1 เหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อน

1738 Words
๑ เหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อน ควันสีเทาถูกปล่อยให้ลอยขึ้นเหนือมวลอากาศ กลิ่นของมันฉุนจัดพอๆ กับอารมณ์ของคนที่ปล่อยควันออกมาในเวลานี้ ตรงกันข้ามกับสีหน้าเรียบเฉยเสียจนคนมองไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดเช่นไรกับเรื่องที่รับรู้... อธิคมน์ หลุบสายตามองที่เขี่ยบุหรี่ เขาจ้องมันอยู่อึดใจแล้วกดบุหรี่ขยี้ลงไปในแก้วทรงเตี้ย เจ้าของนัยน์ตากลมโตไหววูบเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองคนตัวผอมบางที่หาญกล้าถือจดหมายเดินเข้ามาในถิ่นของเขาอย่างอุกอาจทั้งที่ไม่มีอะไรมาต่อกรเลยสักนิดแบบนี้ “เธอเป็นอะไรกับคนพวกนี้” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง เพราะจดหมายระบุว่าสาวน้อยหน้าตาซีดเซียวในกรอบผมสั้นปรกไหล่ไม่ได้เป็นเพียง ‘เด็กถือจดหมาย’ อย่างที่เขาคิดไว้แต่แรก ทว่าหล่อนเป็นมากกว่านั้น ‘เด็กถือจดหมาย’ ที่หลุบตาอยู่นานแล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของคำถาม ดวงตากลมโตไหวไปมาฉายแววขลาดกลัว สาวน้อยยอมรับว่ากลัวเขาและพรรคพวกที่เอาแต่นั่งจ้องมองมาราวกับมองของแปลก ซ้ำหน้าตาแต่ละคนยังดูโหดร้าย ไว้หนวดไว้เครารกรุงรัง บ้างก็ถมึงทึง โดยเฉพาะคนที่หล่อนดั้นด้นมาหาเขาดูน่ากลัวมากที่สุด “นะ...หนูเป็นเด็กในบ้านค่ะ เป็นหลานห่างๆ” ตอบเขาไปแล้วก็ใจเต้นรัว เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดเช่นไร เขาจะเชื่อหรือไม่... อธิคมน์หรี่ตามองสาวน้อยผอมบางตรงหน้า ก่อนจะกวาดตามองอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่ชั่วครู่ “พวกเขารู้ใช่ไหม ว่าคนที่ฉันต้องการคือลูกสาวของพวกเขา ไม่ใช่หลานสาวห่างๆ อย่างเธอ” เขาใช้น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยถามก็จริง แต่กระแสเสียงกลับกดดันจนสาวน้อยใจสั่นด้วยความหวาดหวั่นกริ่งเกรง “ระ...รู้ค่ะ” คำตอบของคนตัวบางทำให้คิ้วหนาเข้มที่พาดเหนือลูกตาคมใหญ่ยกสูง นัยน์ตาคมกริบราวน้ำนิ่งไหลลึกมืดครึ้มยิ่งกว่าความมืดใดที่สาวน้อยเคยพบเจอ “ทั้งที่รู้...แต่ก็ยังส่งเธอมา” คนน่ากลัวยกยิ้มมุมปาก ทว่าเป็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมราวจะปลิดชีพคนทุกคนด้วยยิ้มนั้นเพียงยิ้มเดียว! “สงสัยอยากลองของ” เขาหันไปยังพรรคพวก มุมปากข้างนั้นยังยกยิ้ม แต่แววตาฆ่าคนตายไปแล้วสักครึ่งโหล ส่วนพรรคพวกทำท่าเตรียมพร้อมกระเหี้ยนกระหือรือ ทั้งยังสาดสายตามายังหล่อน ส่งสัญญาณพร้อมฉีกทึ้งร่างผอมบางออกเป็นเสี่ยงๆ เพียงแค่เขาเอ่ยปาก... “เอ่อ คะ...คือ คุณลุงท่าน เอ่อ” อธิคมน์ยกมือขึ้นทำท่าให้หล่อนหยุดพูด แล้วหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาสไลด์ดูอะไรบางอย่างที่หล่อนไม่อาจรู้ได้ ขณะเดียวกันลูกน้องของเขายังคงนั่งจ้องมองราวกับกลัวว่าหากกะพริบตาเพียงครั้งหล่อนจะหายวับไปจากตรงนั้น สาวน้อยจึงได้แต่นั่งเกร็ง ใจเต้นรัว มือไม้เย็นเยียบ หน้าตาก็คงจะซีดเซียวดูไม่จืดเลยกระมัง เจ้าของดวงตากลมโตที่เหลือบตามองคนน่ากลัวหลบตาวูบเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นจากสมาร์ตโฟน “เธออายุเท่าไร” สาวน้อยงุนงงเล็กน้อย แต่ก็รีบตอบไปเพราะกลัวว่าขืนชักช้าทำเขาโกรธ หล่อนคงไม่มีคอกลับไปบ้านด้วยแน่งานนี้ “ยะ..ยี่สิบค่ะ” ตอบเขาแล้วก็ก้มหน้างุด อธิคมน์หรี่ตาแคบ เช่นเดียวกับพรรคพวกของเขาที่พร้อมใจกันหันมามองเจ้านายพรึบเลยทีเดียว เป็นอันรู้กันว่าเจ้านายของพวกเขาไม่ชอบสาวน้อยแบบนี้ หากจะมีเมียทั้งทีอธิคมน์ชอบแบบเต็มไม้เต็มมือ อย่าว่าแต่เมียเลย ต่อให้เป็นแค่คู่นอนชั่วคราว เขาก็ชอบแบบอวบอัด รู้งาน ไม่ต้องมาเสียเวลาสอนให้หงุดหงิด สรุปคือเขาชอบผู้หญิงเป็นงานมากกว่าจะต้องมาสอนกันทีหลัง เพราะหากเป็นแบบนั้นคงทำให้อธิคมน์หมดอารมณ์ไปเสียก่อน แต่ทำไมสายตาของเจ้านายถึงยังคงนิ่ง ทั้งยังมองสาวน้อยราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างอย่างลึกซึ้ง พรรคพวกหันกลับมามองสาวน้อยอีกครั้ง มองตั้งแต่หัวจรดเท้า และไล่ขึ้นตั้งแต่ปลายเท้าจรดหัว มองเท่าไรก็ไม่เห็นความอวบอัดชวนซี้ด หล่อนบอกพวกเขาว่าอายุยี่สิบ แต่ดูแล้วน่าจะราวๆ สิบสี่สิบห้า สงสัยนมเพิ่งตั้งพานด้วยซ้ำไปกระมัง สายตาของพรรคพวกที่มองไปยังสาวน้อยมีทั้งดูแคลน เอือมระอา และโลมเลีย อธิคมน์ก็ว่าจะไม่คิดอะไร แต่พอเห็นแววตาสุดท้ายนี่แหละเขาก็ถึงกับตวัดสายตาคมปลาบมองไปยังลูกน้องคนนั้นของตนเอง อีกฝ่ายยังไม่รู้ตัว จนเมื่อถูกเพื่อนศอกเข้าเต็มเปาแล้วพยักพเยิด จากสายตาโลมเลียล้อเลียนราวหมาหยอกไก่จึงหายวับเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเอาจริงเอาจังในชั่วพริบตา ดวงตาคมของอธิคมน์ตวัดกลับมาพร้อมกับถอนหายใจยาวช้าๆ “เธอรู้ไหม ว่าในจดหมายเขียนว่าอะไรบ้าง” สาวน้อยมองกลับไปยังคนถามด้วยความหวาดหวั่น กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะส่ายหน้าอย่างซื่อๆ เจ้าของอาณาจักรแห่งนี้มองสาวน้อยร่างบางแล้วถอนหายใจอีกครา จะเสียตัวอยู่รอมร่อยังไม่รู้เรื่องรู้ราว เลิกกินนมแม่หรือยังก็ไม่รู้ ยังมาทำตาบ้องแบ๊วใส่เขาอีก “กลับไปซะ” สาวน้อยหน้าซีด พลันประโยคสุดท้ายของคุณภิญโญ ผู้เป็นลุงห่างๆ ของหล่อนที่กำชับเอาไว้อย่างชัดเจนก่อนมาก็ดังขึ้นในความคิด ‘ต้องถือจดหมายฉบับนี้ไปให้นายอธิคมน์กับมือ มัน แล้วอยู่ที่นั่นจนกว่าลุงจะไปรับ อย่ากลับมาก่อนเด็ดขาด เข้าใจไหม’ ดวงตากลมโตไหววูบ ไม่รู้ต้องทำอย่างไรต่อไป “แต่ว่า...” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ดูเหมือนสาวน้อยจะมีบางอย่างบอกกับเขา แต่เจ้าหล่อนก็เอาแต่อ้ำๆ อึ้งๆ จนเขาเริ่มหงุดหงิด “พูดมา” เขาทำเสียงขรึม แต่สีหน้าขรึมยิ่งกว่า หลายเท่า ทำเอาสาวน้อยอกสั่นขวัญหาย “คุณลุงบอกว่าจะมารับหนู เอ่อ ให้รออยู่นี่ก่อน” คำตอบของสาวน้อยทำให้ดวงตาคมใหญ่ของ อธิคมน์หรี่แคบ ในขณะที่พรรคพวกตัวแสบบางคนผิวปากหวือ จากนั้นแววตาของพี่ใหญ่ก็ค่อยๆ เรียบสนิท แต่ติดเย็นชาจนคนถูกมองอุปาทานไปว่ารู้สึกหนาวจนขนลุก “ให้โอกาสตอบใหม่ เธออายุเท่าไร” คราวนี้คนผอมบางตรงหน้าคล้ายจะหงอลงอีกนิด หน้าตาซีดเซียวจนใครบางคนในนั้นกลัวว่าจะเป็นลมล้มฟุบลงไปเสียก่อน “ยะ...ยี่สิบ” เจ้าของดวงตาคมกริบหรี่ตาลง ทว่าประกายไฟที่แลบออกมากำลังแผดเผาหัวใจของสาวน้อยให้ลุกไหม้เป็นผุยผง “แน่ใจ?” เขาหยั่งลึกลงไปในดวงตากลมโตที่วอกแวกหวาดหวั่น “ก็ได้ ยี่สิบก็ยี่สิบ” สาวน้อยกุมมือชื้นเหงื่อแน่น ใบหน้าเรียวก้มงุด กึก! เสียงวางแก้วน้ำกระทบโต๊ะของใครคนหนึ่ง ทำเอาร่างบางสะดุ้งเฮือก หัวใจหล่นวูบ หน้าแตกตื่นด้วยความหวาดกลัวสุดขีดพร้อมเสียงหัวเราะจากคนเหล่านั้น พวกเขาสนุกที่ได้แกล้งหล่อนเล็กน้อย สาวน้อยหลบตาพลางครุ่นคิดถึงสิ่งที่ลุงกำชับ ถ้ามันถามว่าเธออายุเท่าไร บอกมันไปว่ายี่สิบ ห้ามบอกอายุจริงเด็ดขาด นั่นคือสิ่งที่ภิญโญกำชับนักกำชับหนาก่อนให้คนพามาส่งและทิ้งหล่อนเอาไว้ที่นี่ ตอนนั้นยังไม่เข้าใจว่าทำไมลุงจึงต้องให้หล่อนโกหก แต่หล่อนเคยได้ยินคุณลุงและคุณป้ากล่าวถึง อธิคมน์ในแง่ที่ไม่ดีนัก เช่น เขาเป็นพวกนิยมความรุนแรง ผู้หญิงของเขาแต่ละคนล้วนถูกฝึกฝนเรื่องบนเตียงมาเป็นอย่างดีเยี่ยม ทว่าต่อให้เขานิยมความรุนแรงแค่ไหน ผู้หญิงพวกนั้นกลับไม่มีใครอยากจะไปจากเขาเลยสักคน ท่าทางของหล่อนคงตลก เพราะทำให้พรรคพวกของเขาบางคนถึงกับหัวเราะออกมา ขณะเดียวกัน อธิคมน์จ้องหล่อนด้วยแววตาเรียบนิ่ง ยากจะหยั่งให้ลึกถึงความคิด อย่าว่าแต่หยั่งให้ถึงเลย แค่มองผ่านๆ หล่อนก็แทบจะเป็นลมอยู่รอมร่อ... “นอกจากมาส่งจดหมายแล้ว รู้ไหม ว่าพวกนั้นส่งเธอมาทำไมอีก” สาวน้อยนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง แล้วส่ายหน้าช้าๆ “ก็ แค่ส่งจดหมาย” ตอบด้วยความสัตย์จริง แต่เมื่อสบนัยน์ตาเข้มจัด หัวใจของสาวน้อยพานเต้นรัว เกิดลางสังหรณ์บางอย่างขึ้น “พวกนั้นส่งเธอมาเป็นผู้หญิงของฉัน แทนพี่สาวของเธอ” คำตอบของเขาทำเอาสาวน้อยหน้าซีดตัวชา ไม่! ไม่จริง หล่อนไม่เชื่อ “คุณโกหก” น้ำเสียงหวานแผ่วพร่า ร่างเล็กเริ่มกระสับกระส่าย สายตากวาดมองไปยังคนอื่นๆ ที่บ้างก็กอดอกนิ่ง เอนหลังอิงพนัก บ้างก็สูบบุหรี่ บ้างก็ยิ้มเยาะ ยิ่งเห็นคนเหล่านี้ ก็ยิ่งเกิดความหวาดกลัวขึ้นสุดหัวใจ “จะโกหกให้ได้อะไร” พูดจบเขาก็โยนจดหมายฉบับนั้นลงบนโต๊ะ แล้วพยักหน้า “อ่านซะ” สาวน้อยหลุบตามองอยู่อึดใจ ค่อยๆ เอื้อมมือสั่นเทาไปหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน ขณะนั้นหล่อนยังภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาพูด ‘สวัสดี ก่อนอื่นต้องขอโทษที่ไม่ได้ทำตามข้อตกลงของนาย เพราะฉันคงส่งลูกสาวคนเดียวไปให้นายไม่ได้หรอก กรธิดามีคู่หมั้นแล้วและกำลังจะแต่งงานกัน แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็มีตัวแทนของลูกสาวส่งไปให้ เธออาจจะยังเด็กไปสักหน่อย แต่ฉันรับรองว่าบริสุทธิ์ผุดผ่อง สะอาดสะอ้านไร้ราคี นายคงรู้ว่าต้องทำยังไง เลี้ยงดูดีๆ อีกหน่อยก็ใช้งานได้เต็มที่ หวังว่านายจะพอใจกับสิ่งที่ฉันมอบให้นาย และคงจะลบล้างหนี้สินที่ติดค้างกันเอาไว้ทั้งหมดได้ ลงชื่อ ภิญโญ’ เมื่ออ่านจบ จดหมายฉบับนั้นก็หลุดมือจากสาวน้อย น้ำตาเอ่อคลอจับขอบตา คุณลุง คุณป้า ทำกับหล่อนได้อย่างไรกัน! “หนู... หนูไม่ยอม!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD