13# ตอน ชายหนุ่มผู้มีชะตาดอกท้อ

1909 Words
“แต่ทำไมเธอถึงไปได้ล่ะ! ไม่ใช่ว่าพี่ชายกลัวเธอจะหึงหรือ? ที่แท้เธอก็เป็นคนแบบนี้ นี่พี่สาวคุณช่วยทำใจกว้างกับฉันได้ไหม เธออายุขนาดนี้ควรเข้าใจอะไรหน่อย จำเป็นต้องใจแคบด้วย” ความยโสเอาแต่ใจอย่างไม่สนคนอื่น และการที่หัวหน้าปล่อยให้หลานสาวพูดไม่ดีใส่หน้าเฟิ่งอิง ทำให้เขาหมดความอดทน ดวงตาที่เคยราบเรียบกลายเป็นเย็นชา ยามมองผู้ที่อาวุโสกว่า เขาขยับปากพูดอย่างห้วน บ่งบอกถึงอารมณ์ที่ขุ่นมัวในตอนนี้ ไม่สนว่าจะผิดใจใครหรือไม่ “หัวหน้าครับ ผมว่าผมกับอิงอิงไม่ได้ร้ายกาจแบบนั้น ตลอดมาเธอมีน้ำใจช่วยคนอื่นทั้งที่ไม่จำเป็นต้องช่วย พวกผมมีเหตุผลที่สำคัญ หากหลานสาวคุณต้องการเที่ยวเล่น ในหมู่บ้านยังมีคนอื่นที่ว่าง ผมมีหน้าที่ของผม” “เว่ยหนิง อย่าเสียมารยาท!” ถูกอี้หานพูดตรงไปตรงมาใบหน้าของผู้นำแดงอย่างอับอาย เดิมคิดว่าเขาจะรักหยกถนอมบุปผา แต่เพื่อเฟิ่งอิงเขาไม่ลังเลที่จะขีดเส้นกับผู้หญิงคนอื่น เรื่องนี้ทำให้หัวหน้าหมู่บ้านทั้งโกรธที่ถูกหักหน้า และชื่นชมในความซื่อสัตย์ต่อความสัมพันธ์ ผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษขนาดนี้ในหมู่คนธรรมดาหาได้ยาก อีกทั้งหากทำให้อี้หานโกรธจริง ในอนาคตตนอาจต้องเสียใจถ้าขาดการสนับสนุนจากเขา “พวกเธอไปเถอะ สายมากแล้ว เดี๋ยวฉันจะให้ภรรยาอบรมหลานสาวของเธอ นายอย่ากังวลฉันเป็นคนมีเหตุผล” พอเขามองเฟิ่งอิงที่ไม่เพียงสวย แต่สง่างามดูดีจึงถอนหายใจ ถ้าเขายังหนุ่มก็คงทำเหมือนกัน ผู้หญิงที่ฉลาดจิตใจอ่อนโยนอย่างเธอ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะปล่อยให้หลุดมือ “คุณลุงคะ! แต่ฉัน.” เห็นพวกเขาเดินออกจากบ้านไป เว่ยหนิงแทบวิ่งตาม แต่เธอไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเงิน แบบนั้นเธอจะถูกคนหัวเราะเยาะ “พอได้แล้ว..! เธอคิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายเขาหรือ ถึงไปพูดแบบนั้น คนอื่นไม่ได้มีหน้าที่ต้องเอาอกเอาใจเธอ” “แต่ลุงเป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้านนะคะ ถ้าเอ่ยปากอย่างจริงจัง พวกเขามีแต่ต้องเชื่อฟัง” “เว่ยหนิง เธอช่วยเบิกตาให้กว้างหน่อย นี่มันสมัยไหนแล้ว คิดว่าพวกเขาต้องเชื่อฟังฉัน ขณะที่ฉันต้องการแรงสนับสนุนจากพวกเขา ถึงจะได้เป็นผู้นำของหมู่บ้านนี้ต่อไป