บทที่3 เป็นผีก็ไม่แคล้วต้องอกหัก
“พี่ตุลทำอะไรอยู่อะ กังหันเบื่อมากเลยไม่มีคนคุยด้วย พี่น่าจะเห็นกังหันแทนไอ้หมอผีปลอมนั้นนะ กังหันจะได้มีคนคุยด้วย”กังหันนั่งบ่นไปเรื่อยเปื่อย เธอกลับมาหาตุลธรที่โรงพักอีกครั้งเพื่อสืบข่าวของตนเอง
“จ่า ได้เรื่องยังไงบ้าง เรื่องสายข่าวของกังหัน”
“ยังไม่ได้เลยครับผู้กอง เหมือนจะหายเข้ากลีบเมฆไปเลยหลังจากที่ผู้กองกังหันโดนยิง”
“เขาต้องรู้อะไรแน่ๆ เราต้องรีบหาเขาให้เจอ”
“นั้นสิ กังหันก็สงสัยเหมือนกัน”กังหันพูดคุยกันคนอื่นประหนึ่งว่าพวกเขาได้ยินเธอ แต่เปล่าเลยเธอคุยคนเดียวทั้งนั้น
“จะบอกพี่ตุลยังไงดีกว่าลองไปที่นี่ดู เฮ้อ เป็นผีนี่ชีวิตลำบากแท้ ทำไมถึงจับอะไรไม่ได้เลย”
“ผู้กองไม่เคยไปเจอสายข่าวคนนี้กับผู้กองกังหันเลยเหรอครับ”
“ไม่เคยเลยจ่า กังหันทำอะไรจะระมัดระวังตัวตลอด”
“นั้นใครมาหาผู้กำกับครับผู้กอง ดูน่ากลัวเชียว”จ่าธงถามขึ้นเมื่อเขาหันไปท่าทางน่ากลัวของคนที่มาหาผู้กำกับ
“นั้นสิ ไปดูหน่อยดีกว่า”กังหันเดินผ่านประตูเข้าไปยังห้องทำงานของผู้กำกับ นี่คงเป็นเรื่องดีที่สุดตั้งแต่เป็นผีมาคือการไปไหนมาไปไหนก็ได้โดยไม่ต้องกลัวใครเห็น
“นายฝากมาบอกว่า ให้คุณทำงานให้มันดีหน่อยอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบวันนั้นอีก”
“ผมพยายามเต็มที่แล้ว”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”กังหันที่ยืนมองเหตุการณ์ตรงน่าอยู่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมคนที่เข้ามาใหม่ถึงได้ขู่ลุงของเธอ
“เต็มที่เหรอ นายเกือบจะโดนจับ แล้วคุณบอกว่าทำเต็มที่แล้ว”ชายชุดดำยังคงขู่กำธรด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด
“ผมว่าผมคงไม่ต้องเตือนคุณอีกครั้งหรอกนะว่าถ้าไม่ทำตามที่สั่ง คุณและครอบครัวจะเจออะไร”
“อย่ายุ่งกับครอบครัวผม”กำธรเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาบ้าง ถ้าไม่ติดว่าไอ้พวกชั่วนี้เอาครอบครัวมาขู่เขาไม่มีทางยอมอยู่ใต้อำนาจของมันแน่
“ถ้าไม่อยากให้ครอบครัวเดือดร้อน คุณต้องจัดการเรื่องทุกอย่างที่จะไม่ทำให้นายต้องเดือดร้อนอีก รับเงินไปแล้วก็ทำให้มันดีๆหน่อย”ชายชุดดำเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้กำธรยืนคิดหนักอยู่คนเดียวในห้องที่เงียบสงบ
“นี่มันอะไรกันลุง พวกมันเป็นใคร แล้วลุงรับเงินอะไรมา”
“โธ่เว๊ย”กำธรใช้มือทุบโต๊ะด้วยความโมโห
หญิงสาวที่ไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอเลือกที่จะทำตามสัญชาตญาณความเป็นตำรวจของเธอ ด้วยการตามกลุ่มชายชุดดำไป ถึงแม้เธอไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครกันแน่ ถึงกล้าเดินเข้ามาในโรงพักแล้วขู่ตำรวจได้ถึงขนาดนี้
“บ้านใครเนี่ยหลังโตเชียว”กังหันตามกลุ่มชายชุดดำจนมาถึงบ้านหลังหนึ่งที่ใหญ่โตพอสมควร
“เอาอีกแล้ว เข้าไม่ได้อีกแล้ว มันต้องมียันต์กันผีทุกบ้านเลยรึไง ทำไงดีละ แล้วจะรู้ได้ไงว่าพวกมันเป็นใคร”
“กังหัน ยัยผีหื่นอยู่รึเปล่า หายไปไหนของเขา นี่ก็ค่ำมืดแล้ว”วินเซนต์ที่กลับมาถึงบ้านเรียกหาหญิงสาวทันที ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยเมื่อคิดถึงถุงที่ถือเข้ามาด้วย
“ให้ตายเถอะ!!! ยัยผีหื่นทำไมถึงไม่เปิดไฟจะนั่งมืดๆอยู่ทำไม”วินเซนต์ที่เปิดประตูเข้ามายังห้องนอน ต้องตกใจเพราะหญิงสาวดันนั่งอยู่บนเตียง เสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดทำให้หญิงสาวดูน่ากลัวมากกว่าเดิม ไหนจะความมืดแสงไฟสลัวๆจากด้านนอกที่สาดส่องเข้ามา นี่ถ้าเขาเป็นคนขี้กลัวตอนนี้คงหัวใจวายไปแล้ว
“ฉันเปิดได้ซะที่ไหน”
“แล้วเป็นอะไรทำหน้าเครียดเชียว หรือว่าเธอรู้ตัวคนร้ายที่พยายามฆ่าแม่แล้ว”
“ยัง พอดีฉันมีเรื่องต้องคิด เรื่องงานนะ”
“ไปสถานีตำรวจมา??”
“ใช่ ฉันเจอพวกคนที่น่าสงสัย แต่พอฉันตามไปก็เข้าไปในบ้านไม่ได้อีกตามเคย”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก็เหมือนตอนเธอยังเป็นคนนั้นแหละ เธอก็ไม่สามารถเข้าบ้านใครได้ตามอำเภอใจ”
“ก็จริงอย่างที่นายพูด”
“ออกมาที่ระเบียงสิ”
“นายจะทำอะไรเหรอ”กังหันถามด้วยความสงสัย เมื่อเธอเห็นชายหนุ่มถือถังขยะและถุงกระดาษที่เขาไม่แม้แต่จะวางมันด้วยซ้ำ
วินเซนต์นำของที่ซื้อมาออกมาตรงระเบียง เขาจ้องมองไปที่หญิงสาวตรงหน้าที่ทำหน้าสงสัยว่าเขากำลังจะทำอะไร ชายหนุ่มหยิบของที่อยู่ในถุงโยนลงไปในถังที่เขาหยิบออกมาด้วย ก่อนจะหยิบขวดน้ำมันราดลงไป ชายหนุ่มจุดไม้ขีดจากกล่องโยนลงไปในถังอย่างไม่ลังเล เขายิ้มเล็กน้อยให้หญิงสาวตรงหน้า
เสื้อผ้าที่หญิงสาวขอบัดนี้ค่อยๆไปอยู่บนตัวของเธอ ตอนนี้หญิงสาวเข้าใจแล้วว่าเขาทำอะไรอยู่ ที่แท้เขาก็เผาเสื้อผ้ามาให้เธอนี่เอง ว่าแต่ทำไมชุดมันแปลกๆจัง
“เป็นอะไรไปไม่สวยเหรอ ฉันว่ามันสวยดีออก ทีนี่เธอจะได้ไม่ต้องอายผีตัวอื่นแล้วไง”
“ชุดเมดเนี่ยนะ ถามจริงนายโรคจิตป่ะเนี่ย ซื้อชุดคอสเพลย์ให้ฉันทำไม”เธออยากจะบ้าตาย อีตานี่มันต้องเป็นโรคจิตแน่ ทำไมถึงกล้าซื้อชุดนี้มาให้เธอ
“ก็ฉันชอบแบบนี้ อีกอย่างเธอก็ไม่ได้บอกว่าจะเอาชุดแบบไหน ฉันเลยเลือกที่ฉันชอบมา”
วินเซนต์มองผีสาวที่ตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา รูปร่างสมส่วนของกังหันอยู่ในชุดเมดสายเดี่ยวสีดำสั้นประมาณสองคืบ ตรงหน้าอกประดับด้วยเชือกผูกไขว้กันไว้อย่างสวยงาม รอบๆชายกระโปรงประดับลูกไม้เพื่อเพิ่มความเซ็กซี่ปนความหวานให้กับคนสวมใส่ ตรงเอวคอดผูกทับไว้ด้วยผ้ากันเปื้อนลายลูกไม้ผืนบาง ปิดท้ายด้วยถุงน่องสีขาวยางครึ่งน่องกับรองเท้าสีดำเข้ากับชุด รวมๆแล้วเมื่อมันอยู่บนร่างของเธอทำให้เธอดูเซ็กซี่เย้ายวนขึ้นมาในทันที
“ฉันอยากจะบ้าตายกับรสนิยมของนาย ไอ้คนหื่นกามโรคจิตเอ๊ย”เธอก่นด่าไอ้คนหื่นตรงหน้าแต่ก็ก้มลงสำรวจตัวเองในชุดที่เขาเผามา
“เฮ้อ!! แต่ก็ช่างมัน มองๆไปก็สวยดีเหมือนกันแถมยังเซ็กซี่อีกด้วย ยังไงก็ไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว ฉันจะแคร์ไปทำไม”จะว่าไปชุดแบบนี้ในชีวิตจริงเธอคงไม่มีโอกาสได้ใส่เป็นแน่ ใส่ตอนเป็นวิญญาณก็ไม่เลว
“มีฉันไงที่เห็น เห็นเต็มสองตาด้วย”พูดไปวินเซนต์ก็มองเรือนร่างงดงามของผีสาวตรงหน้าไป ขาเรียวยาวที่ขาวอมชมพูของเธอนั้นมันน่าลูบไล้ซะจริงๆ
“นายเห็นแล้วทำไงได้ ก็ได้แต่มองมั้ยไอ้คนโรคจิต ซื้อมาให้ฉันเองแท้ๆ”
“แล้วก็เลิกใช้สายตาหื่นกามของนายมองฉันได้แล้ว ทุเรศจริงๆ”เธอส่งสายตาเขียวไปให้เขา ที่ซื้อมานี่คงเพราะความลามกส่วนตัวล้วนๆเป็นแน่
“แล้วถ้าฉันจับเธอได้ละ”วินเซนต์เดินเข้าหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ เขาค่อยๆ ต้อนเธอเข้ามาในวงแขน
“นี่นายจะทำบ้าอะไร”กังหันต้องตกใจเมื่อโดนจู่โจมแบบกะทันหันโดยไม่มีทางหนีที่ไล่ เธอเผลอลืมตัวไปชั่วขณะว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่สามารถจับต้องเธอได้สักนิด แต่ใบหน้าสวยก็ยังร้อนผ่าวด้วยความเขินอายอยู่ดี
“ก็เธอบอกว่าฉันได้แต่มอง ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าฉันจับต้องเธอได้หรือเปล่า”วินเซนต์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาว ลมหายใจรินรดต้นคอขอเธอ ความจริงเขารู้อยู่แล้วว่าจับเธอไม่ได้แต่แค่อยากจะแกล้งเธอเล่นเฉยๆ
“ไม่นะไอ้บ้า พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย”
เฮ้ออออ
เสียงหอบกระหายหลังจากที่กังหันพยายามหลับตาคิดถึงอย่างอื่นเพื่อให้ตนเองออกมาจากไอ้คนลามกนั่น
“หึ หมอนี้ชักจะเยอะขึ้นทุกวัน ดีนะที่มาหาพี่ตุลได้ทัน”