เรื่องเสื่อมเสีย
การตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับแม่เลี้ยงสาวคนล่าสุดทำให้จุดจบของเมยาวีไม่ค่อยงดงามนัก เพราะสุดท้ายแล้วเธอก็ถูกพ่อบังเกิดเกล้าทำโทษสถานหนัก ด้วยการส่งเธอขึ้นรถไฟไปสงบสติอารมณ์ และปรับปรุงพฤติกรรมอันก้าวร้าวขึ้นเสียใหม่ระหว่างที่รอผลสอบเข้าบรรจุกับทางราชการ
เมยาวีคือบุตรสาวเพียงคนเดียวของนายหัวสรศักดิ์ เจ้าของกิจการปางไม้ที่รุ่งโรจน์และเป็นที่กล่าวขวัญถึงไปทั่วพระนคร ปัจจุบันเธอจบการศึกษาระดับวิทยาลัยที่ถือว่าสูงที่สุดแล้วในยุคสมัยนี้ โดยรวมแล้วเมยาวีควรเป็นกุลสตรีดีพร้อมที่สุภาพบุรุษหลายตระกูลใฝ่ฝันถึง หากแต่เธอกลับทำตัวตรงกันข้ามให้บิดาต้องตากหน้าช่วยปิดข่าวเสียหายให้แก่เธออยู่หลายครั้ง
“เพราะหล่อนทำตัวหยำฉาแบบนี้ไง ถึงไม่อยากมีใครเอาไปทำเมียประดับวงศ์ตระกูล มีอย่างที่ไหน หอบกระเป๋าขึ้นรถผู้ชายไปหัวหินโดยไม่บอกกล่าว แถมยังระเริงรักกลับมาจนเกิดมารหัวขน ลำบากฉันต้องพาไปจัดการจนเสียเงินไปหลายหมื่นบาท ใฝ่ต่ำจนไม่รู้จะหาอะไรเทียบ ไม่ควรเกิดมาเป็นลูกฉันเลยจริงๆ”
คำบริภาษของบิดาในครั้งนั้นเกิดขึ้นจากการที่เธอตัดสินใจตามชายคนรักไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกันที่หัวหิน กว่าจะรู้ว่ามีเพื่อนของคนรักรออยู่ที่บังกะโลอีกหลายคนก็สายไปเสียแล้ว เมยาวีต้องยอมทอดเรือนกายให้พวกเขาได้ปลดปล่อยความต้องการในด้านมืดถึงสามวันสองคืนเต็มเพื่อเอาตัวรอด เพราะต่อให้เธอไม่ยอมก็ต้องถูกบังคับอยู่ดี เนื่องจากเพื่อนของเอกภพคู่หมั้นเธอค่อนข้างหยาบคายและกักขฬะ ตอนนั้นเธอยอมรับว่า เมื่อผ่านช่วงเวลาที่จำใจ เธอเองก็พลอยรู้สึกสนุกไปกับพวกเขาด้วย แม้เมื่อแรกจะเกิดขึ้นเพราะความจำยอมและฝืนอกฝืนใจบ้างก็ตามที แต่เมยาวีก็เพริดไปกับมันไม่น้อยเลย...
สุดท้ายแล้วความสนุกของเธอก็นำมาซึ่งความอัปยศ เพราะการคุมกำเนิดที่ไม่รัดกุมทำให้เธอได้รับเชื้อพันธุ์ของหนึ่งในห้าคนนั้นติดมาด้วย กว่าบิดาจะดิ้นรนส่งเธอไปจัดการตัวเองที่ต่างประเทศได้ เมยาวีก็ต้องตากหน้าทนฟังคำด่าทอและลำเลิกบุญคุณจากบิดาไม่รู้จบ
คำก็ใฝ่ต่ำ สองคำก็ใฝ่ต่ำ ไหนจะคำปรามาสที่นางแม่เลี้ยงตัวดีคอยกระทบกระทั่งมาอีกเล่า เมยาวีคิดแล้วก็เคืองนัก นึกโกรธเคืองปากไม่มีหูรูดของรัศมี ที่พาให้เกิดข่าวลือทำลายชื่อเสียงเธอลอยมาเข้าหูอยู่บ่อยๆ
น่ารำคาญจะตายไป...นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้ว เมยาวีคิด ก่อนจะหันไปมองทิวทัศน์สองข้างทางที่น่ารื่นรมย์กว่าอดีตเป็นหลายเท่า การเคลื่อนตัวในระดับคงที่ของรถไฟทำให้การชมวิวเป็นไปอย่างราบรื่น เธอโชคดีที่ได้ตั๋วนอนริมหน้าต่างช่วงกลางขบวน เพราะนอกจากจะเห็นทิวทัศน์ข้างทางได้ชัดเจนแล้ว ยังปลอดภัยจากกลิ่นห้องน้ำที่จะตามมารบกวนได้อีกด้วย
ในยุคที่พระนครกำลังอยู่ในช่วงพัฒนา ความคิดแบบสมัยใหม่ที่เปิดกว้างเรื่องเพศย่อมตามมาด้วยอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่คบหากับชายคนรัก เมยาวีก็เคยยึดมั่นในเรื่องรักเดียวใจเดียว และยอมเอาอกเอาใจเขาทุกอย่างโดยไม่เกี่ยงงอน รวมไปถึงการมอบพรหมจรรย์สุดหวงแหนให้แก่เขาด้วยความเต็มอกเต็มใจ
กว่าจะรู้ว่าฝ่ายชายเป็นคนรักเพื่อนและมีรสนิยมแบบนั้นก็สายไปเสียแล้ว เมยาวีจำได้ว่าเมื่อแรกเธอต้องจำยอมพวกเขาไปทั้งน้ำตา หากแต่บทรักสุดเร่าร้อนที่เต็มไปด้วยความแปลกใหม่กับชายมากหน้า กลับพาให้เธอมีอารมณ์ร่วมไปโดยปริยาย เพียงรอบเดียวเมยาวีก็กลายสภาพเป็นโสเภณีประจำกลุ่ม พวกเขาและเธอต่างก็สนุกกันสุดเหวี่ยงในทุกๆ พื้นที่โดยไม่อายฟ้าดิน ความเป็นส่วนตัวของบังกะโลชายทะเลริมผาหิน ถือเป็นมุมลับตาที่ไม่มีใครผ่านมาเห็นกิจกรรมเร่าร้อนนั้นได้โดยง่าย ดังนั้น ช่วงเวลาสามวันสองคืนที่หัวหินจึงผ่านไปด้วยความรวดเร็ว โดยที่หลังจากนั้นเธอและพวกเขาก็ยังนัดหมายกันสนุกต่ออยู่เรื่อยๆ จนเกิดเรื่อง
แน่นอนว่าฝ่ายชายที่เป็นคู่หมั้นก็พร้อมรับผิดชอบ เพราะเมยาวีเองก็ใช่ว่าจะสิ้นไร้ไม้ตอก แถมยังมีสมบัติพัสถานมากมายที่ใช้จนตายก็ไม่มีวันหมด เพียงแต่แม่เลี้ยงสาวจอมริษยานั่นกลับบังเอิญไปทราบเรื่องเหล่านี้เข้าจากปากคำของหนึ่งในคู่นอนเธอ ความปากสว่างของเขาจึงนำพาให้ครอบครัวของแฟนหนุ่มรับไม่ได้และพาให้บิดาเสียชื่อเสียงตามไปด้วยอย่างที่เห็น
ยิ่งหวนคิดไปถึงนางแม่เลี้ยงจอมสาระแนนั่นเมยาวีก็ยิ่งขุ่นเคืองใจ ตัดสินใจพาตัวเองออกจากความไม่สบอารมณ์ ด้วยการคว้าถุงสตางค์และกระเป๋าถือใบเล็กๆ เดินแหวกผ้าม่านออกมาเพื่อตรงไปยังห้องเสบียง การได้นั่งจิบชาและรับประทานขนมหวานสักพักใหญ่คงช่วยให้เธออารมณ์ดีขึ้น
ทันทีที่ผ้าม่านโดนเปิดออก เมยาวีก็เห็นชายคนหนึ่งในชุดสุภาพกำลังจัดข้าวของในตู้นอนฝั่งตรงกันข้ามกับเธออย่างเงียบๆ ร่างของเขาดูกำยำจนความเรียบร้อยของเสื้อผ้าก็ปิดบังไว้ไม่อยู่ ใบหน้าคมคายเจือไปด้วยแววตากระพริบพราวที่บ่งชัดถึงความสนใจในตัวเธอ แอบประเมินร่างยวนตาของหญิงสาวด้วยกิริยาสุภาพแต่แฝงลึกไปด้วยความรู้สึกประทับใจจนเด่นชัด ทั้งสองต่างยืนสบตากันอยู่พักหนึ่งก่อนที่เมยาวีจะทิ้งสายตาพร้อมไมตรีกองรออีกฝ่ายไว้ตรงนั้น…