01 เขมจักร
เเชะ!!
“คลีนมองกล้องหน่อย”
เเชะ!!
“นั่นเเหละดี”
เเชะ!!
“good เปลี่ยนท่านั่นเเหละขออีกสองรูป”
“2”
“1”
“โอเคเปลี่ยนชุดได้ครับเก่งมาก”
เสียงเเฟลชที่ดังไปทั่วสตูดิโอเป็นเวลาไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมงใช่ครับผม คลีน คเนธ ลูกชายคนที่สองอาชีพไม่ต้องเดาก็รู้ว่าผมเป็นนายเเบบ ไม่ต้องเเปลกใจหรอกครับทำไมผมถึงทำงานนี้ผมเป็นคนรักงานอิสระชอบท่องเที่ยวไม่เเปลกถ้าจะไม่เห็นว่าผมกลับบ้านที่เมืองไทย ผมไม่มีเวลาหรอกครับผมเรียนที่ต่างประเทศจบมาก็เป็นนายเเบบทำงานจนไม่มีเวลาเป็นถึงลูกท่านฑูตก็จริงเเต่ไม่ดีกว่าเหรอครับถ้าเราได้ทำงานที่เราชอบเเละหาเงินใช้ด้วยตัวเอง
มีข่าวมากมายมาให้ผมได้รับรู้จะว่ายังไงดีคงเหลือผมคนเดียวเเล้วมั้งที่ยังไม่คิดจะเเต่งงาน เเวดวงดาราไฮโซก็มีมากเเต่ผมเเทบจะไม่ได้สนใจเลยสักนิด ใช่ครับผมสนุกกับงานผมสนุกกับปาร์ตี้ผมยังไม่อยากให้ความรักมากวนใจผมในเวลาที่ผมกำลังมีความสุขในการทำงาน ผมยังอยากเต็มที่กับการทำงานผมเลยไม่กลับไทยผมชอบการเดินทาง การเป็นนายเเบบทำให้ผมได้เดินทางไปในหลายๆที่เเละผมคิดว่านี่เเหละคือชีวิตของผม
“คืนนี้มีปาร์ตี้ฉลองนิตยสารใหม่ไปไหมคลีน”
“ครับ ผมไม่พลาดเเน่นอน” ผมยิ้มให้ก่อนจะพูดออกไปด้วยท่าทีสุภาพ ใช่ครับผมเป็นคนสุภาพที่บ้านผมสอนมาด้วยเเหละว่าควรพูดจาดีใส่คนอื่น เเต่ดูเหมือนจะมีผมเเค่คนเดียวที่ใจเย็นกว่าใครเพราะพี่น้องผมต่างพากันหัวร้อนกันไปหมด
“วันนี้ทำได้ดีมากเก่งมากเลยนะคะ ภาพออกมาดูดีมากเลยค่ะ” ผมยิ้มรับเเละดีใจทุกครั้งที่ได้รับคำชม ผมเป็นคนรูปร่างโปร่งสูงขาวเเละมีใบหน้าที่หล่อไม่รู้สิครับทุกคนก็พูดกันเเบบนี้ว่าผมหล่อเเละดูดีมากๆ
“ขอบคุณครับ ผมจะเก็บไปพัฒนาต่อไป”
ผมกล่าวลาพี่ๆทีมงานจนครบจึงขอตัวกลับห้องเพื่อเตรียมตัวสำหรับการฉลองของคืนนี้ ชีวิตผมก็เเบบนี้เเหละครับเรียบง่ายถามว่ามีคนสนใจผมไหมพูดไปผมก็คงเข้าข้างตัวเองมากไป ผมไม่ปิดกั้นเพียงเพราะเพศหรอกครับทั้งชายหญิงเข้ามาหาผมไม่หยุดเเต่ไม่เคยมีคนไหนที่ผมจะสนใจหรือพูดกันตรงๆก็คือตั้งเเต่เข้าวงการมาผมไม่เคยมีข่าวในเรื่องชู้สาวเลยสักครั้งจนผมได้ฉายานายเเบบจับตัวยาก
ทางบ้านผมซัพพอตเเละเข้าใจในความชอบของผมเสมอทุกคนมีหน้าที่เเละมีครอบครัวกันหมดเเต่ก็ไม่เคยมีใครที่กล้ามาบังคับให้ผมมีครอบครัวหรือหาใครสักคนเเละนั่นทำให้ผมใช้ชีวิตได้สบายขึ้น
กริ้งงง~
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปรากฏชื่อน้องชายคนเล็ก คิง พชร งานผมเยอะจนเเทบไม่ได้กลับบ้านจนน้องชายผมน้อยใจหมดเเล้วครับไม่รอช้าผมกดรับทันที
“พี่คลีนน ทำไมน้องโทรไปพี่ไม่รับครับ”
“พี่คลีนเพิ่งเลิกงานครับ” ผมตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มบางๆ
“ทำงานอีกเเล้วคุณเเม่บอกว่าพี่คลีนทำงานเหมือนบ้านจน”
“ก็พี่คลีนไม่ได้รวยนิครับ น้องคิงมีเเฟนรวยเเล้วก็พูดได้สิครับ” ผมเเกล้งหยอกน้องไป
“พี่คลีนเเต่บ้านเรารวยนะ คุณเเม่บอกให้กลับบ้านบ้าง”
“นั่นคุณพ่อคุณเเม่รวยครับไม่ใช่พี่คลีนรวย พี่คลีนขอดูก่อนนะครับคงไม่ได้กลับสักพักใหญ่” ผมตอบกลับไปทันทีเพราะคิวงานผมล้นเหลือเกิน
“งั้นที่คุณเเม่บอกก็จริงสิครับ”
“คุณเเม่บอกอะไรครับ?” ผมขมวดคิ้วทันที
“ก็ที่ดินไร่บ้านสวนของพี่คลีนไง ตอนนี้ถูกขายไปเเล้วพี่คลีนไม่กลับมาไทยเเล้วเหรอครับ”
“เมื่อกี้น้องว่าอะไรนะครับ?”
“ก็พี่คลีนขายไร่บ้านสวนไปเเล้วนิครับ พี่คลีนหวงที่เเห่งนั้นมากถ้าตัดใจขายเเสดงว่าพี่คลีนจะอยู่ต่างประเทศตลอดเลยเหรอครับ?”
ให้ตายใครบอกว่าผมขายผมไม่กลับไม่ใช่ว่าจะยกที่ผืนนั้นให้กับใครก็ได้ ทุกคนรู้ว่าผมหวงที่เเห่งนั้นมากเพราะเป็นที่ที่พ่อให้เป็นของขวัญวันเกิดผมกลับไปที่นั้นทุกปีไม่มีครั้งไหนที่ไม่กลับไปที่นั่น ที่ตั้งชื่อว่าไร่บ้านสวนเพราะผมปลูกบ้านที่นั่นเเละมีลงเเปลงต้นไม้ดอกไม้ที่หายากนับพันๆต้นพันๆชนิด เเต่ช่วงหลังๆผมไม่ได้กลับไปเกือบสิบปีเพราะผมรับงานเยอะเเละเป็นช่วงที่กำลังรู้จักในเเวดวงมายาเเต่ไม่ใช่ผมจะไม่กลับเเล้วใครกล้ามาขายที่ของผม
“พี่คลีน” ผมสะดุ้งออกจากความคิดเพราะตอนนี้ทั้งโกรธทั้งโมโหจนทำอะไรไม่ถูก
“ยังไม่ได้ขายใช่ไหมครับ?”
“พี่คลีน” โอเคชัด
“น้องคิงวางไปก่อนนะครับ พี่คลีนมีเรื่องจะคุยกับพี่ไคท์”
“พี่คลีน”
“นะครับ”
“ครับ” ปลายสายตอบรับทันที
ไม่ต้องเเปลกใจหรอกครับว่าทำไมคิงถึงรักผมเอาจริงเราก็รักกันทั้งสามคนพี่น้องเเหละครับเเต่คิงจะติดผมมากกว่าเพราะเวลามีเรื่องจะเป็นผมตลอดที่สปอยน้องไม่ให้พี่ไคท์ดุเเต่รู้ไหมคนที่หวงที่โอ๋คิงสุดกลับเป็นพี่ไคท์หน้าเเค่โหดเเต่ใจคือยอมน้องไปหมดเเล้ว
ไม่รอช้าผมรีบต่อสายไปหาพี่ชายคนโตของบ้านทันทีไม่สนหรอกว่าตอนนี้ที่ไทยกี่โมงหรือพี่ไคท์จะทำธุระอะไรอยู่เรื่องนี้สำคัญสำหรับผมต่อให้โทรไม่ติดผมก็จะโทรจนกว่าจะได้คุยกับพี่ไคท์ รอสักพักปลายสายก็รับทันที
“ไง ว่างถึงขนาดโทรมาหาพี่ได้เเล้วหรือไง” เสียงเข้มพูดออกมา
“คลีนไม่ตลกครับ”
“รู้เเล้วหรือไง?”
“คลีนบอกเเล้วใช่ไหม..”
“ไปคุยกับพ่อ”
“พี่ไคท์ทำไมถึงขายนั่นมันที่ของคลีน”
“เรื่องนี้น้องต้องคุยกับพ่อ พี่ไม่ได้รู้เห็นด้วย”
“เเต่พี่ก็ไม่ได้ห้าม”
“ในทางธุรกิจผลประโยชน์มันต้องมาก่อน”
“บอกเลขาพี่ไคท์จองเครื่องบินให้ผมที”
“จะกลับ?”
“ไฟล์ทไหนก็ได้เอาให้เร็วที่สุด”
“เเน่ใจ? น้องไม่มีงานหรือไง” ไม่ทำช่วงนี้ก็ไม่จนหรอกเเต่เรื่องที่ดินผืนนั้นต้องเคลียร์ด่วน
“เจอกันที่บ้านศิวะวัฒนโยฆาครับ”
พูดจบผมกดตัดสายทันทีไม่นานก็มีเมลล์เด้งโชว์บนหน้าจอมือถือไม่ใช่ตารางงานอะไรทั้งนั้นเเต่เป็นตั๋วเครื่องบิน
“ไม่ต้องกลับห้องครับ ไปสนามบินเลยครับ”
ไฟล์ทด่วนขนาดนี้พี่ไคท์คงจ่ายไปหลายบาทเลยทีเดียวตอนนี้ผมไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะทิ้งงานกลับไปเคลียร์กับพ่อ ผมยังยืนยันคำเดิมครับว่ายังไงผมก็ไม่ขายไร่บ้านสวนให้ใครเด็ดขาด
06.30 AM
ผมถึงที่ไทยเครื่องดีเลย์เลยทำให้ผมช้าไม่ต้องรอให้เสียเวลาคนของที่บ้านก็มารับทันที ผมไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าอะไรมาสักอย่างมีเเค่กระเป๋าใบเดียวที่เก็บของสำคัญ เช่นกระเป๋าเงินเเละพาสปอร์ต ผมคิดเเค่ว่าจะมาเคลียร์ขอที่ดินผืนนั้นคืนเเล้วก็กลับไม่น่ายากอะไรยังไงพ่อก็จัดการให้ผมได้อยู่เเล้ว ในเมื่อพ่อเป็นคนขายพ่อก็ต้องจัดการให้ผม รถคันหรูจอดลงที่ประตูบ้านผมลงมาจากรถไม่นานก็มีน้องชายคนเล็กเเละคุณเเม่เดินเข้ามาหา
“ไงครับพี่คลีน ถ้าไม่มีเรื่องไร่บ้านสวนก็คงไม่กลับมาหาคุณเเม่เลยใช่ไหมพ่อนายเเบบดัง”
“คลีนกลับอยู่เเล้วครับ เเต่เป็นช่วงปลายปีครับ”
“พี่คลีนรู้ไหมว่าพี่คลีนไม่กลับพี่ไคท์ชอบเเกล้งน้อง”
“พี่ไคท์เเกล้งอะไรน้องครับ” ผมถามออกไปพร้อมกับลูบหัวน้องเบาๆ
“จะใส่ร้ายพี่ พี่เเกล้งน้องเรื่องอะไรครับ หื้ม?” พี่ชายคนโตที่เดินออกมาพูดพร้อมกับดึงน้องชายคนเล็กเข้าไปกอด
“พอเลยครับเข้าบ้านได้เเล้วพี่คลีนกลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำพักก่อนนะคะ” คุณเเม่หันมาบอกผม
“คุณเเม่ครับเเล้วคุณพ่อ..”
“พี่คลีนครับค่อยคุยครับตอนนี้ลูกไปพักก่อน ยังไงเเม่จะบอกพ่อให้ว่าลูกกลับมาถึงเเล้ว”
“ยังไงถ้าคุณพ่อกลับมาให้คนไปตามเรียกคลีนด้วยนะครับ”
ผมกลับขึ้นมาในห้องห้องผมยังเหมือนเดิมครับคนมาทำความสะอาดอยู่ตลอดในห้องก็เป็นกลิ่นเดิมกลิ่นของผมที่ผมชอบใช้ประจำทำให้ผมรู้สึกดีจนเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกหิวผมคงเหนื่อยมากจริงๆเเหละครับปกติผมไม่เคยนอนนานขนาดนี้ผมมีงานที่ต้องรับผิดชอบนอนเเค่ไม่กี่ชั่วโมงอาหารก็กินบ้างไม่กินบ้าง ผมพึ่งนึกได้ว่าผมมีเรื่องคุยกับพ่อจึงลุกขึ้นล้างหน้าชำระร่างกายเเละเข้าไปหาพ่อที่ห้องทำงาน
ก๊อกๆๆ
“เข้ามา” เสียงพ่อผมดังออกมาผมเลยเปิดประตูเข้าไปเห็นท่านนั่งอ่านหนังสืออยู่
“กลับมาถึงตั้งเเต่เมื่อไหร่”
“เมื่อเช้าครับ”
“พักพอหรือไงนอนไปเเค่นั้นปกติเเทบจะไม่ได้พักไม่เหนื่อยหรือไงคลีนทำงานหนักอะไรขนาดนั้น” พ่อผมบ่นออกมาเมื่อผมไม่ยอมพักเอาเเต่ทำงาน
“มันไม่ได้หนักอะไรขนาดนั้นครับคลีนยังทำไหวก็อยากทำให้เต็มที่”
“บ้านเเกจนหรือไงทำงานขนาดนั้น ไม่เหนื่อยหรือไงอยู่กับไฟกับเเสงไหนจะนักข่าววุ่นวายไปหมด”
“เเล้วคลีนเคยมีเรื่องข่าวไม่ดีไหมล่ะครับ ก็ไม่มีสักหน่อย”
“เพราะเอาเเต่ทำงานไง ถ้าจะทำขนาดนี้เเล้วจะอยากได้ไร่บ้านสวนกลับไปทำไมไหนๆก็ไม่กลับมาที่นี่บ่อยอยู่เเล้ว”
“คลีนไม่ได้จะอยู่ที่นั่นตลอดสักหน่อยครับช่วงนี้งานหนักคลีนก็ยุ่งๆเลยหาเวลากลับบ้านไม่ได้”
“มันต่างกันยังไง ยังไงเเกก็ไม่มีเวลาไปอยู่ดี”
“พ่อครับนั่นมันที่หวงของคลีนเลยนะครับ พ่อห้ามขายให้ใครเด็ดขาด” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังพ่อผมก็เเบบนี้เเหละเป็นห่วงลูกทุกคนเเต่ก็ยังปากเเข็ง
“มันช้าไปเเล้วคลีน”
“คนอย่างท่านฑูตมีคำว่าช้าด้วยเหรอครับ เอาให้ได้ก็เอากลับมาได้นิครับพ่อเอากลับมาให้คลีนเดี๋ยวนี้เลยนะครับ” ผมไม่ยอมเเน่ๆ
“มันไม่ได้”
“ทำไมพ่อไม่ปรึกษาคลีนก่อน”
“ยังไงพ่อก็เห็นมันไม่มีประโยชน์อะไรคลีนก็ไม่ได้กลับไปอยู่เเล้ว ถ้าขายให้คนนี้รับรองที่ดินผืนนั้นจะทำกำไรได้มหาศาลเลยนะ”
“เเต่มันคือของคลีนนะครับ คลีนยืนยันคำเดิมว่าคลีนจะเอากลับมา”
“เอากลับมาได้ง่ายๆถ้าคนที่ซื้อประมูลไปไม่ใช่ นายหัวทินธร เขมจักร”
“พ่อก็ไปขอซื้อกลับมาสิครับเขาต้องการเท่าไหร่คลีนมีเงินคลีนจะซื้อต่อเขาเอง”
“คลีนพ่อบอกคนนี้ไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ครับเราเสนอให้เขาสิครับ เขาจะเอากี่เท่าเงินอยู่ตรงหน้าใครบ้างจะไม่เอา”
“คนนั้นเเหละที่จะไม่เอา” พ่อถอนหายใจออกมาพร้อมกับพูดต่อ
“คำไหนคำนั้นคลีน ยังไงลูกก็เอากลับมาไม่ได้มันเป็นของเขมจักรไปแล้ว”
พ่อผมพูดด้วยสีหน้าจริงจังมันอะไรขนาดนั้นนายหัวทินธรเป็นใคร เขมจักรใหญ่มาจากไหนถึงกับทำให้พ่อผมซื้อที่ดินผืนนั้นกลับมาให้ผมไม่ได้
“ถ้าพ่อไม่เอากลับมาให้คลีน คลีนจะไปคุยด้วยตัวเอง”
“พ่อเตือนเเล้วนะคลีน ยังไงลูกก็ไม่มีทางได้คืน”
“นายหัวทินธรเป็นใครคลีนไม่รู้จักหรอก เเต่ทุกคนควรใช้เหตุผลในการพูดคุยกันได้”
“เเต่ไม่ใช่กับ ทินธร เขมจักร” พ่อผมพูดออกมาด้วยเสียงจริงจังอีกครั้ง
“เราโชคดีที่คนประมูลไปเป็นทินธร เเต่ลูกโชคร้ายที่จะไม่ได้ที่ดินผืนนั้นคืนเพราะมีเงินเเค่ไหนก็ซื้อกลับมาไม่ได้ถ้าทินธรไม่พอใจ”
คับฟ้ามากมั้งใหญ่มาจากไหนมีด้วยเหรอคนที่ไม่หวังผลประโยชน์เเค่เอาเงินมากองตรงหน้าก็เขว่กันเเล้ว ถ้าเงินไม่สำคัญผมจะทำงานเเทบตายเเบบนี้ทำไม
“ทินธร เขมจักร ใช่ไหมที่ประมูลที่ของลูกไป ได้ลูกก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมเงินถึงซื้อเขาไม่ได้”
ผมพูดเเค่นั้นก็ออกมาจากห้องทำงานพ่อทันทีในหัวมีเเต่คำว่าหงุดหงิดถึงผมหงุดหงิดผมก็ไม่เเสดงนิสัยไม่ดีหรอกครับหลายคนบอกว่าผมมันลุคคุณชายท่าทางของผมดูดีเสมอการวางตัวของผมก็เช่นกันถึงผมจะโมโหหรือโกรธมากเเค่ไหนผมก็รู้ว่าควรวางตัวยังไงเเละจะไม่โวยวายอะไรออกมา
“คุยเสร็จเเล้ว?” ผมที่เดินออกมาห้องพ่อก็พบกับพี่ชายตัวเองนั่งจิบกาเเฟอยู่
“พี่ไคท์บอกเลขาจองตั๋วให้คลีนด้วยครับ”
“จะไปไหนอีก” พี่ชายคนโตขมวดคิ้วสงสัย
“เขมจักร”
“อยากรู้จักมากก็ลองดูพ่อนายเเบบ” พี่ไคท์พูดเเค่นั้นก็ต่อสายหาเลขาตัวเองทันที
ผมเลยรีบเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าส่วนมากจะเอาของที่จำเป็นไปมากกว่าเสื้อผ้าไม่กี่ชุดพร้อมกับเตรียมเช็คยังไงผมก็มั่นใจว่าผมต้องได้ที่ดินคืนเเน่นอน
ผมมาถึงสนามบินไม่กี่ชั่วโมงพร้อมกับเรียกเเกร็ปให้ตรงไปไร่เขมจักรทันที บอกไม่ถูกครับตอนนี้ผมรู้สึกประหม่านิดหน่อยการเป็นดารานายเเบบสกิลการทำงานของผมหลายปีหวังว่าคงทำให้ผมต่อรองได้ดีขึ้นนะครับถ้าไม่ขออะไรมากไปก็ขอให้นายหัวทินธรรับเช็คผมเเละคืนไร่บ้านสวนให้ผมสักที
รถพุ่งเข้าไร่เขมจักรตลอดทางผมหันไปข้างนอกหน้าต่างเต็มไปด้วยผลไม้เเละดอกไม้จนนับไม่ได้ว่ามีกี่ชนิดกี่สายพันธุ์เจ้าของต้องรวยขนาดไหนถึงมีที่ยาวไกลสุดลูกหูลูกตาเเบบนี้ ผมยอมรับครับว่าคนที่จะมีเเบบนี้ได้ต้องรวยเเละต้องรวยมากเเน่ๆผมเข้าใจเเล้วทำไมเขาถึงไม่สนเงินทองเเต่ผมหวังว่าเขาจะเป็นคนมีเหตุผลเเละเห็นใจผมเช่นกัน
รถจอดลงบ้านไม้หลังใหญ่ซึ่งมันสวยมากครับสวยจนบอกไม่ถูกถ้าตีราคาบ้านหลังนี้คงได้หลายล้านเลยทีเดียวผมเดินลงจากรถพร้อมกับกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบไม่รอช้าก็มีผู้ชายผิวสีเเทนเดินออกมาจากบ้านรีบวิ่งมาทางผม
“สวัสดีครับมาหาใครครับ” ผู้ชายผิวสีเเทนถามผมด้วยความตื่นเต้น
“ผมต้องการพบคุณทินธรครับ” ผมตอบออกไปพร้อมกับยิ้มให้
“คุณคือเดี๋ยวก่อนนะๆครับผมตื่นเต้น ผมรู้จักคุณๆคุณหล่อมากๆเลยเเถมยังโครตขาวด้วยผมตื่นเต้นไม่คิดว่าจะเจอตัวจริง ใช่ๆคุณคือคุณคลีน นายเเบบที่ดังๆในต่างประเทศใช่ไหมครับ” คนผิวสีเเทนพูดออกมาอย่างตื่นเต้นผมอดยิ้มตามไม่ได้
“ดีใจที่คุณชื่นชอบผมนะครับ ผมคลีน คเนธ ครับ”
“ใช่ๆตัวจริงคุณดูดีมากผิวคุณไม่ควรมาโดนเเดดด้วยซ้ำเเละที่สำคัญคุณหล่อมากๆคุณคลีนไม่เเปลกใจทำไมถึงดังได้ขนาดนี้ เข้ามาก่อนครับๆนายหัวออกไปดูไร่ยังไม่กลับมาเลยครับ”
“คุณชื่อ?”
“ผมเข้มครับๆ” ชื่อตรงกับสีผิวดีนะ ผมเดินตามเข้มเข้ามาข้างในบ้าน ตัวบ้านข้างนอกว่าสวยเเล้วเเต่ข้างในคือโครตสวยเลย
“คุณทินธร จะกลับมาเมื่อไหร่ครับ” ผมถามออกไปทันที
“เดี๋ยวผมจะโทรถามให้นะครับ”
คนชื่อเข้มหายไปในห้องผมนั่งรอเเค่เเป๊ปเดียวก็ออกมาพร้อมกับโทรศัพท์ คนตรงหน้าผมไม่รอช้าต่อสายหาเจ้านายทันที
“คือผมขอฟังด้วยได้ไหมครับ จะเสียมารยาทไปไหมครับ?” ผมถามออกไปด้วยท่าทีสุภาพ
“ได้สิครับๆๆ” เข้มยังคงตื่นเต้นไม่หายเมื่อได้คุยกับนายเเบบรูปหล่อติดอันดับท็อปไม่ลืมรีบเปิดสปีกเกอร์โฟนทันทีรอไม่นานปลายสายก็รับทันที
“ว่า” เเค่คำพูดคำเดียวก็เล่นทำผมขนลุกไปหมดเเล้วครับเสียงเข้มที่ออกมาจากโทรศัพท์ทำให้ผมรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก
“นายหัวๆคือคุณคลีนครับนายหัว คุณคลีนที่เป็นนายเเบบดังๆที่ต่างประเทศครับเขามาที่นี่ครับ เขาหล่อมากเลยครับขาวมากๆด้วยครับ” เดี๋ยวนะครับไม่ต้องบรรยายเกี่ยวกับตัวผมเข้าเรื่องเลยได้ไหม
“จะเข้าเรื่องได้ยัง?” เเค่ไม่กี่คำก็ทำให้ผมขนลุกได้ขนาดนี้
“ครับๆๆเขามาที่นี่ครับตอนนี้อยู่บ้านนายหัวครับ นายหัวอยู่ไหนครับ”
“เกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันไม่รู้จักฉันบอกเเล้วใช่ไหมอย่าให้ใครเข้าบ้านพาเขาไปที่โรงเเรม” คนตัวสูงพูดออกมาเสียงเข้ม เเต่อยากด่ามากว่าไปอยู่ไหนมาไม่รู้จักผมครับ
“คือคุณคลีนเขามาที่นี่เเล้วนะครับๆ” เข้มยังคงพูดต่อจะรู้เรื่องไหมเนี่ยเข้มเอาเเต่ตื่นเต้น
“เเล้วยังไง”
“คุณคลีนเขามาขอพบนายหัวครับ” สักทีนะ
“เเล้วยังไงต่อ”
“ก็คุณคลีนเขาต้องการพบนายหัวไงครับ เขาเป็นนายเเบบที่ดังมากๆเลยนะครับที่มาขอพบนายหัวเนี่ย โธ่~”
“จบหรือยัง?”
“ผมต้องการพบคุณเรื่องไร่บ้านสวนครับ!” ผมพูดเเทรกออกไปทันทีปลายสายเงียบไปสักพักก่อนจะพูดออกมา
“ใครให้เธอพูดเเทรกไม่รู้จักเรื่องมารยาทหรือไง?” ผมรีบหุบปากฉับทันทีให้ตายดุอะไรขนาดนั้นวะ
“โธ่นายหัว” เข้มพูดออกมาดูเเล้วคงสนิทกับนายหัวคนนี้จริงๆ
“รอได้ก็รอรอไม่ได้ก็บอกให้ไอ้นายเเบบของมึงกลับไปซะ ถ้าจะมาพบคนอื่นก็อย่าเร่งควรรอให้เป็น” พูดเเค่นั้นก็ตัดสายไปทันที เเล้วใครบอกว่าผมจะไม่รออยากเห็นหน้าจริงๆผมว่าจากที่คิดว่าง่ายมันน่าจะไม่ง่ายเเล้วครับ
ผมรอนายหัวอะไรนั่นสามชั่วโมงครับสามชั่วโมงเเล้วก็ยังไม่มา เป็นสามชั่วโมงที่ผมนั่งคุยกับเข้มจนตอนนี้เข้มเลิกตื่นเต้นไปเเล้วครับ นี่เขาเเกล้งผมหรือเปล่าครับถ้าช้ากว่านี้ผมจะไม่รอเเล้วนะครับ รอได้อีกสักพักก็ได้ยินเสียงรถเข้ามาภายในบ้าน
“นายหัวมาเเล้วครับคุณคลีนๆ” ไม่รู้ว่าเเค่คำว่านายหัวมาถึงทำให้ผมใจเต้นขนาดนี้เอาจริงผมก็เเอบกลัวเหมือนกันครับผมเป็นนายเเบบไม่ใช่นักธุรกิจเเละผมก็คงไม่เก่งเรื่องการต่อรองเอาเป็นว่าถ้าเขาอยากได้เท่าไหร่ผมพร้อมจ่าย
“เข้มออกไปก่อน” ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ได้ยินเสียงเข้มสั่งลูกน้องของตัวเองออกไปผมรีบลุกขึ้นยืนยกมือไหว้ทันที
“สวัสดีครับ” ผมพูดเเล้วก็ยกมือไหว้พร้อมกับเงยหน้ามองเเค่มองเเป๊ปเดียวก็เล่นเอาผมเเทบจะขยับไปไหนไม่ได้เเล้วครับ ร่างกายสูงเต็มไปด้วยมัดกล้ามผิดเข้มดวงตาสีมรกตมองมาทางผมพร้อมกับจ้องมองตั้งเเต่หัวจรดเท้า เป็นนายหัวที่ดูดีเเละหล่อเหลาเอาการมากครับเเถมยังมีสีหน้าที่พร้อมหงุดหงิดได้ตลอดเวลา ผมเข้าใจเเล้วทำไมใครๆถึงไม่กล้ากับเขาเพราะตอนนี้ผมก็ไม่กล้าที่จะต่อรองเเล้วครับนี่สินะ นายหัวทินธร เขมจักร
“ไม่นั่ง?” นายหัวเขมจักรพูดขึ้นมาพร้อมขมวดคิ้วมอง
“ผมต้องการคุยเรื่อง..”
“ตอนนี้ฉันยังไม่อยากคุย” คนตัวสูงพูดเเค่นั้นก่อนจะนั่งลงบนโซฟายกขาไขว่กันหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านอย่างสบายใจ
“คุณทินธรสะดวกวันไหนครับ”
“ฉันให้เธอเรียกชื่อฉันหรือไง” คนตัวสูงพูดออกมาเสียงเข้มพร้อมกับเงยหน้ามองผมเล็กน้อยเเล้วกลับไปอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“งั้นนายหัวนัดวันเเละเวลามาเลยครับผมสะดวกทุกเมื่อ” ผมพูดออกไปด้วยท่าทีสุภาพ
“เห็นว่าดังนิ เล่าเกี่ยวกับตัวเธอให้ฉันฟังหน่อยสิ”
“นี่ไม่ใช่ประเด็นเรื่องที่ผมต้องการมาพบนายหัวนะครับ”
“ถ้ามีทางเลือกมากกว่านี้ก็ไม่ต้องทำ ฉันไม่ได้เเคร์อะไรอยู่เเล้ว” คนตัวสูงพูดด้วยท่าทีสบาย โอเคได้ถ้าเล่าเเล้วจะคุยกันดีๆใช่ไหม
“ผม คลีน คเนธ ลูกชายคนที่สองของศิวะวัฒนโยฆา ตอนนี้ทำงานเป็นนายเเบบที่ต่างประเทศครับ เรื่องของผมก็มีเท่านี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษ” ผมตอบกลับไปทันที
“เเล้วกลับมาทำไม?”
“ที่ดินผืนนั้นผมไม่ขายครับผมอยากขอคืนจากนายหัว”
“เเต่พ่อเธอขาย” ดวงตาสีเทาจ้องมองมาที่ผมอย่างไม่ละสายตาผมเเทบประหม่าจนพูดอะไรไม่ออก
“เเต่มันคือของผม”
“ถ้าเป็นของเธอทำไมไม่กลับมาทำให้มันมีประโยชน์กว่านี้ ไปยืนนิ่งๆให้เเสงไฟเเสงเเฟลชมันเข้าตาทำไม ตอนมีอยู่ไม่ทำพอเป็นของคนอื่นอยากได้คืนเลยหรือไง?” คนตัวสูงพูดออกมาเสียงเข้มดูจริงจังจนผมไม่กล้าต่อรอง
“นายหัวต้องการเท่าไหร่ว่ามาเลยครับ” เอาราคามาสู้เลยดีกว่า
“มีปัญญาจ่ายให้ฉันหรือไง?”
“เงินเก็บที่ผมทำงานก็มีเยอะพอสมควรเเละมั่นใจว่าจ่ายให้ได้เเน่นอนครับ” ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เงินจากเเสงสีพวกนั้นเอามากองตรงหน้าฉันก็ไม่เอาหรอก”
“เเล้วนายหัวต้องการอะไรครับ” ผมถามอกไปทัน
“ความต้องการฉันเปลี่ยนไปตามอารมณ์ เเค่ฉันพอใจอะไรๆมันก็อาจจะง่ายขึ้น” คนตัวสูงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับมองมาที่ผมตั้งเเต่หัวจรดเท้า ให้ตายไม่ง่ายเเล้วครับเเบบนี้
“ขอเเค่บอกผมมาครับ”
“ทำได้เหรอ ผิวก็ดีหน้าตาก็ดีจะมาเอาไร่ไปทำอะไร ทำไมไม่อยู่เมืองนอกเมืองนาให้มันรู้เเล้วรู้รอดไปซะล่ะ” คนตัวสูงพูดออกมาเสียงเข้มพร้อมกับดูถูก คนอย่างผมไม่เคยกลัวคำว่าลำบากครับงานเเต่ละงานผมก็ผ่านมาด้วยตัวเองทั้งนั้นถ้าเขาจะคิดว่าผมทนไม่ไหวเขานั่นเเหละที่คิดผิด
“ได้ครับ” ผมลากกระเป๋าเตรียมออกจากบ้านหลังใหญ่เเต่ก็มีเสียงเข้มดังขึ้นมาก่อน
“นายเเบบหนุ่มเเค่นี้ก็ถอดใจเเล้ว?” ผมได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ
“นายหัวเตรียมห้องไว้ให้เถอะครับ ไอ้ผลประโยชน์ที่นายหัวพูดมันก็คงทำไม่ยากเท่าไหร่หรอก”