ศิลาแอบมองสาวสวยรุ่นพี่ที่เป็นถึงดรัมเมเยอร์ของโรงเรียน เธอควงไม้อย่างชำนาญและด้วยใหน้าที่สวยแบบคุณหนู จนทำให้เธอมักเป็นที่หมายปองให้ผู้ชายเกือบทั้งโรงเรียน ศิลารุ่นน้องที่ค่อนข้างมั่นใจในความหล่อและความเพอร์เฟคของตัวเอง ก็หมายปองอยากได้เธอคนนี้มาเป็นแฟนอยู่เหมือนกัน ติดตรงที่ว่าเขายังไม่กล้าเข้าไปจีบเธอตรงๆ กลัวว่าเธอจะหาว่าเขาเด็กเกินไป
“นี่เฮีย มานั่งดูสาวตรงนี้ทุกวันเลยนะ”
เด็กหนุ่มหันไปมองตามเสียงเล็กๆของน้องสาว ก่อนจะบ่นออกมาอย่างน่ารำคาญ อายุน้อยกว่าเขาถึงหกปีแต่ชอบสวมบทบาท ทำตัวเป็นแม่คอยดุเขาอยู่เรื่อย
“ยุ่ง ไม่ใช่เรื่องของเด็ก ป.2 อย่างเธอ”
“ชิ! ศรจะฟ้องแม่ว่าเฮียแอบมองผู้หญิง” เด็กน้อยเชิดหน้าพูดใส่พี่ชาย ก่อนจะหันหลังเดินไปหาพี่เลี้ยงที่มารับเธอกลับบ้าน ส่วนพี่ชายตัวดีก็เดินตามหลังมาไกลๆ
หลังจากที่เขาแอบไปยืมรถบิ๊กไบค์ของเพื่อนมาขับแล้วล้ม รินลดาผู้เป็นแม่ดุด่าว่าเขาเป็นยกใหญ่ พร้อมทั้งสั่งห้ามไม่ให้ไปนอนบ้านเพื่อน และต้องกลับพร้อมน้องสาวทุกวัน ไม่มีสิทธิ์คัดค้านไม่งั้นจะโดนกักบริเวณ เด็กหนุ่มได้แต่ก้มหน้ายอมทำตามอย่างง่ายดาย
1 เดือนต่อมา
หลังจากที่ได้แต่เฝ้ามองอยู่นาน ตอนนี้ศิลาก็กล้าเข้าไปจีบสาวสวยประจำโรงเรียน จนได้คอนแทคของเธอมาไว้คุยทุกวัน หญิงสาวก็เหมือนจะมีใจให้เขาอยู่นิดๆ ยิ่งทำให้ศิลาใจเต้นทุกครั้งที่เจอหน้าหญิงสาวรุ่นพี่
ภาพคนคุยกันกระหนุงกระหนิงจนอีกฝ่ายบิดตัวเขินจนเสียอาการ ทำให้หญิงสาวที่มองเห็นภาพนี้ด้านหน้า ถึงกลับต้องทำเป็นคลื่นไส้อยากจะอ้วกออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
“ศิลามันคงจะชอบพี่ดาวมากเลยสินะ เห็นตามจีบทุกวัน” คีติกาหันไปมองหน้าเพื่อนที่มองเห็นภาพเดียวกัน
“คงไปหลอกเอาไว้เยอะแหละ” ถึงได้โง่ชอบเขากลับ อยากจะพูดต่อแต่ก็กลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน จะคิดว่าเธอพาลด่าคนอื่นไปด้วย
ช่วงบ่ายคาบวิชาพละศึกษา
เป็นวิชาที่สาวน้อยผิวขาวเนียนเกลียดทีสุดแล้ว นอกจากจะต้องออกมาเรียนข้างนอกแบบร้อนๆแล้ว ยังต้องมาออกกำลังกายเรียกเหงื่อช่วงบ่ายของวันอีก ด้วยอากาศร้อนมากๆบวกกับกีฬาที่ต้องเรียนวันนี้ ต้องเรียนกลางสนามหญ้าที่แดดร้อนๆส่องลงมาจนผิวเกือบไหม้ หญิงสาวเลยแอบมานั่งหลบอยู่ที่อัศจรรย์ข้างสนาม ขืนให้ทนอยู่ตรงนั้นต่อมีหวังเป็นลมแน่ ๆ
จังหวะที่เธอนั่งพักเหนื่อยเพลินๆ หูได้ยินเหมือนเสียงคนเรียกชื่อเธอพร้อมกันหลายๆคน ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของเพื่อนที่อยู่กลางสนาม หญิงสาวหันไปมองตามเสียงโวยวาย ลูกบอลกลมๆกำลังมุ่นหน้าเข้ามาหาเธออย่างเร็วจนเธอไม่ทันได้หลบ ลูกบอลลูกใหญ่น้ำหนักเท่าลูกบาสลอยเข้าที่ใบหน้าเธอเต็มๆจนต้องเงยหน้าขึ้น คิ้วบางขมวดชนกันใบหน้ายู่เข้าหากัน อดทนกับแรงกระแทกที่วิ่งเข้าใส่ ท่ามกลางความตกใจมองของเพื่อนๆ หญิงสาวตั้งสติมองรอบๆจนรู้สึกได้กลิ่นคาวเลือดชัดเหมือนไหลออกมาจากจมุกโด่งๆ
“เห้ยเพลง!! เลือดกำเดาไหล” เพื่อนผู้ชายในห้องวิ่งเข้ามาดูอย่างเป็นห่วง แต่สายตากลับหันไปเจอ ตัวต้นเหตุที่แกล้งโยนบอลมาทางเธออย่างแรง ยืนหัวเราะด้วยความสะใจ จากความเจ็บตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นความโกรธแทนจนข้างหูมีไฟร้อนออกมา เธอกัดฟันล่างแน่นมองจ้องไปที่คนทำอย่างไม่ลดละ
“ยายเพลง!! ไปโดนอะไรมาเนี่ย แกเลือดออกเยอะแล้วไปห้องพยาบาลกัน” วีวี่ที่พึ่งเดินมาเห็นเพื่อนเลือดกำเดาไหล ตกใจจนต้องรีบลากเพื่อนสาวไปห้องพยาบาล
คีตีกานอนพักอยู่ในห้องพยาบาล เพราะเลือดกำเดาของเธอไหลออกมาเยอะมาก คุณหมอที่ดูแลเลยอยากให้เธอนอนพักก่อน ระหว่างที่นอนระงับความโกรธของตัวเองอยู่นั้น ได้ยินเสียงร้องไห้โวยวายและเสียงเหมือนคนหายใจไม่ออกของผู้หญิงอยู่ด้านนอก จนรู้สึกรำคาญหูลุกขึ้นมาเปิดม่านดู
นั่นมันผู้หญิงคนนั้นนี่นา คนที่ไอ้ปลาจวดคอยตามจีบอยู่ อาการที่เห็นตอนนี้เหมือนจะหนักใช่เล่น ทำเอาสาวเจ้าขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย ต้องเอียงหูแอบฟัง
“อาการเหมือนจะแพ้อะไรนะ เธอไปกินอะไรที่ตัวเองแพ้มาหรือเปล่า” คุณหมอถามอาการหญิงสาวตรงหน้า หลังจากที่ตรวจดูและช่วยทำให้เธอหายใจออกมาได้สะดวกขึ้นแล้ว
“หนู อึก โดนแกล้งให้กินช็อกโกแลตค่ะ คงมีคนอิจฉาหนูอยู่แล้วรู้ว่าหนูกินช็อกโกแลตไม่ได้ เลยเอามาให้หนูกิน อึก แต่เขาคงไม่รู้หรอกค่ะ ว่าหนูแพ้ช็อกโกแลตจนถึงขั้นตายได้เลย ฮืออออออ”
หญิงสาวเตียงข้างๆที่แอบฟังต้องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
“คนอะไรแพ้ช็อกโกแลต แพ้ของอร่อยเนี่ยนะของโปรดของฉันเลย”
หญิงสาวส่ายหน้าให้กับความแปลกของหญิงสาวรุ่นพี่ ก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนต่อ หลับตาได้สักพักดวงตากลมโตก็เปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอคิดออกแล้วว่าจะจัดการกับคนที่ตั้งใจแกล้งเธอยังไงให้เจ็บแสบ มุมปากเรียวเล็กกระตุกขึ้นก่อนจะยิ้มออกมาคนเดียวใต้ผ้าห่ม
วันต่อมา
หญิงสาวเดินเข้ามาในโรงเรียนด้วยความเหนื่อยล้า เพราะเมื่อคืนโดนแม่ใหญ่เรียกไปคุยเรื่องที่ต้องไปงานวันเกิดของใครสักคน ที่ต้องไปเพราะงานนี้นักข่าวไปเยอะ ด้วยภาพลักษณ์ที่สื่อเล่นว่าเป็นครอบครัวที่สุขสันต์ หากจะไม่เอาเธอไปด้วยก็คงมีเรื่องให้ชาวเน็ตขุดหาประวัติแน่นอน และแน่นอนการที่โดนเรียกเข้าไปคุยก่อนก็คือ การโดนแม่ใหญ่พูดแขวะและการทำตัวเมื่ออยู่ในงานสังคม ถึงแม้จะออกงานบ่อยครั้งแต่ก็ไม่วายโดนบ่นทุกครั้งตอนกลับมาถึงบ้าน คีตีกาอึดอัดจนนอนไม่หลับต้องลุกขึ้นมาวาดภาพเพื่อไม่ให้ตัวเองคิด วาดไปวาดมาดูเวลาอีกทีก็ปาเข้าไปตีสามกว่า
สาวน้อยฟุบหน้าลงไปที่โต๊ะเรียนเพื่อพักสายตา แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมามองหน้าคนที่มันเตะขาโต๊ะเธอด้วยใบหน้าหงุดหงิด
“ปั๊กกกก!!!”
“วันนี้ไม่มีอารมณ์” พูดเสียงเรียบนิ่งก่อนจะฟุบหน้าลงไปต่อ
“เงยหน้าขึ้นมา”
“.....”
“ยายเตี้ย ฉันบอกให้เงยหน้าขึ้นมา”
“โอ้ยยย อะไรของนายหะ คนยิ่งง่วงๆวุ่นวายแต่เช้า” หัวร้อนแต่เช้าเพราะเขาเอาแต่เตะขาโต๊ะเธอไม่หยุด
“จมูกก็ไม่หักนี่หว่า นึกว่าต้องเสียค่าทำจมูกใหม่ให้เธอซะแล้ว” พูดแค่นี้ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง หญิงสาวมองตามหลังด้วยแววตานิ่งๆ จนเผลอสบตาเข้ากับสายตากวนๆที่มองจ้องมาทางเธอเหมือนกัน