ตอนที่ 10 ข้าจะไปช่วยฝ่าบาท

1125 Words
ตลอดหลายวันมานี้ตงฟางหรงเหน็ดเหนื่อยจากการแจกจ่ายเสบียงและเยี่ยมเยือนผู้ประสบภัยไม่น้อย จนไต้ซีสาวใช้คนสนิทถึงกับเอ่ยปากขอร้องให้หยุดพักบ้าง เธอนั่งจิบชาในสวนภายในจวนรับรองโดยมีองครักษ์อวี๋อี่อารักขาอยู่เคียงข้างไม่ยอมห่างไปไหน "คิดไม่ถึงแค่งานแจกจ่ายเสบียงง่ายๆ จะทำให้หวงกุ้ยเฟยเหน็ดเหนื่อยถึงเพียงนี้" เสียงหวานผสานยาพิษของผิงเอ๋อกล่าวเย้ยหยันตงฟางหรง "ถ้ารู้ตัวว่าทำไม่ไหวก็มิควรเสียเวลามาตั้งแต่แรก" ผิงเอ๋อยังพูดประชดประชันไม่หยุดหย่อน "กุ้ยเฟยโปรดระวังคำพูดด้วยพ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์อวี๋อี่ ออกหน้าแทนตงฟางหรง "ช่างเถอะองครักษ์อวี๋ ท่านก็เห็นอยู่ว่ากุ้ยเฟยว่าง...จัด นางอยากพูดอะไรก็ปล่อยนางพูดเถอะ" ตงฟางหรงมองผิงเอ๋อด้วยหางตา "ตงฟางหรง เจ้า.." "หวงกุ้ยเฟย" "เจ้าว่าอย่างไรนะ" "เรียกข้าว่าหวงกุ้ยเฟย" ตงฟางหรงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบหากแต่ดูน่ากลัว จนกุ้ยเฟยผิงเอ๋อรู้สึกประหลาดใจ (นางเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ อย่างนั้นหรือ) กุบกับ..กุบกับ...เสียงเกือกม้าวิ่งมาหยุดตรงหน้าขัดจังหวะหญิงสาวทั้งสอง เป็นทหารส่งสารจากในค่าย ซึ่งปกติจะมาส่งสารให้ตงฟางหรงทุกวันในช่วงเย็นหากแต่วันนี้เขากลับมาช่วงเช้า "ทำไมวันนี้เจ้ามาเร็วกว่าทุกวัน" ตงฟางหรงเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ "เกิดเรื่องขึ้นกับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ" "เกิดเรื่องอะไรขึ้น" องครักษ์อวี๋อี่ถามขึ้นอย่างร้อนใจ "ทูลหวงกุ้ยเฟย เมื่อเช้ากองทัพของฝ่าบาทออกลาดตระเวนตอนนี้ถูกข้าศึกบุกล้อมพ่ะย่ะค่ะ" "เจ้าว่าอย่างไรนะ" ผิงเอ๋อที่อยู่ข้างๆ ตอนนี้ทำท่าจะเป็นลม ตงฟางหรงรีบกระโดดขึ้นบนหลังม้าพร้อมทั้งควบม้าออกจากจวนอย่างรวดเร็ว "หวงกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์อวี๋อี่ควบม้าตามหญิงสาวมาติดๆ ....... ค่ายทหารชายแดนห่าวจิง ตงฟางหรงควบม้ามาถึงค่ายทหารยังไม่ทันที่ม้าจะทันได้หยุดสนิทเธอก็กระโดดลงวิ่งเข้าไปในกระโจมที่พัก สร้างความประประหลาดใจให้กับองครักษ์ที่มองเธออยู่ไกลๆ "เกิดอะไรขึ้น" หญิงสาวท่าทางเหนื่อยล้าเอ่ยถามทหารที่ดูเหมือนจะมียศใหญ่พอตัวซึ่งกำลังทำหน้าเครียดอยู่ "เจ้าเป็นใคร" นายทหารชั้นผู้ใหญ่เอ่ยถามหญิงสาว ไม่แปลกที่เขาจะไม่รู้จักเธอเพราะทหารส่วนใหญ่ล้วนประจำการที่นี่ไม่ค่อยได้กลับวังหลวง "หวงกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ" เสียงของอวี๋อี่ ที่วิ่งตามหลังหญิงสาวเข้ามา เหล่าทหารได้ยินที่องครักษ์อวี๋อี่เรียกหญิงสาวต่างก็รีบคุกเข่าทำความเคารพ "ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะกระหม่อมมีตาหามีแววไม่" เหล่าทหารรีบคุกเข่าทำความเคารพเธอ "ช่างเถอะๆ รีบลุกขึ้น เร็วรีบบอกข้าเกิดอะไรขึ้น" ตงฟางหรงถามอย่างร้อนใจ "กองทหารของฝ่าบาทโดนบุกซุ่มโจมตีเมื่อสักครู่พ่ะย่ะค่ะ" "ทหารฝ่ายนั้นมีจำนวนเท่าไร" "ประมาณหมื่นนายพ่ะย่ะค่ะ" "แล้วของฝ่าบาทล่ะ" หญิงสาวเอ่ยถาม "เจ็ดพันนายพ่ะย่ะค่ะ แต่ถ้าขืนปล่อยไว้อีกไม่นานทัพเสริมของศัตรูก็คงมาถึงในไม่ช้าพ่ะย่ะค่ะ" "แล้วทำไมเจ้าไม่รีบไปช่วยฝ่าบาท" "ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้กระหม่อมดูแลค่ายไว้เผื่อข้าศึกบุกโจมตีพ่ะย่ะค่ะ" "ฝ่าบาทอยู่ห่างจากค่ายกี่ลี้" "ยี่สิบลี้พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กองทัพเสริมตงชินของแม่ทัพตงกำลังเดินทางมาจากลั่วยี่ห่างจากที่นี่ประมาณห้าร้อยลี้พ่ะย่ะค่ะ" "ไม่ทันการณ์ถ้าขืนรอทัพเสริมฝ่าบาทได้ตายก่อนแน่..(หญิงสาวทำท่าครุ่นคิด) ตอนนี้ท่านมีทหารอยู่เท่าไร" "ประมาณห้าพันพ่ะย่ะค่ะ" "ห้าพันถ้าเอาไปหมดคงไม่ได้ต้องเหลือไว้ที่นี่ด้วย/งั้นข้าขอทหารของท่านสองพันนาย" "หวงกุ้ยเฟยจะทำอะไรพ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์อวี๋เอ่ยถามขึ้นอย่างประหลาดใจ "ข้าจะไปช่วยฝ่าบาท" สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่หญิงสาวอย่างไม่วางตา ไม่แปลกที่ทุกคนจะมองตงฟางหรงด้วยสายตาเช่นนี้ รูปร่างท่าทางที่ดูบอบบาง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายสมกับเป็นผู้หญิงสูงศักดิ์เหมาะที่จะออกรบที่ไหน "เย็นพระทัยก่อนพ่ะย่ะค่ะ" อวี๋อี่ เอ่ยทักท้วงขึ้น "หรือเจ้าจะรอให้ฝ่าบาทเป็นอะไรไปซะก่อน" "กระหม่อมหมายถึงหวงกุ้ยเฟยไม่เคยออกรบมาก่อน ซ้ำพระวรกายก็บอบบาง กระหม่อมเกรงว่าจะเป็นอันตรายพ่ะย่ะค่ะ" "แล้วใครบอกว่าข้าไม่เคยออกรบ" หญิงสาวรำลึกถึงคราวที่ไปรบที่อิรัก "หวงกุ้ยเฟยนี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะพ่ะย่ะค่ะ" "หน้าข้าเหมือนคนล้อเล่นหรือไง" ตงฟางหรงเสียงดังมองหน้าองครักษ์อวี๋ด้วยสีหน้าจริงจัง "หวงกุ้ยเฟย" "ไปเตรียมชุดให้ข้า" สิ้นเสียงคำสั่งเด็ดขาดและดุดันองครักษ์อวี๋ได้เพียงแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น "พ่ะย่ะค่ะ" ...... หญิงสาวสูงศักดิ์สวยสง่าในชุดแม่ทัพสีดำแกมแดงด้านนอกถูกสวมทัพด้วยเสื้อเกราะสีทองอีกชั้น ตอนนี้ตงฟางหรงกำลังนั่งอยู่บนหลังม้า สองมือของหญิงสาวกำแน่นคุมบังเ**ยน เอวด้านซ้ายมีดาบที่ทำจากเหล็กเนื้อดีเหน็บอยู่ เอวด้านขวาเป็นมีดสั้น บนหลังของหญิงสาวถูกยึดพื้นที่โดยคันธนูและกระบอกสำหรับใส่ลูกธนู ฝั่งขวาคือองครักษ์รู้ใจ ฝั่งซ้ายคือนายกองที่เพิ่งรู้จัก เบื้องหลังคือเหล่าทหารม้าและทหารราบชั้นดี "เคลื่อนทัพได้" สิ้นเสียงสั่งการของตงฟางหรงเสียงตีกลองดังกึกก้อง เหล่าทหารหาญเคลื่อนพลน่าเกรงขาม ........................... "ฝ่าบาททรงเป็นเช่นไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ" เสียงอู่ติ่งเอ่ยถามฮ่องเต้ที่ตอนนี้มือจับดาบมั่น หันหลังชนกัน แม้วางแผนมาดีแล้วแต่ก็ต้องมาเสียท่าเพราะฝ่ายตรงข้ามที่มีจำนวนมากกว่า ตอนนี้ฝ่ายข้าศึกบุกล้อมกองทัพหลวงไว้ได้เกือบหมด สถานการณ์ตอนนี้คงทำได้เพียงยื้อเวลารอทัพเสริมมาช่วยเท่านั้น เสียงกีบม้าปะทะพื้นดินดังกรุบกรับสนั่นหวั่นไหวฝุ่นควันฟุ้งกระจายเป็นวงกว้าง จวินเฟยหลงมองเห็นธงทัพหลวงปลิวไสวอยู่ไม่ไกล กำลังเสริมกำลังเคลื่อนพลมาช่วยแล้ว ด้านหน้าเป็นทหารม้ากว่าห้าร้อยนาย หากแต่ใยผู้นำทัพถึงได้คุ้นตามนัก จวินเฟยหลงแกว่งดาบฆ่าศัตรูสายตาเพ่งพินิจผู้นำทัพ เมื่อภาพที่เห็นชัดเจนขึ้นเขาก็ต้องตกใจ "ตงฟางหรง"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD