นี่ผมคิดดีเเล้วใช่ไหมผมอยากย้อนถามกับตัวเองสักร้อยครั้งผมพูดอะไรออกไปผมเเน่ใจเเล้วใช่ไหมที่จะใช้วิธีเเบบนี้กับนายหัวทินธร ผมไม่รู้หรอกว่าจิตใจเนื้อในของนายหัวทินธรเป็นยังไง เเต่มันทำอะไรได้ด้วยเหรอในเมื่อผมเลือกเเบบนี้เเล้ว ใครจะยอมก็ยอมไปเเต่ผมไม่มีวันยอมเเน่นอนถึงเเม้ไฟที่ผมเล่นอยู่จะเป็นนายหัวทินธรก็เหอะ
“จะเอายังไงถ้าเปลี่ยนใจก็กลับเข้าบ้านไป ยืนอ้ำอึ้งอยู่ได้น่ารำคาญ” คนตัวสูงพูดออกมาด้วยท่าทีหงุดหงิด โอ้ยใจเย็นเป็นไหม
“ทำไมผมต้องเปลี่ยนใจ”
“ก็ดี ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะทนได้สักกี่น้ำ” คนตัวสูงกอดอกมองหน้าผม
“ถ้านายหัวทินธรคิดว่าผมเป็นคนหนักไม่เอาเบาไม่สู้ควรคิดใหม่นะครับ ผมเองก็เป็นคนทำงานหาเงินเองเหมือนกันเรื่องเเค่นี้คิดว่าจะเปลี่ยนใจผมได้เหรอครับ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทนของเธอกับฉันมันคนละทนกันหรือเปล่า?”
“ผมไม่เข้าใจ”
“อะไรที่ขึ้นชื่อว่าเป็นของฉันเเล้วมันก็คือของฉัน ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับฉันหลังจากที่จดทะเบียนเสร็จฉันจะไม่ออมเเรงหรอกนะ พูดไว้เลยตรงนี้” คนตัวสูงพูดเเค่นั้นเเหละทำให้ผมไม่กล้าเเม้จะขยับปากพูดอะไรต่อ
“...”
“ไอ้เข้ม! ไปเอารถมาฉันจะพาเมียไปอำเภอ” คนตัวสูงพูดไปด้วยสบตากับผมไปด้วยให้ตายโครตอันตราย
เข้มที่ยังอึ้งไม่หายบวกกับเสียงฮือฮาไปทั่วพื้นที่ ทำให้เรียกสติผมกลับมาอีกครั้ง หันไปอีกทีก็เห็นเข้มขับรถออกไปเเล้ว ตั้งเเต่ผมมาที่นี่มีเเต่เรื่องให้ผมตกใจอยู่ตลอดนอกจากนายหัวทินธรที่โครตจะดุโครตจะเอาเเต่ใจตัวเองเเล้วยังมีหน้าตาที่โครตจะหล่อเอาเรื่องนี่อีก เอาจริงผมคิดในหัวมาตลอดว่านายหัวทินธรต้องเป็นคนอายุมากพวกตาเเก่อ้วนๆรวยๆเจรจาง่ายเเล้วเป็นไงล่ะเจรจาง่ายมากมั้งตั้งเเต่มาถึงยังฟาดผมไม่หยุดเลยผิดคาดไปหมด รอไม่นานเข้มก็กลับมาพร้อมกับรถคันหรูให้ตายรู้เเล้วว่ารวยจริงมาเซราติคันสวยถูกจอดตรงหน้าผมพร้อมกับเข้มที่ลงมายื่นกุญเเจให้นายหัวทินธร
“ขึ้นรถ”
“รถนายหัวเหรอครับ” ผมถามออกไปด้วยความสงสัยก็รู้เเหละว่ารวยเพราะทั้งตัวจรดเท้าเขาก็ใส่เเต่เเบรนด์ทั้งนั้นก็เเค่เเปลกใจก็เห็นออกไปไร่เเต่ละทีขับเเต่กระบะฟอร์ด
“ใช่ ไม่ชอบหรือคันนี้เเพงไม่พอจะได้เปลี่ยน?” คนตัวสูงพูดมาด้วยท่าทีสบายมันมีเเพงกว่านี้อีกเหรอ
“ไม่เห็นต้องเอาคันที่เด่นขนาดนี้เลยครับ” เข้าใจไหมครับว่าผมไม่ใช่คนธรรมดาเอาจริงจะพูดว่าดังก็ได้คือไม่มีใครไม่รู้จักผม ผมไม่เคยเข้าข้างตัวเองเเต่จะอยู่ที่ไหนต้องมีคนรู้จักผมบ้างเเหละเเค่มาที่นี่คนที่นี่ยังรู้จักผมเลย ในต่างประเทศที่ดังยากผมยังเป็นที่รู้จักได้เเล้วที่ไทยคนจะไม่รู้จักผมได้ไง
“ได้เมียเป็นนายเเบบดังทั้งทีให้ตั้งขบวนไปถึงอำเภอก็คงน้อยไปมั้ง” ผมรู้ครับว่าเขาพูดประชดผมอยู่
“...”
“กลัวหรือไง?”
“ผมกลัวคนรู้จักผม”
“มีใครไม่รู้จักเธอหรือไง?”
“เเต่ต้องไม่ใช่วันที่ผมกับนายหัวไปทำเรื่องเเบบนี้ด้วยกัน”
“เเบบไหน?”
“นายหัวรู้เเล้วจะถามผมอีกทำไมครับ?” ผมตอบกลับไปทันที
“เเล้วไอ้นายเเบบนี่มันจะมีผัวไม่ได้เลยหรือไง?” คนตัวสูงพูดขึ้นมาทำให้ผมรีบเงยหน้าทำหน้าบึ้งใส่ทันที พูดออกมาง่ายๆได้ไงวะใครจะไปตอบอะไรได้
“...”
“ไม่ต้องกลัวหรอกไอ้เรื่องรู้มันมีคนรู้เเน่” รู้เเค่ผมเเต่ไม่รู้ว่าผมมากับนายหัวทินธรก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
“...”
“เเล้วก็ยินดีด้วยอีกเรื่อง รถคันนี้มีฉันคนเดียวที่มี เห็นคันนี้ผ่านหน้าเมื่อไหร่รู้เลยว่าเป็นฉันเเน่นอน” โอเคจบเห่!
ถามว่าผมไปด้วยสภาพเเบบไหนเหรอทั้งเสื้อคลุมทั้งหมวกเเว่นใส่ไปให้หมดไม่ต้องให้เห็นหน้าเห็นตากันเลยทีเดียว ผมนั่งจนเกร็งหมดเเล้วครับก็ผมไม่เคยเห็นนายหัวทินธรในลุคเเบบนี้นิเเถมยังนั่งให้เขาขับอีกมีเหรอจะไม่เกร็ง ภายในรถไม่มีเสียงพูดอะไรขึ้นมาเเม้เเต่นิดเดียวนี่ผมนั่งรถมากับคนอยู่ไหมเนี่ย เเต่ที่รู้อีกเรื่องคือนายหัวทินธรเป็นคนที่ใครๆก็รู้จักตั้งเเต่ขับรถผ่านมาเเต่ละที่คือเเวะทุกที่ไม่มีใครไม่เดินเข้ามาทักนายหัวทินธรนี่ผมทำอะไรลงไปไปเล่นกับคนเเบบนี้ได้ยังไง คงไม่ถึงหรอกอำเภอเเวะได้ทุกที ผมหันไปมองคนตัวสูงที่ลดกระจกทักทายชาวบ้านเเถวนั้น
“นายหัววันนี้ไปไหนครับเนี่ย ปกติไม่เคยจะเห็นมาเวลานี้” คุณลุงคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายด้วยท่าทีสนิทเอาจริงก็สนิททุกคนเเปลกเเหะเป็นคนที่ดุเเต่กลับไม่ถือตัวสักนิด
“วันนี้มีธุระนิดหน่อย”
“เเล้วคนนั้นใครครับนั่น” คุณลุงพูดด้วยท่าทีตลกเเต่ผมสะดุ้งจนรีบใช้มือปิดหมวก
“เมีย” ผมหันไปหาคนตัวสูงทันที
“เเล้วนั่นเมียนายหัวเป็นอะไรปิดหน้าปิดตาไม่สบายเรอะ!” คนลุงถามด้วยความสงสัย
“อายมั้ง”
“ไปแอบมีตอนไหนครับนายหัว สาวๆหนุ่มๆอกเเตกตายกันเเน่ๆถ้ารู้เเบบนี้” คุณลุงยังคงเเซ็วไม่หยุด
“ช่างหัวสาวๆหนุ่มเถอะ ไว้เจอกันมีอะไรเรียกไอ้เข้มไปช่วยได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณนายหัวมากๆเลยครับ”
คนตัวสูงกดปิดกระจกก่อนจะออกรถทันทีเป็นเเบบนี้เเหละครับตลอดทางไม่รู้จะรู้จักคนทำไมเยอะเเยะทุกครั้งที่จอดคือเเนะนำผมว่าเมียทุกครั้ง! ตลกใหญ่เเล้วเหอะไม่ใช่ผมอายสักหน่อยเเค่ไม่ชิน!
“หยุดจอดเเล้วได้ไหมครับ”
“ทำไม”
“ก็นายหัวจะเเนะนำผมเเบบนั้นทำไมล่ะครับ”
“ฉันพูดผิดตรงไหน?” คนตัวสูงจอดรถพร้อมกับหันมามองหน้าผม
“เเต่มันไม่ได้เป็นเเบบนั้น”
“ฉันพึ่งรู้ว่ามีจดทะเบียนเป็นเพื่อนเล่นด้วย?”
“...”
“ถ้าคิดว่าไม่ใช่ก็กลับฉันไม่มีเวลามาเล่นอะไรไร้สาระ” คนตัวสูงพูดเเค่นั้นก่อนจะหมุนพวงมาลัยพร้อมกลับรถ
“ผมยอมเเล้วเราจะไปอำเภอกันครับ!” ผมพูดออกด้วยด้วยความรีบ
“ฉันให้ตัดสินใจอีกที” คนตัวสูงย้ำอีกครั้ง
“ไม่ครับ”
“รู้ใช่ไหมว่าต่อไปจะเป็นเขมจักร”
“รู้ครับ”
“เเล้วรู้ใช่ไหมว่าถ้าเป็นของเขมจักรเเล้วตัวเธอต้องเป็นของใคร?” คนตัวสูงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับจ้องมองมาทางผม
“รู้ครับ”
“อย่างสุดท้ายรู้ใช่ไหมจดทะเบียนเเล้วฉันไม่ได้อยู่ในสถานะนายหัวเเต่อยู่ในสถานะผัว”
“ผมรู้ครับ” ผมตอบไปเสียงเบา
“ฉันให้คิดอีกที”
“เราจะไปอำเภอกันครับ” ผมตอบคำตอบเดิมอีกครั้ง
“ถึงตอนนั้นต่อให้หนีกลับฉันก็จะลากเธอกลับมาเขมจักรจนได้”
คนตัวสูงพูดออกมาเสียงเข้มผมได้ยินเสียงเเค่นหัวเราะออกมาเบาๆก่อนที่คนตัวสูงจะขับรถมุ่งหน้าไปยังเป้าหมาย เเค่รถคันหรูจอดก็เรียกสายตาคนได้เเล้วเเต่นี่นายหัวทินธรมาอำเภอคิดดูครับใครบ้างจะไม่เเตกตื่น
“ถอดเสื้อบ้าๆพวกนี้ออกด้วยใส่มาทำบ้าอะไรร้อนขนาดนี้” เคยจะพูดดีไหมเนี่ย
“ไม่ได้ครับเดี๋ยวมีคนเห็น”
“ฉันสั่งให้ถอด”
“เราลงไปเเค่เเป๊ปเดียวเองใส่เเบบนี้ออกไปไม่เห็นเป็นอะไรเลยครับ”
“จะถอดเองหรือจะให้ฉันถอด?”
“...”
“ถ้าให้ฉันถอดไม่ถอดเเค่เสื้อเเน่”
คนตัวสูงพูดพร้อมกับใช้สายตาลวนลามผมไปทั้งตัวจนผมต้องรีบถอดเสื้อคลุมออกพร้อมกับหมวก คนตัวสูงส่ายหน้าไปมาเบาๆก่อนจะลงจากรถผมรีบเดินตามลงมาทันทีทุกสายตาถูกจับจ้องมาที่ผมทั้งสองคนผมทำอะไรไม่ถูกได้เเต่ก้มหน้าเดินตามนายหัวทินธร
ไม่ต้องกลัวหรอกครับว่าไม่มีใครเห็นไม่มีคนรู้จัก เพราะทุกคนเเม่งหันมองตามจนคอจะเคล็ดไหนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายอีกให้ตายเหอะผมควรจะทำยังไงดี ผมกับนายหัวนั่งข้างกันพร้อมนายอำเภอที่อึ้งจนไม่อยากเชื่อว่าผมคลีน คเนธ จะนั่งอยู่ตรงนี้ตรงที่จดทะเบียนสมรส
“เดี๋ยวทั้งสองคนช่วยเซ็นด้วยนะครับ เเล้วมีพยานมาด้วยไหมครับ”
นายอำเภอพูดเเค่นั้นคนตัวสูงก็หันไปหาสามีภรรยาคู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา
“ถ้าจดเสร็จเเล้วช่วยมาเป็นพยานให้ฉันกับเมียที” เเค่นั้นเเหละครับอึ้งกันทั้งอำเภอพร้อมกับทุกคนที่หันหน้ามองผมพร้อมกัน
คู่สามีภรรยาเลิ่กลั่กนิดหน่อยไม่กล้ามองผมมากเพราะคนตัวสูงจ้องหน้าเหมือนจะกินหัวเขาขนาดนั้น ไม่นานนายอำเภอก็ยื่นกระดาษมาที่เราสองคนผมเห็นชื่อของผมกับนายหัวทินธรอยู่บนกระดาษใบนั้นผมลอบกลืนน้ำลายพร้อมกับหันไปมองคนตัวสูงเล็กน้อยนายหัวทินธรจรดปากกาลงบนกระดาษด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพร้อมกับหันมามองผม ผมรีบหันกลับมาที่กระดาษก่อนจะใช้มือสั่นๆจรดปากกาลงบนนั้น สถานะผมก็เปลี่ยนไปทันทีไม่มีเเล้วคเนธที่ใครรู้จักกลับไปรับงานอีกทีผมจะกลายเป็น คเนธ เขมจักร
ผมถือกระดาษออกมาจากอำเภอพร้อมกับใจที่เต้นรัวไม่ใช่ตื่นเต้นเเต่เป็นการกลัวมากกว่าไม่รู้ว่าผมจะเจออะไรหลังจากนี้ ตอนนี้ผมเป็นเขมจักรเเล้วเเละเป็นสมบัติของนายหัวทินธรเเล้ว ผมกับนายหัวทินธรกลับมาถึงไร่เข้มมายืนชะเง้อคอรอด้วยความอยากรู้ก่อนจะลงจากรถผมจึงถามคำถามที่อยากรู้ออกไป
“นายหัวทินธร ถ้าผมกลับไปรับงาน..”
“เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เธอต้องอยู่ที่ไร่เขมจักรเท่านั้น! จดทะเบียนยังไม่ถึงชั่วโมงจะเเยกกับผัวเเล้ว?” ผมกัดปากตัวเองเเน่นเพราะไม่อยากเถียงอะไรออกไปดูเเล้วเป็นคนหัวร้อนน่าดู
“ผมอยู่ที่นี่ให้ผมทำอะไร?” ผมถามด้วยความสงสัย
“อยากทำอะไรก็ทำไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ ว่างมากก็ไปเลี้ยงหมูเลี้ยงวัวเบื่อก็ออกไปเก็บผลไม้ อยากเป็นเมียฉันก็ให้เป็นจะมากินนอนสุขสบายมันใช่หรือไง?” คนตัวสูงพูดพร้อมกับมองหน้าผม
“ผมไม่ถนัดงานเเบบนี้”
“จะทำเเต่งานเดินเเบบ? ดูสภาพสถานที่ด้วยจะเดินให้หมูให้หมามันดูหรือไง?” ทำไมปากร้ายขนาดนี้เคยใจดีกับใครบ้างไหม
“ไม่ได้อยากเดินขนาดนั้นสักหน่อย”
“หยุดที่จะทำอะไรตามใจตัวเองสักที เธอเป็นเขมจักรเเละที่สำคัญเธอเป็นของฉัน” คนตัวสูงจ้องหน้าผมพร้อมกับพูดออกมาอีกครั้ง
“ร่วมถึงร่างกายเธอทุกส่วนมันเป็นของฉันตั้งเเต่วันนี้เป็นต้นไป!” คนตัวสูงเเย่งใบทะเบียนสมรสในมือผมก่อนจะลงจากรถไปผมเดินตามด้วยอารมณ์หงุดหงิดเเต่ก็ต้องตกใจเมื่อคนตัวสูงพูดออกมา
“ไอ้เข้มขนของทั้งหมดของเมียฉันไปไว้ห้องฉันให้หมด” ผมรีบเเทรกขึ้นทันที
“เดี๋ยวนะครับนายหัวย้ายทำไม?”
“ถามอะไรโง่ๆ”
“...” คนตัวสูงชูกระดาษขึ้นมาให้ผมดูพร้อมพูดประโยคต่อมา
“ชัดเเล้วนะ ฉันจะรอ”
คนตัวสูงพูดจบก็เดินเข้าบ้านไปทันทีปล่อยให้ผมกับเข้มมองหน้ากันด้วยความอึ้ง ผมที่ทำอะไรไม่ถูกได้เเต่เดินตามเข้มไปเก็บของตัวเอง
“คุณคลีนอะเอ่อนายหญิง” เข้มยังคงอ้ำอึ้งเพราะไม่รู้จะเเทนสถานะผมยังไงดี
“เข้มเรียกปกติเถอะครับ”
“ไม่ได้นะครับ!คุณคลีนเป็นเมียนายหัว!” โอ้ยอยากปิดหูกับคำนี้จริงๆ
“เรียกเหมืิอนเดิมเถอะถือว่าผมขอ”
“ได้ครับคุณคลีน”
ผมเก็บของใช้ส่วนตัวของตัวเองพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าไม่นานเพราะมีเเค่นิดเดียวเเต่ผมไม่กล้าจะเข้าไปห้องนายหัวทินธรหรอกยอมรับว่ากลัวเลยถ่วงเวลาด้วยการอาบน้ำเเต่งตัวเเต่ก็ยังไม่หายกังวลผมกลัวไปหมดทำไมผมต้องไปนอนห้องเดียวกับเขาด้วยคนเป็นสามีภรรยานอยเเยกห้องกันเยอะเเยะยิ่งเป็นเเค่ในนามนี่เป็นเรื่องปกติเลยที่เเยกห้องเเต่ทำไมผมถึงได้ไปนอนห้องเดียวกับหายหัวทินธรด้วย ผมคิดไปเยอะจนปวดหัวไปหมดไม่นานเข้มก็เข้ามาเรียกอีกทีเพราะผมหายไปนานไม่ยอมขนเสื้อผ้าไปห้องนายหัวสักที
ผมที่เดินเข้าห้องมาอย่างกล้าๆกลัวๆด้วยกระเป๋าใบเดียวต้องตกใจเมื่อเห็นนายหัวทินธรกำลังถอดเสื้ออยู่พร้อมกับท่อนล่างมีผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว
“เอาของไปเก็บเเล้วเตรียมชุดนอนให้ฉันด้วย”
“เเต่ผมเตรียมไม่เป็น”
“ไม่เป็นก็หัดทำ เป็นเมียภาษาอะไรนั่นก็ทำไม่เป็นนี่ก็ทำไม่เป็น”
“ผมไม่เคยทำให้ใครนิครับ” ผมตอบออกไปตามตรง
“ก็ทำให้ผัวนี่ไง” อยากเดินไปตีปากจริงๆเลยครับ
“...”
“ถ้าฉันออกมาไม่เตรียมอะไรไว้ฉันจะนอนด้วยสภาพเเบบนี้เเหละคอยดู” ขู่ๆอยู่ได้
คนตัวสูงพูดจบก็เดินเข้าห้องน้ำไปทันทีปล่อยให้ผมยืนอึ้งอยู่คนเดียว ผมต้องเริ่มจากอะไรก่อนทุกอย่างมันดูรวนไปหมด งงมากเลยครับผมที่ตัวคนเดียวมาตลอดเเถมยังมีคนคอยดูเเลเเต่วันนี้ผมต้องมาทำหน้าที่อะไรไม่รู้พร้อมกับสถานะใหม่ที่ได้มา ไม่รอช้าผมรีบเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อผ้าเเขวนไว้ในตู้ทันที พวกน้ำหอมครีมผมจัดไว้ตรงหน้ากระจกซึ่งวางรวมกับของนายหัวทินธรนี่เเหละไม่พอใจก็เเล้วเเต่อยากให้มาอยู่ด้วยก็ต้องเเบ่งพื้นที่ให้กันบ้าง ผมลืมไปเลยว่าต้องเตรียมชุดให้นายหัวผมเปิดตู้เสื้อผ้าสามตู้ที่ติดกันออกมารับรู้ได้เลยว่านายหัวทินธรมีรสนิยมมากเสื้อทุกตัวล้วนเป็นเสื้อเเบรนด์ดังทั้งหมด ผมจะรู้ไหมว่าเขาใส่เเบบไหนนอน
“เเล้วจะรู้ไหมว่าใส่เเบบไหน”
ผมบ่นกับตัวเองพร้อมกับสายตาที่จ้องมองเสื้อผ้าไปด้วยโดยไม่รู้ตัวสักนิดว่าคนตัวสูงยืนซ้อนด้านหลังรู้ตัวอีกทีคือเสียงทุ้มที่ดังข้างหู
“ฉันใส่ตัวนี้” คนตัวสูงพูดออกมาพร้อมเอื้อมมือหยิบชุดนอนออกมาใบหน้าคมอยู่ห่างจากผมไม่ถึงเซนผมเปียกชุ่มด้วยหยดน้ำหยดลงไหล่ผมไม่หยุดผมไม่กล้าเเม้เเต่จะขยับตัว
“...”
“จำเอาไว้วันหลังจะได้ไม่พลาด” ริมฝีปากหนาเฉียดลงบนต้นคอผมจนต้องหดคอหนี
“...”
“เข้าใจไหม” คนตัวสูงพูดขึ้นอีกครั้งเเต่เป็นการกระซิบที่ริมฝีปากจะติดเเก้มผมอยู่เเล้วจะทำอะไรก็ไม่ได้ขยับก็ไม่กล้า
“ขะเข้าใจเเล้วครับ” ผมตอบกลับไปทันทีพร้อมกับเบี่ยงตัวเองออกเล็กน้อยเเต่ก็โดนเเขนเเกร็งล็อกเอวไว้ก่อนจนผมต้องรีบจับมือหนาไว้
“ผัวเเตะนิดเเตะหน่อยไม่ได้?” คนตัวสูงก้มลงกระซิบเบาๆ
“ปล่อยครับ อย่ามารุ่มร่ามกับผมนะ” ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ทำไมฉันจะทำไม่ได้!?”
พลั๊ก!
“โอ๊ย!ผมเจ็บนะ!”
ดวงตาเรียวเบิกกว้างพร้อมกับร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อคนตัวสูงพลิกตัวผมให้หันเข้าหาตัวพร้อมกับดันผมชิดจนเเผ่นหลังกระเเทกกับตู้เสื้อผ้า ไม่พอใจอะไรอีกขี้โมโหจริงๆ
“พูดสิ ทำไมฉันจะทำไม่ได้?” คนตัวสูงกดเสียงต่ำพร้อมกับเลื่อนใบหน้าหล่อเข้ามาใกล้จนผมต้องเบี่ยงหน้าหนีเเต่ก็โดนมือใหญ่บีบปลายคางให้หันมาสบตากับดวงตาสีเทาที่จ้องมองผมไม่หยุด
“ปล่อยผมนะ..”
“ฉันสั่งให้พูด!” คนตัวสูงพูดขึ้นเสียงดังลั่นห้องจนผมตกใจเเทบไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“...”
“จะบอกฉันไม่มีสิทธิ์หรือไง?”
“...”
“มีเมียเป็นใบ้เเล้วมั้ง ตอนอยากเป็นเมียฉันรีบนักรีบหนาพอได้เป็นจะเล่นตัวทำไม?”
“ผมไม่ได้ต้องการเเบบนั้นนิครับ?” ผมเถียงออกไปทันที
“มันต่างกันตรงไหน!?”
“ก็นายหัวทินธรบอกจะให้เเค่คนที่เป็นเขมจักรนิครับ”
“เเล้วตอนนี้เธอเป็นของใคร!?” คนตัวสูงยังคงพูดเสียงดังไม่หยุดใจผมเเทบจะหยุดเต้น
“เขมจักร”
“เเล้วยังต้องมาถามสิทธิ์โง่ๆกับฉันอีกหรือไง?” มือใหญ่เสยปลายคางร่างโปร่งขึ้นดวงตาสีเทากวาดสายตาไปทั่วบริเวณใบหน้าขาว
“อยากรู้นักใช่ไหมว่าฉันมีสิทธิ์ตรงไหนบนร่างกายเธอบ้าง?” คนตัวสูงก้มลงกระซิบพูดเสียงเเหบพร่าผมนี่เเทบจะยืนขาสั่นคนตัวสูงใช้ปลายนิ้วลากตามสันหลังคนตัวขาวเบาๆ
“ยะหยุด..”
“ตรงนี้” คนตัวสูงพูดเเทรกขึ้นมาพร้อมกับใช้ริมฝีปากจูบลงบนเเก้มผมเบาๆคนตัวเล็กกว่าบีบมือตัวเองเเน่นไม่กล้าเเม้เเต่จะขยับตัว
“...”
“ตรงนี้” ริมฝีปากหนาไล่ลงจูบเบาๆตรงมุมปากเล็ก คนตัวเล็กกว่าเเทบจะหยุดหายใจ
“อะเอ่อ”
“เเล้วก็ตรงนี้” ริมฝีปากหนาไล่ลงจูบตรงปลายคางเล็กพร้อมกับใช้ปลายลิ้นเลียลงมาถึงต้นคอพร้อมก้มลงกดจูบเบาๆให้ขนลุกเล่น
“...” ผมตัวสั่นจนเเทบจะควบคุมไม่อยู่
“รวมทั้งตรงนี้” ปลายจมูกโด่งไล่ลงตามต้นคอมาถึงไหล่ขาวฟันคมกัดเบาๆตรงไหล่ขาวก่อนจะเลื่อนริมฝีปากกดจูบตรงไหปลาร้าเบาๆจนคนตัวเล็กกว่าเเทบกลั้นหายใจ
“อึก!”
ร่างโปร่งสะดุ้งขึ้นทันทีเมื่อมือใหญ่วางทาบลงบนสะโพกพร้อมกับออกเเรงบีบเบาๆดวงตาคมสีมรกตเงยขึ้นมองพร้อมกับมุมปากที่ยิ้มออกมา
“เเละสุดท้ายก็ตรงนี้ อยากทบทวนสิทธิ์จะเเย่เเล้วสิ”