5 ของหวง

3772 Words
๕ ของหวง “โธ่เอ๊ย!!” เสียงสบถของคุณนายสุดาทำให้กรธิดาที่กำลังก้าวเข้ามาภายในบ้านชะลอฝีเท้าลง “มีอะไรเหรอคุณ” ผู้เป็นสามีเอ่ยถามด้วยสีหน้าร้อนใจ “ก็นังหลานสาวของคุณพี่ยังไงล่ะ มันเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ไปแล้ว ฉันกดจนมือแทบหงิกก็ไม่มีใครรับสาย หน็อย! มันคิดว่าจะหนีพวกเราพ้นรึ” คุณนายสุดาตวัดสายตามองค้อนสามี ฝ่ายนั้นถอนหายใจเฮือกก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเมื่อลูกสาวก้าวเข้ามา “ยัยหนู” สองสามีภรรยาเอ่ยออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน กรธิดายิ้มไม่เต็มหน้านัก เพราะท่าทางดีอกดีใจแบบนี้เห็นทีคงจะหนีไม่พ้นเรื่องเงินๆ ทองๆ อีกแน่นอน “คุณพ่อคุณแม่เรียกหนูมาทำไมคะ” คำถามของลูกสาวทำเอารอยยิ้มของคนทั้งสองจางลงแทบจะทันที “ทำไมถามแบบนั้น พ่อแม่อยากเจอลูกเพราะคิดถึงไม่ได้งั้นเหรอ” คุณนายสุดาเอ่ยตัดพ้อบุตรสาวเบาๆ ทำให้กรธิดาถอนหายใจยาวพร้อมกับก้าวเข้าไปนั่งข้างมารดา “ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย แล้วนี่กำลังคุยอะไรกันอยู่หรือคะ ตอนเข้ามาหนูได้ยินคุณแม่พูดถึงกั้ง” กรธิดาไม่เคยลืมว่าพ่อกับแม่ส่งเด็กสาวคนนั้นไปขัดดอกกับเจ้าหนี้คนหนึ่งแทนตัวหล่อน ก็นึกสงสารอยู่เหมือนกัน แต่เป็นคนอื่นยังไงก็ต้องดีกว่าเป็นหล่อนอยู่แล้ว จึงไม่ได้ทักท้วง คำถามจากลูกสาวทำให้คุณนายสุดาถอนหายใจพรืด “ที่แม่เรียกแกมาก็เพราะเรื่องนี้นี่แหละ” คนเป็นลูกเริ่มมองบิดาและมารดาด้วยสายตาเคลือบแคลงใจ “ทำไมเหรอคะ เกิดอะไรขึ้นกับกั้ง” คนเป็นแม่ถอนหายใจทิ้งขว้างอีกครั้ง “จะเกิดอะไร ตอนนี้มันอยู่ดีกินดีเสียยิ่งกว่าพวกเราอีกรู้ไหม ทุกวันนี้มันจะไปไหนมาไหนมีคนขับรถรับส่ง มีคนเดินตามถือของให้ มิหนำซ้ำยังถูกเลี้ยงเอาไว้บนหอคอยงาช้างหลักร้อยล้านเลยนะลูก” “ร้อยล้าน...” กรธิดาครางออกมาเบาๆ นัยน์ตาคู่งามสบตาบิดาและมารดาอย่างไม่อยากเชื่อ “จะเป็นไปได้ยังไงคะ ก็ไหนคุณแม่บอกว่าถ้าไปอยู่กับนายอธิคมน์อะไรนั่นมีแต่จะโชคร้าย ดีไม่ดีถูกส่งต่อให้ลูกน้องอีกยังไงล่ะคะ แล้วไหงเป็นแบบนี้ไปได้ หนูไม่เข้าใจ” กรธิดาไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่ากาลจะกลับตาลปัตรแบบนี้ สำหรับหล่อนในตอนนี้อย่าว่าแต่ร้อยล้านเลย เงินล้านยังยากยิ่งที่จะได้จับ สามีนักธุรกิจกำลังขาดทุนย่อยยับกับธุรกิจใหม่ มิหนำซ้ำยามนี้ยังถูกหมายเรียกตัวมาถึงบ้านด้วยคดีจ่ายเช็คเด้งหลายใบ หล่อนเองจะกินจะใช้อะไรก็ต้องประหยัดรัดเข็มขัดสุดๆ จนเวลานี้ก็กำลังจะอดรนทนใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้วเช่นกัน เวลาเดียวกันอธิคมน์มองสมาร์ตโฟนที่เขากดปิดเครื่องด้วยแววตาเย็นชา แล้วเหลือบตามองคนในอ้อมแขนของตนด้วยความรู้สึกอ่อนโยนจนเขายังนึกแปลกใจตัวเอง ว่าเหตุใดจึงเอ็นดูหล่อนนัก มีสายเรียกเข้ามาในเครื่องของกังสดาลนับสิบสาย ล้วนเป็นเบอร์ของคุณนายสุดาทั้งสิ้น แต่หญิงสาวยังคงหลับสนิทชนิดไม่รู้เรื่องรู้ราว เพราะถูกเขากล่อมเสียหลายต่อหลายครั้ง “กูมีเรื่องให้มึงทำ” ชายหนุ่มกรอกเสียงลงไปในสมาร์ตโฟนของตัวเอง “ครับเฮีย” เสียงของนพขานรับทันที “ไปสืบข่าวบ้านภิญโญกับเมียมันว่าตอนนี้กำลังคิดจะทำอะไรกัน แล้วจัดการยกเลิกเบอร์เดิมพร้อมกับเปลี่ยนเบอร์ใหม่ให้คุณกั้งด้วย กูไม่อยากให้คนพวกนั้นโทร.มารบกวนเธออีก” “ได้ครับเฮีย ไม่เกินชั่วโมงครับ” นพรับคำหนักแน่น เพราะคำสั่งของเจ้านายถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบจัดการ อธิคมน์วางสายแล้วไล้ปลายนิ้วลงเกลี่ยเส้นผมที่ระใบหน้างามแผ่วเบา พลางหลุบตามองเวลา เกือบเที่ยงแล้วอีกสักพักใหญ่อาหารคงมา เวลาที่เหลือคิดว่าน่าจะได้อีกสักรอบ แต่ก่อนที่เขาจะปลุกหล่อนขึ้นมาฝากรักอีกหน ชายหนุ่มตัดสินใจโอนเงินเข้าบัญชีของกังสดาลโดยที่เจ้าตัวยังนอนอุตุไม่รับรู้แม้สักนิดว่ามีเงินไหลเข้าบัญชีถึงสิบล้านบาท... หลายวันก่อนเขามอบตัวเองให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่หล่อน มาวันนี้เขามอบเงินสดเพื่อให้หล่อนจับจ่ายใช้สอยตามความพอใจ เพราะตั้งแต่หล่อนได้รับข้อความจากเพื่อนเขาก็สังเกตเห็นว่ากังสดาลเอาแต่คิดถึงเรื่องออกไปหางานทำ เขาว่ามันก็ดี แต่ถ้าทำแบบนั้นแปลว่าหล่อนจะต้องอยู่ห่างกายเขาน่ะสิ อันนี้ชักเริ่มไม่ดีแล้ว ยิ่งมีนิสัยใจคอน่ารัก ซ้ำหน้าตายังจิ้มลิ้มพริ้มเพราแบบนี้ มีหรือจะไม่เป็นที่ต้องตาต้องใจผู้ชายคนไหน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เขารับไม่ได้เลยจริงๆ “อยู่กับฉัน ทำงานให้ฉัน แล้วฉันจะดูแลเธอเอง” เสียงกระซิบ สัมผัสที่ละไล้ลงมาบนนวลแก้ม ซอกคอ ปลุกคนที่สิ้นเรี่ยวแรงและเพิ่งจะหลับไปได้ไม่นานกระพือเปลือกตาเปิด ทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร ดวงตาคู่หวานก็ปิดลงอีกครั้งเมื่อรับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่สอดลึกเข้ามาในร่างพร้อมกับอาการขยับเขยื้อน ริมฝีปากเต็มอิ่มจึงขบเม้ม คิ้วเรียวขมวดมุ่น ลำแขนกลมกลึงยกขึ้นโอบกอดเขาเอาไว้แน่น ตรงกันข้ามกับท่อนขาเรียวยาวที่ค่อยๆ แยกออกจากกันอย่างสับสน จากนั้นเสียงหวานก็ครางสะอื้นออกมาเมื่อจังหวะสอดประสานเร่งกระชั้นแข่งกับจังหวะของหัวใจ ในขณะที่อธิคมน์มอบความสุขให้กับแม่สาวที่เขาตัดสินใจเลี้ยงต้อยเอาไว้อย่างดีเมื่อสี่ปีก่อน ด้านครอบครัวของนายภิญโญกลับพบแต่ความยุ่งยากใจนับแต่นั้นมาจนถึงบัดนี้และยังไม่มีแววจบสิ้น แต่ก็ยังไม่สำเหนียกว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ความเห็นแก่ตัวทำให้คิดถึงเพียงผลประโยชน์ที่จะได้รับ ไม่เคยคิดถึงผลเสียที่จะตามมา และตอนนี้ก็กำลังคิดเพียงว่าต้องทำอย่างไรจึงจะหาทางเข้าถึงตัวอธิคมน์ได้อีกครั้ง... คุณภิญโญมองภรรยาที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดคล้ายคนที่เต็มไปด้วยความคิดอันซับซ้อน ก่อนหันมายังลูกสาวที่มีสีหน้าหมกมุ่นครุ่นคิดแทบไม่ต่างกัน “มีอะไรหรือเปล่าลูก” คุณภิญโญขมวดคิ้วเมื่อลูกสาวมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ กรธิดาเงยหน้าขึ้นมองบิดามารดาแล้วถอนหายใจยาว “คิดถึงตัวเอง แล้วก็คิดถึงกั้งค่ะ” หล่อนตอบพลางสบตาพ่อพร้อมรอยยิ้มเหนื่อยใจ “สรุปคือ กลายเป็นว่านายคนนั้นดูแลกั้งเป็นอย่างดีใช่ไหมคะ” คนเป็นแม่ยกมือขึ้นมากอดอก หน้าตาบอกบุญไม่รับ ไม่เคยนึกยินดีกับใคร มีแต่จะซ้ำเติมเมื่อใครสักคนล้มลงและมอบเพียงความอิจฉาริษยาเกลียดชังเมื่อคนคนนั้นได้ดี “จะว่างั้นก็ได้ แม่พยายามติดต่อไปหานังกั้ง แต่มันคงเปลี่ยนเบอร์ไปแล้ว” หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อมารดาเอ่ยออกมาเช่นนั้น “ติดต่อไปทำไมคะ” คนเป็นพ่อสบตาลูกสาววูบหนึ่ง “เราอยากให้กั้งช่วยพวกเราอีกสักครั้ง” คราวนี้คนเป็นลูกใจหวั่นไหว ทำไมจะไม่รู้ว่าบิดาและมารดากำลังถังแตก ที่ตนมาเยี่ยมน้อยครั้งเป็นเพราะไม่ต้องการรับฟังเรื่องเงินๆ ทองๆ ให้รกหูอีก เพราะลำพังเรื่องภายในครอบครัวก็แทบจะเอาตัวกันไม่รอดอยู่แล้ว “เรื่องอะไรคะ” สองสามีภรรยาสบตากัน แล้วหันไปมองลูกสาว “ก็เรื่องบ้านนี้ยังไงล่ะ มันกำลังจะถูกยึด!” กรธิดานิ่งเงียบ ผ่อนลมหายใจหนักหน่วง เพราะหล่อนช่วยไม่ได้... “คุณแม่คะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ปล่อยให้เขายึดไปไม่ดีกว่าหรือคะ อีกอย่างบ้านหลังนี้ก็ใหญ่โตเกินกว่าจะดูแล ตอนนี้หนูเองก็ไม่ได้มีเงินมากมายที่จะส่งมาช่วยคุณพ่อกับคุณแม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทางที่ดีที่สุดประกาศขายค่ะ อย่างน้อยเงินที่เหลือจากใช้หนี้ก็ยังเอาไปซื้อบ้านหลังเล็กๆ อยู่และยังมีเงินเก็บอีกสักก้อน” ทันทีที่ได้ยินลูกสาวกล่าวเช่นนั้น คุณนายสุดาก็นัยน์ตาลุกวาบด้วยความโกรธจัด “แกจะบ้าเหรอ! แกพูดออกมาได้ยังไง นี่มันมรดกตกทอดนะ บ้านนี้ราคาไม่ใช่ล้านสองล้าน แต่หลายสิบล้าน จู่ๆ จะให้ฉันยอมถูกยึดหรือว่าขายได้ยังไง แล้วถ้าขาย ยังไงก็ต้องถูกกดราคา ฉันไม่ยอมถูกยึดและก็จะไม่ขายเด็ดขาด!!” คนเป็นลูกสาวหน้าแดงก่ำเมื่อถูกมารดาตะคอกด้วยความกราดเกรี้ยว ส่วนคนเป็นพ่อได้แต่ถอนหายใจหนักหน่วงตามเคย “ก็แล้วใครใช้ให้คุณแม่เอาบ้านหลังนี้ไปจำนองในบ่อนล่ะคะ รู้ทั้งรู้ว่ามีสิทธิ์ถูกโกง แต่ก็ยังทำ!!” “นังก้อย!!” คุณนายสุดาผุดลุกพรวดพราด กำมือแน่นทั้งสองข้างเกือบพลั้งฟาดลงบนใบหน้าบุตรสาวแต่ยับยั้งเอาไว้ทัน ตอนนี้จึงหายใจหอบถี่ด้วยความโกรธจนหน้าดำหน้าแดง ส่วนคนเป็นพ่อต้องรีบลุกขึ้นไปจับภรรยาเอาไว้ พร้อมกับยกมืออีกข้างทำท่าปางห้ามญาติมาทางลูกสาว “แกเงียบก่อนยัยก้อย” กรธิดาเม้มปากแน่น ส่วนคนเป็นแม่มองลูกสาวตาขวาง ทั้งโกรธและผิดหวังที่ลูกสาวไม่ได้ดั่งใจตนเองเลยสักนิด ก่อนจะหันมาปัดมือของสามีออกแล้วทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาตามเดิม เงียบกันไปพักใหญ่คุณนายจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนลงว่า “ตอนนี้แกกับผัวของแกเป็นยังไงบ้าง สบายดีกันอยู่หรือเปล่า” เมื่อถูกถามออกมาเช่นนั้นหญิงสาวก็เริ่มมองมารดาด้วยสายตาหวาดระแวงอีกครั้ง “แกไม่ต้องมามองฉันแบบนั้น ฉันไม่ได้คิดอยากจะให้แกมาช่วยเหลืออะไรฉันหรอก เพราะฉันรู้ดีว่าผัวแกมันกำลังถังแตก เผลอๆ จะยิ่งกว่าฉันเสียอีก!” คนเป็นลูกหน้าม้าน รู้สึกอับอายเมื่อถูกมารดามองมาด้วยสายตาหมิ่นแคลน “ก็ตามอัตภาพค่ะ” คนเป็นแม่ยิ้มเยาะ “ฮึ! แล้วแกยังจะทนอยู่กับมันต่อไปทำไม ตอนสมัยยังมีกินมีใช้ กับฉันกับพ่อของแกมันแทบมองไม่เห็นหัว ตอนนี้ตกอับต๊อกต๋อยหนีหัวซุกหัวซุนไม่ใช่เหรอ” “คุณแม่... ทำไมต้องพูดจาแดกดันซ้ำเติมกันด้วยคะ ถึงคุณภีมจะลำบากในช่วงนี้ แต่อย่างน้อยเขาก็ดิ้นรนสู้จนถึงที่สุด และถ้าจะล้มพังครืนลงมา อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ล่มจมเพราะการพนันนะคะ” “ยัยก้อย!!” คราวนี้คนเป็นพ่อที่แทบไม่เคยเอ็ดลูกสาวตวาดลั่นเพราะรู้สึกเหมือนถูกด่าออกมาตรงๆ กรธิดาเม้มปากแน่น นัยน์ตาหลุบลงอย่างขุ่นเคือง ก็ถ้าไม่ใช่เพราะบิดามารดาของหล่อนถูกผีการพนันเข้าสิง เรื่องเหล่านี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น รวมทั้งเรื่องส่งตัวกังสดาลไปให้อธิคมน์เมื่อสี่ปีก่อนด้วย “แกไปหย่ากับผัวแกซะ แล้วกลับมาอยู่บ้านเรา” คุณนายสุดากล่าวขึ้นเมื่ออารมณ์สงบลง “ทำไมหนูต้องทำแบบนั้นด้วย” กรธิดาสบตามารดาด้วยสายตาเป็นคำถาม สำหรับหล่อนเองแม้จะไม่ได้รักภีมพลตั้งแต่แรก แต่ตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ใช้ชีวิตร่วมกัน เขาดูแลหล่อนเป็นอย่างดี ความผูกพันย่อมเพิ่มขึ้นตามลำดับ แม้เวลานี้จะค่อนข้างลำบากแต่หล่อนก็ยังไม่คิดจะหย่าจากเขา “คุณแม่จะให้หนูทิ้งคุณภีมในตอนที่เขากำลังแย่อย่างนี้เหรอคะ อย่าลืมนะคะว่าเขาเคยช่วยเหลือพวกเราเอาไว้มาก” “แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว หรือว่าแกอยากโดนหางเลขไปกับผัวแกด้วย เกิดเจ้าหนี้มันตามมาฆ่าพวกแกทั้งผัวทั้งเมียจะว่ายังไงฮ้า! คิดสิ มีสมองก็หัดคิดเสียบ้าง!” คนเป็นลูกชะงักงันเริ่มคิดตามที่มารดากล่าว จริงอย่างท่านว่า เมื่อหลายวันก่อนมีบุคคลท่าทางแปลกๆ มาถามหาสามีของหล่อนถึงหน้าบ้าน แต่ละคนรูปร่างหน้าตาน่ากลัว แต่หล่อนบอกให้คนใช้โกหกไปว่าสามีไม่อยู่บ้าน พวกนั้นจึงยอมกลับไป ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะเป็นอะไรบ้าง ท่าทางครุ่นคิดหนักหน่วงของลูกสาวทำให้คนเป็นแม่ถอนหายใจยาว “คิดให้ดีนะยัยก้อย ที่แม่พูดก็เพราะเป็นห่วงแกเท่านั้น” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาท่าน ดวงตาคล้ายมีหยาดน้ำเอ่อคลอ ในใจนึกตัดพ้อในโชคชะตาของตนเอง “แล้วถ้าบ้านหลังนี้ถูกยึด พวกเราจะไปอยู่กันที่ไหน ยกโขยงไปอยู่ห้องเช่าเหรอคะ ก้อยทนไม่ได้หรอก ห้องเล็กเท่ารูหนูแบบนั้น รู้ไปถึงไหน อายไปถึงนั่นเลยนะคะ” คำตอบของกรธิดาทำให้คนเป็นแม่หันไปสบตาคนเป็นพ่อ ก่อนจะหันมายิ้มอย่างมีเลศนัยกับบุตรสาว “แกไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น ขอแค่แกทำตามที่แม่บอก พวกเราก็จะอยู่อย่างสุขสบาย บ้านก็ไม่ต้องขายและไม่ถูกยึด” คำตอบของมารดาทำให้กรธิดาขมวดคิ้ว มันจะเป็นไปได้อย่างไร ดวงตาคู่สวยที่สบนัยน์ตาของมารดามีแววไหวหวั่นที่เกิดจากความสับสนและไม่ไว้ใจความคิดของท่านเลยสักนิดเดียว “คุณแม่คิดจะทำอะไรกันแน่คะ” ที่เพนต์เฮาส์ของอธิคมน์... กังสดาลมึนงงไปหมดเมื่อเห็นตัวเลขแปดหลักในบัญชีของตน ทั้งยังเบอร์โทร.ใหม่ที่อธิคมน์จัดการให้โดยไม่ถามสักคำพร้อมกับโน้ตเล็กๆ บนโต๊ะหัวเตียง ‘ฉันจะออกไปทำงานสักพัก เงินในบัญชีเอาไว้ใช้จ่ายส่วนตัว เรื่องงานยังไม่ต้องคิด ส่วนเรื่องออกไปหาเพื่อนฉันอนุญาต เจอกันตอนอาหารค่ำ...อธิคมน์’ หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นเมื่อลุกจากเตียงนอนพร้อมกับหยิบเสื้อคลุมมาสวม หล่อนตื่นขึ้นมาก็พบกับโน้ตใบนี้เท่านั้น จึงได้แต่ถอนหายใจยาว นี่เรากลายเป็นนกน้อยในกรงทองไปแล้วอย่างนั้นหรือ เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย หญิงสาวก็ไปนั่งริมสระว่ายน้ำ จากตรงนี้มองออกไปจะสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองกรุงยาวไกลสุดลูกหูลูกตา จึงนั่งทอดอารมณ์อยู่พักใหญ่ จากนั้นก็โทรศัพท์ติดต่อไปยังเพื่อนๆ “กุ๊ก นี่เบอร์กั้งเองนะ” “อ้าว เปลี่ยนเบอร์เหรอ” “อืม เปลี่ยนใหม่” “เปลี่ยนทำไม” กังสดาลถอนหายใจยาว หล่อนพอจะรู้ว่าอธิคมน์ทำแบบนี้เพราะอะไร “กุ๊กจำเรื่องคุณลุงกับคุณป้าที่ฉันเคยเล่าให้พวกแกฟังได้ไหม” “จำได้ มีอะไรเหรอ” “สองสามวันมานี้คุณป้าโทร.เข้าเครื่องฉันบ่อยมาก ไม่รู้ว่าโทร.มาทำไม ทั้งที่ฉันคิดว่าพวกเขาคงลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ายังมีหลานอยู่อีกคน แต่พอคุณคมน์รู้ เขาก็ไม่ยอมให้รับสายของคุณป้าอีก จนวันนี้พอตื่นขึ้นมาถึงรู้ว่าคุณคมน์จัดการเปลี่ยนเบอร์ใหม่ให้แล้ว” “ดีแล้วแหละกั้ง โทร.มาแบบนี้คงหนีไม่พ้นเอาเรื่องเดือดร้อนมาให้แกอีกนั่นแหละ ว่าแต่คุณพ่อทูนหัวของแกนี่ฉลาดนะ รู้ทันไปหมด” น้ำเสียงล้อเลียนของกุ๊กทำให้กังสดาลแก้มแดงเรื่อ แน่นอนสิ คนแบบอธิคมน์ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่รู้เท่าไร ชีวิตของเขาต้องพบเจอคนมากมายและทุกประเภท มีหรือเรื่องแค่นี้จะดูไม่ออก “เออ ตกลงเรื่องงานว่าไง ถ้าได้ใบรับรองมาแล้วพวกเราไปสมัครงานพร้อมกันเอาไหม” กังสดาลมองกระถางต้นไม้ด้วยสายตาครุ่นคิด คำสั่งของอธิคมน์ยังอยู่ในกระดาษที่หัวเตียง “มีอะไรหรือเปล่ากั้ง ทำไมเงียบไปล่ะ” เสียงกุ๊กดังแว่วเข้ามา “ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็อยากไปกับพวกแกนะ แต่ต้องถามคุณคมน์ก่อนว่าเขาจะอนุญาตไหม” คำตอบของเพื่อนทำเอากุ๊กนิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าเพื่อนจะหัวอ่อนปานนี้ “อะไรกัน นี่มันเกี่ยวกับอนาคตของแกเลยนะกั้ง ทำไมต้องรอถามคุณเขาด้วยล่ะ” “กุ๊กก็รู้ว่าเขาดูแลฉันมาตลอด จะทำอะไรฉันก็ต้องปรึกษาเขาก่อนจริงไหม” เสียงถอนหายใจดังมาจากเพื่อนรัก “เออๆ ได้ความว่าไงบอกกันด้วยนะ เอ้อ แล้วอย่าลืมโทร.ไปหานังแอนกับนังหยาดมันล่ะ เดี๋ยวมันจะไม่รู้ว่าแกเปลี่ยนเบอร์ใหม่แล้ว” “อือ วางสายจากแกแล้วจะโทร.ไป” คุยกันต่ออีกห้านาที หญิงสาวก็วางสายจากเพื่อนรักพลางถอนหายใจยาวเหยียด เมื่อมองดูนาฬิกาพบว่าตอนนี้เป็นเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาสิบห้านาที จึงผุดลุกจากเก้าอี้ เปลื้องเสื้อคลุมออกแล้วตรงไปยังสระว่ายน้ำ... เวลาเดียวกัน ตรงหน้าของอธิคมน์คือชายร่างผอมที่เขารู้จักดี ส่วนอีกคนคือผู้หญิงสาวหน้าตาสวยเรือนร่างงามสะพรั่งที่เคยผ่านตาเขามาบ้าง คนทั้งคู่คือคุณภิญโญและกรธิดา ชายหนุ่มมีสีหน้าเรียบเฉยขณะนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ภายในห้องส่วนตัวชั้นสามของสถานเริงรมย์ที่เขาเป็นเจ้าของ ด้านหนึ่งของกำแพงคือกระจก สามารถมองลงไปยังพื้นที่บริการนักท่องเที่ยวยามราตรีด้านล่างได้อย่างชัดเจน พนักงานบางส่วนเริ่มทยอยเข้ามาทำงาน มุมห้องมีริวและโดมนั่งสูบบุหรี่ ทว่าดวงตาจับจ้องมองมายังคุณภิญโญเขม็ง ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อยกับการถูกจ้องมองด้วยสายตาพร้อมรับคำสั่งของคนทั้งสอง “เด็กบอกว่าคุณมีเรื่องสำคัญต้องการคุยกับผม” ดวงตาคมกริบน่าเกรงขามมองตรงไปยังชายร่างผอม ทำเอาฝ่ายนั้นถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ “ผมติดต่อหลานไม่ได้ เลยอยากมาถามคุณว่ากั้งเปลี่ยนเบอร์หรือเปล่า” คำตอบจากผู้มาเยือนทำให้ชายหนุ่มถึงกับกระตุกยิ้ม ทว่าแววตากลับดุกระด้างชวนขนลุก “แล้วจะติดต่อทำไมอีก...” คุณภิญโญหลบตาคมกล้าที่มองมาวูบหนึ่ง พลางสบตากับบุตรสาวคนงามที่นั่งนิ่งข้างกาย “เอ่อ คือว่า ลูกสาวผม ยัยก้อยอยากจะจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ฉลองให้กับกั้งที่เรียนจบ ก็เลยอยากจะชวนน้องไปเลี้ยงฉลองกันที่บ้านของผม” มุมปากได้รูปของอธิคมน์ยกขึ้นเล็กน้อยอย่างรู้จุดหมายของคนทั้งคู่ ขณะจุดบุหรี่ขึ้นสูบแล้วพ่นควันตรงไปยังคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม “ทันทีที่กั้งมาเหยียบที่นี่ ตั้งแต่นั้นเธอคือคนของผม ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องเกี่ยวข้องกับพวกคุณอีก” เขาจบประโยคด้วยควันสีเทาที่ลอยออกมาอีกครั้ง ทำเอาคุณภิญโญกำมือแน่น ทว่าเขาไม่อยู่ในฐานะที่จะแข็งกร้าวหรือโต้ตอบได้อย่างใจนึก เวลาเดียวกันนั้น กรธิดาลอบสังเกตอธิคมน์อยู่เงียบๆ จึงพอสรุปได้ว่า คนตรงหน้ามีบุคลิกน่ายำเกรงชวนขนลุกชันแม้จะอยู่ในท่าทางสบายๆ และสุภาพก็ตามที หน้าตาของเขาอาจไม่ถึงกับหล่อเหลา แต่จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากคนหนึ่ง ทว่าความคมเข้ม บุคลิกและรัศมีบางอย่างที่เปล่งประกายออกมาทำให้ผู้ชายตรงหน้าเต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศ กรธิดาเพิ่งมาตระหนักได้ในยามนี้เองว่า หล่อนปล่อยผู้ชายที่น่าสนใจที่สุดหลุดมือไปเสียแล้ว ชายหนุ่มดูเวลาแล้วขยี้บุหรี่ลงบนจานแก้วก่อนผุดลุกเต็มความสูง เป็นอีกครั้งที่กรธิดารู้สึกหวั่นไหวกับชายตรงหน้า จริงๆ แล้วอธิคมน์คือผู้ชายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์มากที่สุดเท่าที่หล่อนเคยคบหาเพศตรงข้ามมาเลยก็ว่าได้ อธิคมน์รู้ตัวว่ากำลังถูกกรธิดาจ้องมอง จึงสบตากับหญิงสาวตรงๆ และมองกลับไปอย่างสำรวจตรวจตราจนคนถูกมองร้อนผ่าวไปทั้งดวงหน้า พยายามปกปิดแววตาชื่นชมที่มีต่อเขา แต่เจ้าของนัยน์ตาคมกว้างกลับรู้ทันความคิดพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย “ก้อยก็แค่อยากเจอน้อง เพื่อแสดงความยินดีสักครั้งเท่านั้น” ชายหนุ่มก้าวออกมาหยุดลงตรงหน้าสองพ่อลูกที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีที่เขาลุกขึ้นยืน “สี่ปีที่ผ่านมาทำไมไม่นึกอยากติดต่อ จะมาอยากติดต่ออะไรตอนนี้” เขาสบตาคู่งามของกรธิดาด้วยแววตาชนิดหนึ่ง ที่ทำให้คนที่แอบชื่นชมเขาอยู่หยกๆ ขนลุกซู่ด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นขวัญหนีดีฝ่อ ผู้ชายคนนี้มีความสามารถพิเศษอีกอย่างคือทำให้เพศตรงข้ามเกิดความชื่นชมไปพร้อมกับความรู้สึกหวาดกลัวจับใจ แต่นั่นกลับยิ่งทวีความน่าสนใจในตัวเขาเพิ่มมากขึ้น “ถ้าคุณจะอนุญาต เราสัญญาว่าจะไม่มารบกวนคุณอีก” หญิงสาวสบตาคู่คมด้วยแววตาแน่วแน่ ทำให้ อธิคมน์มองจ้องตาหญิงสาวนิ่ง ทว่าเพียงครู่เดียวเขาก็กระตุกยิ้ม “มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ” สองพ่อลูกเงียบงัน ขณะที่คนถามยกยิ้มมุมปาก “คุณมีอะไรมาแลกเปลี่ยนล่ะ” “คุณต้องการอะไรล่ะคะ บอกฉันมาสิ” เจ้าของดวงตาคู่งามมองเขาอย่างท้าทาย แล้วขยับเข้าไปใกล้จนปลายอกอิ่มในชุดสูทลำลองในแบบผู้หญิงแทบชนกับแผงอกกว้างของอธิคมน์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD