14# ตอน คนที่ไม่คิดว่าจะได้พบ

2027 Words
“เสี่ยวอิงฉันจะไปด้านนี้ ว่าจะดูผ้าไปเย็บเสื้อ เธอจะไปด้วยกันมั้ย” “น้าไปกันเถอะค่ะ ฉันอยากไปดูตรงนั้น เห็นมีเมล็ดพันธุ์วางขาย” “ตามใจ แต่ว่ามีอะไรให้เรียกพวกเรา อย่าปล่อยให้ตัวเองถูกรังแกเข้าใจไหม” “ค่ะ ฉันทราบ” มองผืนกระสอบเก่าที่ถูกปูแทนผ้า เพื่อวางขายเมล็ดพันธุ์ถั่วลิสงเก่าเก็บ มีบางเมล็ดขึ้นรา ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงไม่สนใจที่จะแวะสอบถาม ของที่ไม่สามารถปลูกขึ้นทั้งยังกินไม่ได้จะยอมเสียเงินไปทำไม แต่เฟิ่งอิงสังเกตถึงเมล็ดที่พอปลูกได้ เธอสามารถคัดเมล็ดที่มีอัตราการงอก มากกว่าจะมองแต่จุดที่เสีย ยังคาดหวังว่าราคาคงพอต่อรองได้ “เธอสนใจเมล็ดถั่วของฉันหรือ ถือว่าเธอมีสายตาที่ดี” “แน่นอนว่าฉันสนใจ แต่ต้องดูว่าราคาจะสามารถตกลงกันได้ไหม หากมันแพงจนฉันซื้อไม่ไหวคงต้องผ่านก่อน” “หึๆ ใครบอกล่ะว่าฉันจะขายมัน” “ไม่ขายหรือคะ? แล้วทำไมคุณจึงเอามาวางตรงนี้ มันทำให้คนอื่นเข้าใจผิด” “นั่นเป็นเรื่องของคนอื่น เธอไม่เห็นหรือว่าไม่มีสักคนที่แวะถามเลย ฉันนั่งตรงนี้มาเดือนกว่าแล้ว มีเธอเป็นคนแรกที่เดินเข้ามา” “เช่นนั้นคุณตาต้องการอะไร แค่ตากมันเอาไว้จนขึ้นราเท่านั้นเอง?” “ตอนแรกฉันยังชมเธอที่มีสายตาเฉียบคม แต่ตอนนี้เธอกลับไม่เข้าใจอะไรเลย เธอคิดว่าของมีไว้เพื่อขายอย่างเดียวหรือ มันจำเป็นต้องใช้เงินแลกเปลี่ยนเท่านั้น” “ความหมายของคุณคือ... คุณต้องการทำข้อตกลงด้วยถั่วกองนี้?” “เธอเริ่มฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว นั่งลงสิ” เฟิ่งอิงขยับมานั่งลงข้างๆ มีเก้าอี้เตี้ยตัวหนึ่ง เธอยังไม่พูดอะไรแต่พิจารณาถั่วลิสงตรงหน้า คาดคะเนว่าน่าจะราวสิบห้ากิโลกรัมเห็นจะได้ แต่ปัญหาคือมีจำนวนไม่น้อยที่ขึ้นรา คิดเป็นหนึ่งในสี่ส่วน แต่มันคือการประเมินคร่าวๆ “ข้อเสนอของคุณตาคืออะไรคะ” “ง่ายมาก เธอต้องคืนถั่วให้ฉันสองเท่า” “....” คำพูดที่เย่อหยิ่งนี้ทำให้เฟิ่งอิงอึ้งไปชั่วขณะ เขาบอกว่าต้องการถั่วกลับได้คืนมาสองเท่า เธอก้มมองถั่วตรงหน้า ขยี้ตาซ้ำแล้วเงยขึ้นมองเขา ชายชรานั่งสูบยาอย่างใจเย็น ท่าทีของเขาไม่ใช่การล้อเล่นแต่อย่างใด “โอ้คุณตา! ข้อเสนอนี้มันจะเป็นไปได้หรือ มีของเสียมากเกินไป อย่าพูดถึงเรื่องที่เมล็ดมีความสมบูรณ์เต็มสิบส่วนเลย ถ้าฉันนำไปปลูก ผลผลิตทั้งหมดไม่ต้องมอบให้คุณคนเดียว แบบนี้ฉันจะเหลืออะไรล่ะ” “ถ้าเธออยากรู้ก็ต้องลองปลูกดู จะว่าฉันขี้โม้ก็ได้ แต่ถั่วพันธุ์เป็นสายพันธุ์พิเศษ มันสามารถงอกผลผลิตได้มากถึงสี่เท่า ดังนั้นเธอคืนมาให้ฉันสองเท่า เธอยังเหลืออีกมาก และด้วยการปรับปรุงพัฒนาของฉัน ไม่เพียงไม่ต้องรดน้ำขอเพียงให้มันงอกขึ้นมามีใบเลี้ยง มดแมลงจะไม่ทำลายเสียหาย ยิ่งกัดยิ่งแตกยอดดี ที่สำคัญยังไม่เป็นโรคหรือติดราได้ง่าย” “ฉันอยากเชื่อคุณนะคะ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ว่ามันขึ้นราอยู่หรือ” “อะแฮ่ม! อันนี้ไม่นับ” เฟิ่งอิงกะพริบตาปริบๆ แบบนี้ก็ได้เหรอ เป็นคำพูดที่เอาแต่ใจเกินไปชะมัด “ฉันว่าฉันขอสละสิทธิ์ดีกว่า ฉันคงไม่มีความสามารถขนาดนั้น” “เดี๋ยวสิยัยหลาน ฉันรู้ว่าเธอทำได้” “เอ๋? อะไรทำให้คุณมั่นใจขนาดนั้น เราไม่รู้จักกันมาก่อน” “แน่ใจรึว่าไม่เคย” เฟิ่งอิงขมวดคิ้วจนย่นเข้าหากัน ในความทรงจำหรือแม้แต่ภาพฝัน เธอมั่นใจว่าไม่รู้จักชายแก่ตรงหน้า และเหมือนเขาจะรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เพียงกวักมือบอกให้นั่งลง เธอดันบ้าจี้ทำตามอีกด้วย คล้ายมีบางอย่างช่วยโน้มน้าว รู้ตัวอีกครั้งก็นั่งลงที่เดิม เขาหยิบถั่วขึ้นมาหนึ่งเมล็ด ส่งมาตรงหน้าเธอ “เธอลองดูมันให้ดี มองให้ชัดว่ามันเหมือนกับถั่วลิสงที่เธอเคยเจอมาก่อนไหม เด็กที่เติบโตมาอย่างดีคงผ่านหูผ่านตามาไม่น้อย” “รู้ได้ยังไงคะ หรือว่าเราเคยรู้จักกันจริงๆ” คราวนี้เขาไม่ตอบ เพียงยิ้มให้เธออย่างที่ผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งมองลูกหลาน นั่นมันทำให้เฟิ่งอิงรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ก่อนสายตาของเธอจะให้ความสนใจกับถั่วบนมือเขา “อืม...ไม่เหมือนจริงๆ เปลือกหุ้มดูเข้มกว่า เป็นสีชมพูอมม่วง ขนาดเมล็ดก็ใหญ่กว่าทั่วไป และกลิ่น? ใช่แล้ว! กลิ่นของมันหอมชัดกว่าปกติ” “เด็กดี บางอย่างใช้ตามองอย่างเดียวไม่ได้ ตามที่ฉันได้บอกเธอไปว่ามันคือพันธุ์พิเศษ รุ่นนี้ต้องผ่านการปรับปรุงอยู่หลายครั้งถึงจะทำสำเร็จ แต่น่าเสียดายที่สถานการณ์มันวุ่นวายเรื้อรังยาวนาน ของดีๆ จึงไม่ปรากฏสู่สายตาผู้คน” “เฮ้อ! พูดมาขนาดนี้ดูเหมือนฉันคงปฏิเสธไม่ได้” “มันเป็นแบบนั้นต้องแต่เธอนั่งลงแล้วล่ะ” เขาหัวเราะชอบใจผิดกับเธอที่หน้าบูดเพราะเสียรู้คนแก่ พูดคุยกับเขาอยู่ราวสิบนาทีก็ได้กระสอบถั่วขึ้นรามาถือไว้ เดินออกมาสองร้อยเมตร จึงเคาะขมับตัวเองว่าไปตอบรับเขาได้ยังไง เธอยังต้องอธิบายเรื่องนี้กับอี้หานอีก แต่ดูเหมือนวันนี้ฟ้าจะไม่ปรานีเธอเท่าไรนัก ขณะที่เดินสอดส่องหาสิ่งที่จำเป็นต้องซื้อ ในระหว่างรอเงินจากการขายมันฝรั่ง หางตาของเธอได้เห็นคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจออีกในชีวิต “น้องแปด! นั่นเธอใช่มั้ย” “...!” เฟิ่งอิงตัวชาวาบ เสียงที่คุ้นเคยทำให้เธอแทบหยุดหายใจ แต่เพราะมีผู้คนพลุกพล่านมาก จึงทำให้ร่างของเธอกลืนหายไปกับฝูงชน เมื่อเขามาถึงจึงไม่เห็นเธอแล้ว “มีอะไรหรือครับคุณชายหก” “ฉันคิดว่าฉันเห็นน้องแปด” “จะเป็นไปได้อย่างไรครับ คุณหนูแปดเธอตายไปสองปีกว่าแล้ว” “แต่เราไม่พบศพของเธอ บางทีเธออาจยังมีชีวิตอยู่” “โธ่คุณชาย! ไม่เห็นจำเป็นต้องใส่ใจกับเรื่องนี้ ตอนนี้จูผิงคือน้องสาวของคุณนะครับ อย่าลืมสิ” “ฉันรู้ แต่เธอเป็นลูกบุญธรรมของบ้านเฟิ่งเท่านั้น ตราบใดที่ไม่เจอศพ ฉันไม่เชื่อว่าน้องสาวของฉันจะตาย อีกอย่างอย่าได้พูดเหมือนรำคาญเธอ นั่นคือสายเลือดตระกูลเฟิ่ง ถึงนายจะเป็นพ่อของจูผิงแต่นายยังเป็นคนขับรถของบ้านฉัน ไม่ใช่พ่อฉัน” “ขออภัยครับ ผมจะไม่พูดแบบนั้นอีก” “พ่อแม่ฉันอุปการะลูกสาวนาย ไม่ใช่ว่าจะแทนที่ตัวจริงได้ ตัวปลอมยังไงก็คือตัวปลอม คนอื่นอาจเชื่อว่าน้องแปดของฉันทำร้ายจูผิง แต่ฉันเชื่อมั่นในตัวของน้องสาว ต่อไปนายไม่ต้องมาขับรถให้ฉันอีก” “แต่คุณชายครับ!” “กลับไปซะ! วันนี้ฉันไม่ต้องการคนขับรถ” “ครับ” เพราะตนเป็นเพียงลูกจ้าง ต้องกดข่มความไม่พอใจเอาไว้ แต่เมื่อใดก็ตาม ที่จูผิงลูกสาวเขาสามารถเข้ามาแทนที่เฟิ่งอิงคนนั้นเต็มร้อย เป็นทายาทตระกูลเฟิ่งลำดับที่เก้า คอยดูว่าแกจะเป็นรายต่อไปไหม ตอนนี้ตระกูลเฟิ่งเหลือลูกชายแค่สามคน คือคุณชายรอง คุณชายสาม คุณชายหก ลูกสาวตายหมดแล้ว ไว้ค่อยไล่กำจัดทีละคน เฟิ่งอิงยืนเอามือปิดปากสะกดกลั้นน้ำตาไว้ แต่ไม่อาจห้ามวารีเม็ดใสไม่ให้ไหลออกมาจนอาบแก้มได้ เธอไม่คิดว่าพี่ชายที่ชอบเมินและเย็นชาต่อเธอ เขากลับเชื่อมั่นในตัวเธอขนาดนี้ “ฮึก! ฉันควรทำอย่างไรดี ควรออกไปพบเขาไหม” หลังจากครุ่นคิดอย่างใจเย็น เฟิ่งอิงตัดสินใจจะหลบซ่อนต่อไป ทว่าเธอเป็นห่วงพี่ชายจึงแอบติดตามเขา แววตามุ่งร้ายของคนขับรถทำให้เธอไม่สบายใจ จูผิงเสแสร้งเก่งไม่ต้องถามว่าได้มาจากใคร หากไม่ใช่พ่อแม่ของเธอ จนได้รู้ว่าปัจจุบันเขาร่วมหุ้นทำการค้ากับนายทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นไปด้วยดี และเขาอาศัยที่ร้านนานครั้งถึงจะกลับบ้าน เธอเดาว่าเขาไม่ยอมรับสถานะของจูผิงและไม่ยินดี ในขณะที่คนทั้งบ้านเอ็นดูเธอ “อิงอิง เธอมาทำอะไรที่นี่” “ฉันเพียงอยากมาดูแถวนี้ไม่คิดว่านายก็อยู่” “เธอไม่ควรเดินไปทั่ว เกิดหลงทางขึ้นมาจะตามหากันยาก แล้วทำไมตาถึงแดงขนาดนั้น นี่เธอร้องไห้! ใครทำอะไรเธอ” “ฉันแค่เจอเรื่องบางอย่างทำให้นึกถึงอดีต แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว นายอย่าห่วงเลย” “แค่นั้นจริงหรือ” “อืม แค่นั้น” “ว่าแต่ทำไมนายมาคนเดียว ไม่ใช่ว่าไปติดต่อร้านกับคนอื่นๆ หรือ” “คุยแล้ว พวกเขายินดีรับซื้อถ้าทั้งหมดเหมือนตัวอย่างที่เราเอามา อาสามจึงอาสาพาเถ้าแก่ไปดูผลผลิตที่หมู่บ้าน เรื่องราคาเราจะขายให้ในราคาส่ง ถึงมันจะดูเหมือนเราโดนเอาเปรียบแต่จริงๆ แล้วไม่ใช่” “อย่างไรเราต้องคำนึงถึงค่าขนส่งค่าจัดการของพ่อค้าคนกลาง เรื่องนี้เขาจะรับผิดชอบเอง ชาวบ้านมีหน้าที่ปลูกเท่านั้น” “ดีจัง นายเก่งมากที่หาแหล่งรับซื้อประจำได้” “ใครว่า... สัญญาคือปีต่อปี อิงจากราคากลาง ถึงเขาจะน่าเชื่อถือแต่ไม่จำเป็นต้องปิดกั้นโอกาสตัวเอง เกิดถูกกดราคาขึ้นมาไม่ต้องเป็นผีถึงป่าช้า” “ว้าว! เถ้าแก่โจวทำให้ฉันอึ้งอีกแล้ว” “ฉันควรพูดคำนั้นมากกว่า ทำไมเธอถึงมีถั่วขึ้นราหืม?” “เอ่อ...” เฟิ่งอิงตะกุกตะกัก เธอลืมเรื่องนี้ไปเลย หลังจากเธอเล่าที่มาของถั่วลิสงกระสอบนี้แก่อี้หาน เขาถึงกลับนวดหัวคิ้วอย่างพูดไม่ออก ไม่เข้าใจเพียงคลาดสายตาหนึ่งชั่วโมงเธอจะถูกคนหลอกเข้า “ฉันไม่ควรปล่อยเธอไว้คนเดียว” “นายอย่าพูดแบบนั้นสิ เราไม่ได้เสียเงินเลยสักแดง” “ไม่เสียเงินแต่มีสัญญา หากว่าไม่สามารถคืนผลผลิตเป็นสองเท่าได้ คิดว่าตาเฒ่าคนนั้นจะปล่อยผ่านหรือ ถ้าเขานำเรื่องนี้ไปร้องเรียนเรียกค่าเสียหายจะทำยังไง” “มันอาจไม่ร้ายแรงขนาดนั้น นายอย่าเพิ่งตีโพยตีพายได้รึเปล่า อีกอย่างฉันได้ตรวจสอบดูแล้ว มันมีราขึ้นแค่เปลือกนอก อาจไม่เป็นไรก็ได้” “เปลือกนอกแล้วจะไม่ลามเข้าสู้เมล็ดภายในหรือ นั่นคือเปลือกอ่อนหุ้มไม่ใช่เปลือกหนาข้างนอก อิงอิงปกติเธอมีความระมัดระวังตัว กลับกลายเป็นแกะน้อยให้หมาป่าเจ้าเล่ห์หลอกเสียแล้ว” “นี่นายอย่าเพิ่งเครียดสิ ให้ฉันลองทำดูก่อนเถอะนะ” “ฉันปฏิเสธได้หรือ หวังว่ามันจะไม่ใช่การต้มตุ๋นที่เต็มรูปแบบจริง เราคงต้องจัดการคัดแยกเมล็ด รีบปลูกให้ได้ผลผลิตก่อนที่เขาจะมาทวงสัญญา” งานนี้อี้หานปวดหัวมาก เขาได้ติดต่อทำเครื่องบีบน้ำมันถั่วลิสง แต่เฟิ่งอิงดันรับถั่วเสียมาปลูก จะบอกว่าเสียค่าโง่คงไม่ผิดนัก แต่เขาจะต้องอึ้งจนต้องขอโทษเธอ เมื่อความคิดของเธอถูกต้อง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD