ยามเช้าของวังหลวง แสงแดดอ่อนส่องผ่านม่านหมอกบาง ปะทะกลีบบัวที่ลอยนิ่งในสระตำหนักหย่งชิง กลิ่นหอมอ่อนของดอกเหมยและน้ำชาแตะปลายจมูก เซี่ยเหยียนอวี่นั่งสงบอยู่ในห้องพัก มือเรียวจรดพู่กันลงบนกระดาษ คำว่า “ความจริง” ปรากฏอย่างแน่วแน่ เส้นพู่กันนิ่งเฉียบ ราวสะท้อนจิตใจที่เริ่มผลิบานพร้อมเพลิงแห่งการพลิกเกม
เขานึกถึงการดื่มชากับองค์ชายเมื่อคืน สายตาที่คล้ายกับกำลังจ้องมองเพื่อทะลุไปถึงหัวใจ ถ้อยคำที่กึ่งกระซิบกึ่งท้าทาย แต่เป้าหมายของเขาในยามนี้กลับไม่ใช่จวิ้นอี่... หากเป็นเงาดำที่คืบคลานอยู่เบื้องหลังอย่างฉินลี่หรงต่างหาก
“นายน้อย น้ำชาของท่านพร้อมแล้วเจ้าค่ะ” เสียงเสี่ยวหลานดังขึ้นอย่างอ่อนโยนดังเช่นทุกวัน แต่วันนี้เธอเปี่ยมไปด้วยความระมัดระวัง นางวางถาดชาอย่างเรียบร้อยก่อนเหลือบมองกระดาษตรงหน้า
เหยียนอวี่ยิ้มบาง “วันนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นมาก เจ้าช่วยบอกคนในตำหนักว่าข้าจะไปสวนสมุนไพรหลวงในช่วงบ่าย ข้าอยากเรียนรู้ตำรับยา เพื่อถวายแด่ฝ่าบาท”
เสี่ยวหลานชะงักเพียงเสี้ยววินาที ก่อนรับคำอย่างนอบน้อม เขาสังเกตเห็นท่าทีของสาวใช้ที่เปลี่ยนไป... และนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ
สวนสมุนไพรหลวงคือหลุมพรางที่เหยียนอวี่ต้องการใช้เพื่อลวงเหยื่อให้เปิดตัวออกมา และเขาจะเป็นผู้ล่อเหยื่อเข้าสู่เกมนี้เอง
ณ ตำหนักจินหลง ฉินลี่หรงนั่งอยู่กลางแสงเงาที่สาดส่องบานหน้าต่างเข้ามา พัดลายนกยูงในมือเขาสะบัดเบาซ้ายขวา ใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์แต่ดวงตาเย็นชา ข้างกายคือ หลี่ซาน ขันทีผู้เป็นสายลับให้กับเขา
“สวนสมุนไพร... เหมาะสำหรับอุบัติเหตุเล็ก ๆ” ลี่หรงกล่าวพูดเสียงเรียบ “ช่วยจัดฉากให้ดูเหมือนเป็นความผิดของเขาเอง”
“ท่านหมายถึงอย่างไร”
“ฝ่าบาทคงไม่อยากได้คู่หมั้นที่ทำผิดกฎวังหลวงด้วยการเก็บสมุนไพรต้องห้ามหรอกจริงไหม”
“รับทราบขอรับ” หลี่ซานโค้งศีรษะก่อนเดินลับตัวไป
ขณะเดียวกัน เหยียนอวี่อยู่ในห้องสมุดตำหนัก ห้อมล้อมด้วยตำราสมุนไพร บรรยากาศสงบ ทว่าหัวใจเต้นนิ่งอย่างไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอื่นใด เขาได้แจ้งหลิวจื้อเฉินล่วงหน้า และชายผู้นั้น... ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
เสียงประตูเปิดอย่างเร่งร้อน หลิวจื้อเฉินก้าวเข้ามา “ท่านทายถูก หลี่ซานถูกจับได้ขณะพยายามซุกสมุนไพรต้องห้ามในตะกร้า”
เหยียนอวี่พยักหน้า รอยยิ้มเยือกเย็นแต่เปี่ยมด้วยแผน “ท่านเก็บร่องรอยได้แนบเนียนดีหรือไม่? อย่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่าเป็นแผนของข้า”
“เรียบร้อย เขาจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียว และท่านจะไม่ถูกเอ่ยนามแม้เพียงครึ่งคำ”
“ดี” เหยียนอวี่กล่าว “ให้ศัตรูคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายคุมหมากเกมนี้ ทั้งที่จริง ๆ แล้วนั่นคือหมากที่กำลังจะพลิกเกมแล้วต่างหาก”
ค่ำวันเดียวกัน ข่าวหลี่ซานแพร่ไปในวังหลวงอย่างรวดเร็ว เสียงกระซิบเริ่มถาโถม ฉินลี่หรงขยับนิ้วกำพัดแน่น รอยยิ้มที่เคยประดับบนริมฝีปากเริ่มหุบลง
“เจ้ากำลังเล่นเกมกับข้าหรือ เซี่ยเหยียนอวี่” เขากระซิบ พลางมองจันทร์ที่แขวนอยู่เหนือฟ้าตำหนัก
ในเวลาเดียวกัน ที่ตำหนักหย่งชิง เหยียนอวี่ยืนใต้เงาจันทร์มองฟ้าเดียวกัน ดวงหน้าเรียบนิ่งแฝงรอยขันเยือกเย็น “เจ้าพลาดแล้ว ฉินลี่หรง และนี่... เป็นเพียงจุดเริ่มต้น”
หมากแห่งอำนาจ เพิ่งเริ่มหมุนด้วยปลายนิ้วของบุรุษที่ทุกคนคิดว่าเปราะบาง ทว่าแท้จริง... เขาต่างหาก ที่เป็นผู้ถือกระดานอยู่ในมือ