เธอคิดจะทำลายอนาคตของฉันหรือ” “ฉันเพียงหวังจะช่วยลุงต่างหาก! โจวอี้หานคนนั้นมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม เขามีผลงานทำให้ลุงได้หน้ากับทางการเรื่องปลูกพืชอย่างมันฝรั่ง ยังรู้จักการปลูกสองครั้งต่อปี ถ้าฉันได้แต่งงานกับเขาไม่ยิ่งดีหรือ ตำแหน่งของลุงจะไม่สั่นคลอนและจะได้รับการสนับสนุนจากทุกทาง” “นั่นมันก็ใช่ แต่เธอควรรู้ให้ลึกซึ้งกว่านี้ คนที่ออกแนวคิดไม่ใช่อี้หาน แต่เป็นเสี่ยวอิงต่างหาก เธอไม่ควรไปยั่วโมโหเธอ ไม่อย่างนั้นฉันคงช่วยปกป้องเธอจากความเกลียดชังจากชาวบ้านไม่ไหว” คำเตือนของลุงเขยไม่ได้ทำให้เว่ยหนิงซาบซึ้ง เธอรู้เพียงว่าต้องแต่งงานกับเขาให้ได้ ชีวิตของเธอถึงจะสุขสบายไร้กังวล ไม่สนว่าเฟิ่งอิงจะโดดเด่นกว่าอย่างไร ในเมื่อล้วนเป็นผู้หญิงที่มีสิ่งล้ำค่าเหมือนกัน ของแบบนี้มันอยู่ที่จริตและลีลา ดังนั้นเธอจึงคิดเอาเองว่าควรศึกษาวิธีมัดใจผู้ชาย เชื่อว่าขอเพียงทำให้เขาเสพสมถึงสุดยอดปรารถนาจนกระอัก ความรักจะนับว่าเป็นอะไร “อี้หาน นายทำแบบนี้จะดีหรือ สีหน้าของพวกเขาดูไม่พอใจเอามากๆ” “แล้วยังไงเล่า เขาเป็นผู้นำคิดว่ามีอำนาจแล้วจะบังคับให้กินอะไรก็ได้ ประเทศได้ปรับเปลี่ยนกฎข้อบังคับ หากเขาใช้อำนาจในทางมิชอบ เราสามารถยื่นเรื่องร้องเรียน หัวหน้าเองก็เข้าใจในเรื่องนี้ถึงให้เราออกมา” “แต่การทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กน้อย มันจะไม่ทำให้นายลำบากใช่ไหม” “สำหรับฉันมันไม่เล็ก เธอแสนดีขนาดนี้ถูกคนเอาแต่ใจตำหนิจนเสียหาย ที่ฉันไม่เอาเรื่องถือว่าไว้หน้าเขาแล้ว” “ขอบคุณนะ ที่นายปกป้องฉันเสมอ” “เธอควรซาบซึ้งสิ ทำไมทำหน้าเหมือนหวาดกลัวอย่างนั้น” “ฉันเพียงคิดเล่นๆ ว่าตอนนี้นายดีต่อฉันมาก ถ้าวันหนึ่งนายเปลี่ยนไปฉันจะเสียใจแน่” “คนโง่..! ฉันชอบเธอขนาดนี้จะทำแบบนั้นได้ยังไง” “ไม่รู้สิ เรายังต้องพบเจออะไรอีกมาก” “ห้ามคิดแบบนั้น ไม่ว่ายังไงฉันจะไม่มีวันปล่อยมือเธอ ไปเถอะพวกพี่ชายกับน้าอาหลายคนที่รอเราอยู่” “อืม” เธอไม่รู้ว่าคำสัญญานี้จะเป็นจริงไหม แต่เธอปรารถนาจะให้มันเป็นแบบนั้น เมื่อไปสมทบกับคนอื่น พบว่ามีกลุ่มแม่บ้านที่ต้องการเข้าตลาดด้วยหลายคน เฟิ่งอิงเริ่มกังวลอีกครั้ง หากเรื่องนี้ไปถึงหูหัวหน้าหมู่บ้าน เขาจะพูดได้ว่าเธอกีดกันหลานสาวคนนั้นเพราะหึงหวง แม้เธอจะปฏิเสธเพราะไม่รู้จริงๆ ว่าจะมีผู้หญิงในหมู่บ้านไปด้วย เขาจะยังใช้ข้ออ้างเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของเธอ เธอว่าเธอมองนิสัยของหัวหน้าผู้นี้ออก เขาเหมือนคนมีคุณธรรมแต่ลึกๆ เขามักคำนวณเพื่อประโยชน์ส่วนตัวเสมอ ที่ลำเอียงส่วนหนึ่งเพราะอี้หานมีความโดดเด่น ชายหนุ่มกำลังสร้างฐานะให้ตัวเอง ถ้าได้เกี่ยวดองจะส่งผลดีอย่างมาก ถึงได้หลับตาปล่อยให้เว่ยหนิงเอาแต่ใจ ดังนั้นดีที่สุดคือชิงลงมือก่อน “ฉันว่า... ฉันต้องกลับไปที่บ้านผู้ใหญ่อีกครั้ง” “ไปทำไม เกวียนกำลังจะออกแล้ว หากมาไม่ทันเธอจะต้องเดินเท้านะ” “ก็ฉันไม่รู้ว่าจะมีน้าสาวพี่สาวไปด้วย และฉันมีธุระที่ต้องจัดการ ทำให้ฉันปฏิเสธการรบเร้าของเว่ยหนิง เธอคือหลานสาวภรรยาของหัวหน้า เธอต้องการออกไปเปิดหูเปิดตาเดินเล่นในเมือง แต่ฉันไม่ว่างพอจะดูแลเธอ ในเมื่อมีพวกคุณคงพอช่วยแนะนำเธอได้บ้าง” “พูดอะไรแบบนั้นอิงอิง ทุกคนที่ไปล้วนมีสิ่งที่ต้องทำ หากต้องคอยอำนวยความสะดวกให้คนที่ไปเที่ยวเล่นเกรงว่าจะเป็นการเพิ่มภาระ อีกอย่างภรรยาของหัวหน้าก็ว่าง การจะพาหลานสาวไปในเมืองมันไม่ได้ติดขัดอะไร” “แต่อี้หานก็ได้ยินความคิดเธอ ที่บอกว่าฉันใจแคบหึงหวงไร้เหตุผล หัวหน้าก็มีท่าทีไม่พอใจ” “เรื่องนั้นฉันเป็นคนออกปากเอง คนที่เขาฝากฝังให้ช่วยดูแลคือฉัน ดังนั้นหากไม่พอใจในเรื่องนี้ฉันจะเป็นคนรับผิดชอบ แต่มันคงไม่ดีนัก หากฉันต้องคอยเดินตามคอยเป็นพี่เลี้ยงให้ผู้หญิงคนอื่น” อี้หานรู้ดีว่าเฟิ่งอิงหวาดกลัวอะไร ดังนั้นเขาจึงจงใจแสดงจุดยืนของตัวเองต่อหน้าทุกคน นั่นทำให้เธอพึงพอใจอย่างมาก หากต่อไปมีคนเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาจะไม่สามารถสาปแช่งเธอได้เต็มปาก “มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?” “เมื่อเช้าฉันเห็นเธอสองคนเอาปุ๋ยไปบ้านหัวหน้า มันคงเป็นเรื่องจริง” “ฉันไม่ได้อยากก่อเรื่องนะคะ! และฉันไม่ได้หึงเธอ แต่ฉันอยากอธิบายดีๆ ทว่าเธอดูหงุดหงิด” “เสี่ยวอิงไม่จำเป็นต้องกังวล พวกเราว่าเราพอเข้าใจเธอ เรื่องที่เธอจะเข้าเมืองเพื่อหาเมล็ดพันธุ์มาทดลองปลูกเรารู้มาจากนางจีแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องหึงหวงแต่เพราะเธอมีธุระ” “มันถูกตามที่อี้หานพูด ป้าของเว่ยหนิงก็ว่าง แค่จะพาหลานเข้าเมืองจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ ทำไมต้องให้ผู้ชายอย่างเขาดูแล แบบนี้ไม่ใช่ว่ามีจุดประสงค์แอบแฝงรึ” “คุณป้าคะ ได้โปรดอย่าเข้าใจผิด เว่ยหนิงเป็นสาวน้อยน่ารัก เธอยังเด็กจึงไม่ค่อยรู้อะไร บางทีเธออาจแค่ต้องการสนิทกับอี้หาน” “โธ่ยัยหนูอิง! พวกเราอายุอานามตั้งเท่าไหร่ ลูกไม้ตื้นๆ มีหรือจะดูไม่ออก เธอนะต้องเชื่ออี้หานเอาไว้ ดูเธอสิ ไม่ค่อยทันเล่ห์เหลี่ยมคน” “ใช่ๆ ผู้ชายอย่างเขาหาได้ยาก มีคนส่งสะพานมาให้ไม่เพียงไม่ตอบรับไมตรี แต่ยังเตะเสียไม้กระจาย ป่านนี้หัวหน้าคงจุกจนพูดไม่ออก ถึงอย่างนั้นเธอสองคนอย่าได้ประมาท กับบางคนยิ่งได้ยากยิ่งกระเสือกกระสนจะเอา” “พอแล้วน่า! ไปพูดจาหยาบคายแบบนั้นทำไม ยังไงต้องไว้หน้าเขาที่เป็นผู้นำหมู่บ้านเรา เรื่องนี้อย่าได้พูดขึ้นมาอีก มันจะกระทบกับความสัมพันธ์” “กลัวที่ไหนกัน! ไม่อยากให้พูดก็อย่าทำสิ ยิ่งเป็นผู้นำยิ่งต้องแยกแยะ ไม่ใช่จะยัดเยียดหลานตัวเองเข้าบ้านคนอื่น ทั้งที่เขาก็บอกว่ามีคนที่จะแต่งงานด้วยแล้ว” “น้าคะ ขอบคุณที่เอ็นดูฉัน แต่คุณอาพูดถูก เราเป็นแค่คนตัวเล็กๆ เลี่ยงปัญหาไว้จะดีกว่า ฉันว่าเราไปกันเลยก็ได้ เรื่องนี้ถือให้จบไป ยังมีธุระอีกมากที่ต้องทำ” “เห็นมั้ย! ยังเป็นเสี่ยวอิงที่เข้าใจ ไปๆ ขึ้นเกวียน” เมื่อบรรลุเป้าหมายเฟิ่งอิงจึงวางใจ อี้หานมองทุกการกระทำของเขาขบขันเล็กน้อย ลูกกระต่ายที่แท้จริงคือหมาป่า เธอตั้งใจพูดเรื่องนี้ก่อน เผื่อว่าทางนั้นปล่อยข่าวเพื่อโจมตีเธอ เขาจึงสนับสนุนเธออย่างเต็มที่ ยิ่งเธออยากจบปัญหา กลัวว่าจะมีคนเดือดร้อน มันจะยิ่งทำให้ทุกคนอยากปกป้องเธอ ว่าที่ภรรยาคนนี้เขาช่างเก็บมาได้ถูกคน นั่งเกวียนราวชั่วโมงครึ่งจึงถึงตลาด เกวียนสองเล่มจอดฝากไว้ท้ายตลาด ไม่มีค่าฝากเพราะเจ้าของเกวียนจะจัดการเอง เขามีธุระใกล้ๆ มีเรื่องพบปะสหาย จึงไม่ต้องให้ใครมาเฝ้าแทน แต่กำชับว่าให้ทุกคนซื้อของอย่าได้เกินสี่ชั่วโมงเพราะต้องพาวัวกลับไปกินหญ้า เนื่องจากวันนี้เขาไม่คิดค่าเกวียน “อิงอิง เธออยู่กับน้าสาวก่อน ฉันกับพี่ชายคนอื่นจะรีบไปทำธุระ หากมีของหนักให้ฝากไว้เดี๋ยวฉันจะกลับไปขนเอง” “ตกลง นายไปเถอะ” “เฮ้ดูชายหนุ่มกับหญิงสาวสิ! พวกเขาเหมือนใบไม้ในวสันต์ฤดู อบอุ่นและเบ่งบาน” “หุบปากน่า! ไปล้อเขาแบบนี้นายอิจฉารึ” “ไม่ได้รึไง ฉันก็เคยมีวัยหนุ่มนะ” ทุกคนหัวเราะชอบใจ เฟิ่งอิงหน้าแดงเหมือนมะเขือเทศ มือดันให้อี้หานรีบจากไปไวๆ เธอร้อนทั้งหน้าจนทำอะไรไม่ถูก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD