวันเดียวคงไม่ขาดใจหรอกมั้ง” มาถึงตรงนี้ฉันเผลอใช้มือกำกระโปรงตัวเอง สรุปฉันกำลังโดนเล่นงานอยู่สินะ อดทนไว้ลูกพีช เดี๋ยวมันก็ผ่านไป
“พี่ขา ก่อนหน้านี้เพื่อนหนูเคยปฏิเสธพี่ในเอกไปแล้ว พวกพี่เค้าไม่เห็นว่าอะไร แต่ทำไมมาวันนี้ถึงใช้ไฟท์บังคับกับลูกพีชมันล่ะคะ... หนูไม่เข้าใจเลย” เมื่อเห็นรุ่นพี่แสดงกริยาไม่ดีใส่ฉัน ฝันก็เป็นฝ่ายออกหน้าถามกลับ
“ที่พวกหนูได้ยินมา เป็นหลีดต้องสมัครใจ แล้วการที่พวกพี่ๆ มาชี้ให้คนนั้นคนนี้เข้าทดสอบ ทำได้ด้วยเหรอคะ” แก้มยุ้ยแกล้งย่นคิ้วถามเหมือนแอบงง
“พวกน้องเป็นแค่รุ่นน้อง มีสิทธิ์อะไรมาสงสัยในตัวรุ่นพี่คะ เอกญี่ปุ่นนี่ใช่ไม่ได้เลย...กล้าเถียงรุ่นพี่ฉอดๆ”
“นั่นสิ รุ่นพี่ในเอกไม่เคยสอนเหรอคะว่าให้เคารพรุ่นพี่เอกอื่นคณะอื่นด้วย ระวังนะ... กร่างมากจะเรียนไม่จบยกเอก” รุ่นพี่อีกคนพูดแบบเหยียดๆ ทำเอาเพื่อนในห้องชักสีหน้า ฟึดฟัดกันหมด ฉันเห็นท่าไม่ดีเลยตัดจบทันควัน
“โอเคค่ะ เย็นนี้หนูจะไปคัดตัว ว่าแต่ที่ไหนเหรอคะ”
เมื่อรุ่นพี่หลีดนัดแนะสถานที่เสร็จสรรพ์ก็ออกไป แต่พวกเพื่อนในห้องนี่สิ... พากันถามฉันอย่างไม่เข้า ใจทันที
“ทำไมแกยอมง่ายๆ ล่ะชะนี ฉันว่ายัยรุ่นพี่พวกนั้นมันต้องเห็นคลิปแม่ตัวท็อปคณะบริหารแล้วเอามาเปรียบเทียบกับเรื่องของแกเมื่อวันศุกร์ ต่อมอิจฉาของพวกนางเลยแตกซ่าน...หึ!” ลิซ่าพูดไปฟึดฟัดไป
“นั่นดิ! อยู่ดีๆ ก็อ้างตัวเป็นรุ่นพี่ บังคับให้รุ่นน้องไปคัดหลีด ไหนจะจิกกัดไม่หยุด บ้าอำนาจเกินไปละ” เอมพูดด้วยสีหน้าพร้อมบวก
“เอาน่า ฉันแค่ไม่อยากให้เอกเราต้องผิดใจกับรุ่นพี่เอกอื่น ถ้าพวกเค้าว่าฉันคนเดียว...ไม่เป็นไรหรอก แต่นี่สาดมาถึงพวกแกที่เป็นเพื่อนของฉัน แถมยังลามไปถึงรุ่นพี่ที่ดีกับพวกเราอีก... ฉันเลยตัดปัญหาให้มันจบๆ ยังไงต้องขอโทษพวกแกทุกคนด้วยนะที่โดนหางเลขไปด้วย”
ฉันกวาดสายตามองเพื่อนทั้งห้อง ค้อมหัวลงอย่างขอลุแก่โทษ คิดดูดิอยู่ดีๆ เพื่อนต้องมาโดนดูถูกหาว่าจะเรียนไม่จบ...มันใช่เหรอ
“เฮ้ย! มันไม่ใช่ความผิดของแกเลยพีช จะขอโทษพวกเราทำไม คนผิดคือรุ่นพี่พวกนั้นต่างหาก เข้ามาหาเรื่องแกไม่พอ ยังดูถูกพวกเรายกห้องว่าจะเรียนไม่จบอีก โคตรแย่เหอะ” เพื่อนกลุ่มอื่นแย้งอย่างเข้าใจในสถานการณ์ แต่พอตอนพูดถึงรุ่นพี่ที่ออกไป ตางี้วาบแสงเลย
“จริง! ถ้าจะมีคนผิดก็รุ่นพี่ขี้อิจฉาห้าคนนั้นนั่นล่ะ” ฝันกัดฟันด้วยสีหน้าคุกรุ่น ก่อนจะบอกฉันด้วยน้ำเสียงและหน้าตาจริงจังว่า “เย็นนี้ฉันไปส่งแกเอง”
“ฉันด้วย” ทั้งเอมและแก้มยุ้ยต่างโพล่งขึ้นมาพร้อมกัน
“อย่าเลย พวกแกต้องรับน้องต้องซ้อมเชียร์ อย่าโดดเพราะฉันเลย” ฉันส่ายหน้าพลางยิ้มอย่างสด ใสหวังให้เพื่อนสบายใจ “ดูทำหน้าเข้า ไม่ต้องกังวลหรอกน่า ก็แค่เต้นหลีดให้รุ่นพี่ดู เต้นไม่ได้ก็กลับแค่นั้น เอง”